ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1933 แสดงพลังของอาวุธลับ
คนของตระกูลเซี่ยโหวกล่าวว่า “มู่เฉินซีเป็นคนสังหารลูกสาวของข้า ต้องแก้แค้นครั้งนี้ให้จงได้ นี่คือความแค้นส่วนตัวของพวกเรา พวกเจ้าอย่าเข้ามายุ่ง”
“มู่เฉินซีสังหารลูกศิษย์ของข้า ข้าแค้นจนไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้แล้ว!” ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักหลางซิงกล่าวอย่างหดหู่
พวกเขาเข้ามารุมล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้ และพวกเขาคิดว่าวันนี้นางถึงจะติดปีกก็บินหนีไปไม่รอดหรอก
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จะฆ่าข้า พวกเจ้าต้องกล้าที่จะลงมือสักหน่อย เพราะเกรงว่าคนผู้นี้จะต้องตายแล้วละ”
“เจ้าจะกล้าเกินไปแล้วนะ!” พวกเขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
พวกเขาเพียงแค่จะมาหาข่าวของตัวประกอบคนนี้เท่านั้น และพวกเขายังไม่อยากที่จะต้องกังวล เลยยังไม่ตรงเข้าไปลงมือ
และทันทีที่มู่เฉียนซีขยับนิ้ว “อ๊ากก!” เสียงที่น่าเวทนาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น คนผู้นั้นได้ถูกนางโยนออกไปทันที
“มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าฆ่าคนจริง ๆ! รนหาที่ตายนัก!” แม้จะเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเล็ก ๆ แต่ทว่ามู่เฉินซีกลับกล้าที่จะสังหารคนต่อหน้าพวกเขา แน่นอนว่ามันทำให้พวกเขาเสียหน้าเป็นอย่างมาก
พวกเขาแต่ละคนพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่ดุร้ายราวกับพยัคฆ์ และในเวลานี้ คนของสมาคมนักหลอมอาวุธย่อมนั่งกันไม่ติดแน่นอนอยู่แล้ว
“ในเมื่อพวกเจ้าคิดอยากจะแตกหักกับพวกเราคนของสมาคมนักหลอมอาวุธ เช่นนั้นข้าผู้นี้จะเป็นคนสั่งสอนพวกเจ้าเอง”
“มู่เฉินซีผู้นั้นเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตลูกศิษย์ที่รักของข้าไว้ วันนี้ภายในโรงหลอมอาวุธขั้นสุดยอดแห่งนี้จะไม่มีทางปล่อยให้ผู้ใดแตะต้องนางได้แม้แต่เส้มผมอย่างแน่นอน” ฉินเฟิงจู่เป็นผู้นำ และคนของโรงหลอมอาวุธขั้นสุดยอดก็เริ่งลงมือเช่นกัน
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!” ในเมื่อมีคนเข้ามายุ่งแล้ว มันจึงทำให้คนของสำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวไม่พอใจเป็นอย่างมาก
โชคดีที่พวกเขาพากำลังคนมาอย่างเพียงพอ ถึงแม้พวกเขาจะเข้ามาขัดขวาง แต่ถึงอย่างไรเสียมู่เฉินซีก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เงาร่างของคนจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี และมู่เฉียนซีก็ได้ให้เสี่ยวโม่โม่ออกมาจัดการศัตรู ในเวลานี้ยอดฝีมือจากอีกฝั่งนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
แม้ผู้นำสมาคมจะแข็งแกร่ง และพาคนมาด้วย แต่ทว่ามันเป็นการมาเพื่อแลกเปลี่ยนการหลอมอาวุธและไม่ได้มาจะมาเพื่อต่อสู้กับสำนักหลอมอาวุธ ซึ่งแน่นอนว่าเขาพาคนมาไม่เยอะเท่าไรนัก
เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องที่มู่เฉินซีอยู่ที่สำนักเจี้ยนเหมินจะไปถึงหูพวกสำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ หากอยู่ภายในสมาคมหลอมอาวุธ พวกเขาจะต้องไม่มีทางบุกเข้ามาได้อย่างแน่นอน
คนที่อยู่ในโรงหลอมอาวุธขั้นสุดยอดต่างก็เป็นนักหลอมอาวุธทั้งนั้น ซึ่งไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้เท่าไรนัก และมันก็เป็นข้อเสียเปรียบของพวกเขาอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
แม้ว่าจะมีคนไม่น้อยที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำให้สำนักระดับสี่ทั้งสองต้องขุ่นเคืองใจเช่นกัน ฉะนั้นพวกเขาจึงทำได้แต่เฝ้าดูเท่านั้น
ทันใดนั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสุดยอดคนหนึ่งก็จู่โจมเข้ามา ทุกคนต่างก็คิดว่ามู่เฉินซีต้องตายอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ มีร่างสีขาวร่างหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา แล้วขวางการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเอาไว้
“ตาเฒ่าที่อายุมากเช่นเจ้ายังกล้าที่จะรังแกสาวน้อยที่งดงามดั่งหยกบุปผาเช่นนี้ ข้ารู้สึกขายหน้าแทนเจ้าเหลือเกิน มาฆ่าคนในสำนักเจี้ยนเหมินของข้า เคยถามข้าหรือยังว่าเห็นด้วยหรือไม่”
มีกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งหลายคนกำลังใกล้เข้ามา ซึ่งเห็นได้ชักว่าเจ้าสำนักของสำนักเจี้ยนเหมินและเหล่าผู้อาวุโสได้มาถึงแล้ว
พลังอำนาจของสำนักเจี้ยนเหมินไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักหลางซิงและผู้นำตระกูลเซี่ยโหวเลย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวพวกเขา
ผู้นำสมาคมกล่าวว่า “เจ้าสำนักเจี้ยน คุ้มครองแม่สาวน้อยมู่ด้วย ถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าครั้งหนึ่ง”
“ไม่จำเป็นหรอก นางแข็งแกร่งมาก ลูกศิษย์ที่น่าผิดหวังของข้าต่างก็เอาชนะนางไม่ได้ และทักษะการหลอมอาวุธนั้นก็น่าประหลาดใจไม่แพ้กัน ข้านั้นชื่นชมแม่สาวน้อยผู้นี้ วันนี้เจ้าสำนักอย่างข้าต้องปกป้องนางให้ได้อยู่แล้ว” เจ้าสำนักเจี้ยนกล่าวอย่างมุ่งมั่น
สีหน้าของคนจากสำนักหลางซิงและผู้นำตระกูลเซี่ยโหวบึงตึงเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า “วันนี้สำนักเจี้ยนเหมินของพวกเจ้าต้องการจะกลายเป็นศัตรูกับกองกำลังระดับสี่อย่างพวกเราทั้งสองหรือ? เจ้าสำนักเจี้ยน เพื่อเด็กสาวคนหนึ่งแล้วไม่คุ้มค่าเลย เจ้าพิจารณาสักหน่อยเถอะ”
เจ้าสำนักเจี้ยนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เด็ก ๆ! แขกที่ไม่ได้รับเชิญเช่นนี้ ข้าไม่ชอบใจเสียจริง ส่งแขก!”
เห็นได้ชัดว่าสำนักเจี้ยนเหมินไม่ให้เกียรติพวกเขาเลยแม้แต่น้อย พวกเขาจึงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “วันนี้พวกข้าจะต้องสังหารมู่เฉินซีให้จงได้ หากเจ้าสำนักเจี้ยนยืนยันที่จะปกป้องนางเด็กสาวผู้นี้ เช่นนั้นก็ขอให้ข้าได้ประลองฝีมือกับคนของสำนักเจี้ยนเหมินทุกคนสักรอบก็แล้วกัน”
ตูมมมม!
ทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะกันอย่างดุเดือด ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอาณาเขตของสำนักเจี้ยนเหมิน ซึ่งในเวลานี้ก็ไม่ได้มีจำนวนที่ได้เปรียบมากเท่าไรนัก
ตูมมม โครมมม!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ มาอำพรางข้า!”
มีเจ้าสำนักเจี้ยนคอยช่วยเหลือ ความกดดันของมู่เฉียนซีจึงลดลงไปอย่างมาก ภายใต้การอำพรางของเสี่ยวโม่โม่ ถึงคนเหล่านี้คิดที่ฆ่ามู่เฉียนซีแต่ก็ไม่อาจที่จะหาร่องรอยของมู่เฉียนซีเจอได้อยู่ดี
“กำจัดเจ้าสัตว์เทพตัวนั้นไปก่อนค่อยว่ากัน หากไม่มีสัตว์เทพตัวนี้อยู่ ไม่ว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนใดก็สามารถฉีกร่างมู่เฉินซีได้แล้ว” ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ท่าหนึ่งของสำนักหลางซิงกล่าว
“ขอรับ!”
พวกเขาพุ่งเข้ามาโจมตีเสี่ยวโม่โม่ และเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดของเสี่ยวโม่โม่ก็เริงระบำอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีพวกเขา
อย่างไรก็ตามจำนวนคนที่มากและทรงพลังของพวกเขา ก็ทำให้เสี่ยวโม่โม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และขนนกสีดำจำนวนนับไปถ้วนก็ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ
ภายในแววตาของมู่เฉียนซีที่ซ่อนตัวอยู่ส่องประกายความมืดมิดออกมา และนี่ก็ถือว่าโอกาสที่ยอดเยี่ยมมาก
ทันใดนั้น นางก็ได้ปล่อยขนปีกหงส์ทมิฬให้เคลื่อนไหว มีขนนกลอยเคว้งอยู่กลางอากาศมากมาย และมันก็สามารถที่จะอำพรางอาวุธลับนี้ได้อย่างพอดิบพอดี รอเมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้วาดผ่านจุดตายของพวกไปเขาเสียแล้ว
พรวด พรวด พรวด!
มีสามคนที่ได้รับบาดเจ็บ และไม่ช้าพวกเขาก็ต้องถูกฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
และมีสองคนที่หลบเลี่ยงจุดสำคัญได้ แต่ทว่าบนลูกธนูนั้นถูกมู่เฉียนซีทายาพิษเอาไว้ แม้จะยังมีชีวิต แต่ก็อยู่ไม่ได้นานแล้วเช่นกัน
“บัดซบเอ้ย! มันคืออาวุธลับ!”
“คิดไม่ถึงว่าจะใช้ธนูลับทำร้ายคน สกัดกั้นมู่เฉินซีเอาไว้ ครั้งนี้อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้อีก”
พวกเขาสูญเสียคนจำนวนห้าคนภายในพริบตา ซึ่งทำให้พวกเขาปวดใจเจียนตายเช่นกัน
คนที่ชมการต่อสู้จำนวนมากต่างพากันตกตะลึง “มีอาวุธลับที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนอีกแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตจะสามารถฆ่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกทั้งยังฆ่าไปถึงห้าคนเลยด้วย!”
“พระเจ้า! ช่างเป็นอาวุธลับที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้!”
เดิมทีขนปีกหงส์ทมิฬไม่ได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เพียงแต่มีการอำพรางของเสี่ยวโม่โม่ เช่นนั้นจึงทำให้พวกเขาตกหลุมพรางเข้าจนได้
เปลวเพลิงสีดำที่น่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำเข้ามา “อย่ามาทำอันตรายนายท่านนะ”
มู่เฉียนซีร่วมมือกับเสี่ยวโม่โม่ ซึ่งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำต้องโจมตีเข้ามาอย่างระมัดระวัง และในเวลานี้ผู้ที่มากความสามารถมากกว่าระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อยต่างถูกคนตรึงเอาไว้หมดแล้ว
“แยกตัว กางค่ายกล โจมตี!”
“นภาคลั่งพิฆาต!”
“เมฆาขาวพิฆาต!”
“……”
ตูมมม โครมมม!
อย่างไรก็ตามความสามารถของเสี่ยวโม่โม่ไม่สามารถเอาไปเทียบกับสัตว์เทพระดับหนึ่งทั่วไปได้ เพราะเปลวเพลิงเช่นนั้นหาได้ยากยิ่ง บวกเข้ากับความเร็วของมู่เฉียนซีที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก ถึงพวกเขาจะทำทุกวิถีทางก็ยากที่จะโจมตีมู่เฉินซีได้อยู่ดี
แต่แน่นอนว่า มันก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน เพราะมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉินซีจากทางด้านหลังได้
และในเวลานี้มู่เฉียนซีก็หมุนตัวกลับมา จากนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงก็ถูกกวาดออกไป “พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
การโจมตีเช่นนี้สำหรับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งแล้วถือว่าพลังในการสังหารไม่แข็งแกร่งนัก และการโจมตีของเขาก็โถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง “ตายซะเถอะ! มู่เฉินซี!”
ในตอนที่การโจมตีของเขาและมู่เฉียนซีเข้าปะทะกัน ใบพัดของพัดวิหคเฟิงหลิงก็แยกออกจากกันและพุ่งเข้าจู่โจมที่จุดตายของเขา เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีประโยชน์หรอก!”
แต่ทว่าในเวลานี้ แมงมุมสีดำตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าไปจู่โจมเขาเช่นกัน และแมงมุมนี้ก็มีพิษ ซึ่งเขาก็เคยเห็นคนที่ถูกมันฆ่าตายมาก่อนหน้านี้แล้ว
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก และรีบหลบอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าจะตกหลุมพรางนี้ไม่ได้!
ในตอนที่เขาตั้งสมาธิเพื่อหลบหลีกแมงมุมสีดำตัวนี้ ทันใดนั้นขนนกสีดำก็พุ่งตรงไปยังแผ่นหลังของเขา และลูกธนูพิษจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ปักลงไปที่แผ่นหลังของเขา
เขาแข็งทื่อไปทั่วทั้งตัว ทันทีที่หันหน้ากลับมามอง และกล่าวอย่างเหลือเชื่อว่า “มู่เฉินซี เจ้ายังไม่ตาย!”
.
.