ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1932 แมงมุมพิษพันกรงเล็บ
มู่เฉียนซีเลือกเพียงของที่นางต้องการ ซึ่งมีหินแร่ที่หลงเซินเสนอมาให้กับของที่นางหาได้สองชนิดนั้น เท่านี้ก็ถือว่าเป็นจำนวนที่เพียงพอแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวกับหลงเซินว่า “ข้าหามาพอแล้ว ขอกลับก่อนแล้วกัน เจ้าก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
ทันทีที่ออกมาจากปากถ้ำ มู่เฉียนซีก็ให้เสี่ยวโม่โม่พากลับไปที่สำนักเจี้ยนเหมินทันที
หลงเซินจึงเริ่มหาหินแร่ใหม่อย่างรีบร้อน เพราะจะต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด
เมื่อถึงตอนที่หลงเซินกลับมา มู่เฉียนซีก็เริ่มหลอมอาวุธไปได้ระยะหนึ่งแล้ว
ไม่มีทางเลือก คราวนี้นางไม่อยากหลอมอาวุธวิญญาณธรรมดาอีกแล้ว ซึ่งมันทั้งซับซ้อนและใช้ความพยายามกว่ามาก ไม่แน่อาจทำเสร็จไม่ทันตามเวลา ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องทำให้เร็วเข้าไว้
หลงเซินเตรียมของที่จะใช้ในการหลอมอาวุธอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะช้าไปหนึ่งชั่วยาม แต่เขาจะไล่ตามให้เร็วที่สุดอย่างแน่นอน
หลงเซินเป็นลูกศิษย์ที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างเอาใจใส่จากนักหลอมอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของกองกำลังระดับสี่คนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะมีพลังในการต่อสู้ที่แย่มาก แต่ความสามารถในการหลอมอาวุธนั้นไม่เลวเลย
หากไม่ใช่เพราะมู่เฉินซีมาที่นี่ คาดว่าในบรรดาคนรุ่นใหม่นี้ ความสามารถในการหลอมอาวุธของเขา คงเป็นรองเพียงแค่มู่หรงโช่วเท่านั้น
หลงเซินหลอมอาวุธได้เร็วกว่ามู่เฉียนซีเท่าหนึ่ง และนั่นก็คือกระบี่ที่เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเจี้ยนเหมินใช้กันมากที่สุด ซึ่งคราวนี้เขาหลอมออกมาได้ตรงตามมาตรฐานอย่างน่าพึงพอใจ อีกทั้งยังใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพขั้นเก้า คุณภาพสมบูรณ์แบบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ฉินเฟิงจู่ ลูกศิษย์ของเจ้านี่ไม่เลวเลยจริง ๆ”
“ชมเกินไป ชมเกินไปแล้ว!” ฉินเฟิงจู่กล่าวพลางหัวเราะชอบใจ
เขามองไปทางมู่เฉินซีเล็กน้อย พลังในการต่อสู้ของแม่สาวน้อยผู้นี้น่าทึ่งเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดเท่านั้น
เขาไม่เชื่อว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งจะเหมือนกับมู่หรงโช่ว ที่สามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสุดยอดออกมาได้
หลงเซินจ้องมองไปที่มู่เฉินซีเช่นกัน เขาสงสัยมากว่านางจะสามารถหลอมอาวุธวิญญาณออกมาเป็นแบบไหน
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อย และมันก็ใกล้จะถึงเวลาสิ้นสุดการแข่งขันในครั้งนี้แล้ว
หากว่าทำเสร็จไม่ทันตามเวลาที่กำหนด ถึงแม้มู่เฉียนซีจะสามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสุดยอดออกมาได้ แต่ก็ถือว่าแพ้อยู่ดี!
ในเวลานี้ผู้นำสมาคมเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เขากระซิบกระซาบว่า “แม่สาวน้อยผู้นี้หลอมอาวุธวิญญาณอะไรกันนะ! คิดไม่ถึงเลยว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้?”
“ท่านอาจารย์ วิธีการหลอมอาวุธและงานฝีมือดูแล้วซับซ้อนเป็นอย่างมาก ข้ารู้สึกว่าแม่นางมู่น่าจะกำลังหลอมอาวุธลับที่ใกล้เคียงกับขนปีกหงส์ทมิฬ ซึ่งมันต้องใช้ความพยายามมากจริง ๆ”
ผู้นำสมาคมขมวดคิ้วมุ่น “แม่สาวน้อยคนนี้ จะไม่ระวังเกินไปแล้ว! แค่เอาชนะได้ก็พอแล้ว หลอมอาวุธลับเช่นนั้นออกมา มันจะทำให้คนอื่นรู้สึกทึ่งมากเกินไป และตอนนี้ยังมาหลอมอาวุธในที่สาธารณะเช่นนี้ ที่จริงแล้ว…ที่จริงแล้วมันน่าสนใจมากและอาจจะทำให้คนเหล่านั้นอิจฉาตาร้อนขึ้นมาก็เป็นได้
ไม้เรียวระหงกลางป่า ย่อมถูกลมโค่นได้ทุกเมื่อ แม่สาวน้อยผู้นี้ทำเรื่องต่าง ๆ อย่างกล้าหาญและไม่มีท่าทีที่จะสนใจเลยแม้แต่น้อย ความจริงแล้วนางมีไม้ตายหรือว่าเป็นเพียงแค่คนหุนหันพลันแล่นตามประสาคนอายุน้อยกันแน่นะ?
แต่เขาก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างหลังมากกว่า!
หากอยู่ที่สมาคมนักหลอมอาวุธ เขาสามารถควบคุม ไม่ให้คนอื่นแพร่งพรายไปภายนอกได้ แต่ทว่าที่นี้ไม่ใช่สมาคมนักหลอมอาวุธ หากนางหลอมของเล่นที่น่าทึ่งออกมาชิ้นหนึ่ง หลังจากนี้ไปนางอาจจะต้องเจออันตรายมากมายก็เป็นได้
ในขณะที่ผู้นำสมาคมกำลังเป็นกังวลอยู่นั้น เวลาก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปสุดท้าย มู่เฉียนซีก็หลอมมันออกมาได้สำเร็จแล้ว
ลำแสงสีดำสว่างวาบขึ้นมา และแน่นอนว่ากลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาของอาวุธวิญญาณชิ้นนี้แข็งแกร่งกว่าของที่หลงเซินหลอมออกมาอยู่แล้ว
แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าของเล่นชิ้นนี้คืออะไร แต่ก็คิดว่าอาวุธวิญญาณนี้คล้ายกับแมงมุมที่มีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น และยังเหมือนกับย่อขนาดมาจากตัวที่มู่เฉินซีสังหารไปก่อนหน้านี้อีกด้วย
มู่เฉียนซีได้นำอาวุธวิญญาณที่หลอมออกมาได้มอบให้ผู้ตัดสินทุกท่าน เหล่ากรรมการผู้ตัดสินต่างกล่าวด้วยความตื่นตกใจว่า “อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอด!”
“เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอด อีกทั้งคุณภาพก็เป็นระดับสุดยอดอย่างไร้ที่ติด้วย!”
“ถูกต้อง! ข้ามองไม่ผิดแน่”
ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนต่างจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างตกตะลึง “มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า! มีปีศาจในการหลอมอาวุธเหมือนอย่างมู่หรงโช่วเพิ่มมาอีกคนแล้วอย่างนั้นหรือ”
“สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือไม่ได้มีเพียงการหลอมอาวุธที่เป็นราวกับปีศาจเท่านั้นน่ะสิ!”
“น่าทึ่งเกินไปแล้ว”
หลงเซินจ้องมองไปทางมู่เฉินซี อย่างแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเช่นกัน!
แต่ทว่าอีกฝ่ายหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดออกมา มันก็ทำให้เขามั่นใจในความพ่ายแพ้แล้ว
เขาหันไปกล่าวกับฉินเฟิงจู่ว่า “ท่านอาจารย์ ขอโทษขอรับ ข้าทำให้โรงหลอมอาวุธขั้นสุดยอดของเราต้องพ่ายแพ้อีกแล้ว”
ฉินเฟิงจู่กล่าวว่า “อาจารย์ไม่โทษเจ้า หากจะโทษก็คงต้องโทษสมาคมนักหลอมอาวุธที่เอาแต่ดึงดูดคนแปลกประหลาดไปต่างหาก! คนแปลกประหลาดทั้งสองคนต่างก็ตรงไปยังสมาคมนักหลอมอาวุธกันทั้งนั้นเลย!”
ผู้นำสมาคมกล่าวอย่างสงสัยว่า “แม่สาวน้อยมู่ ของเล่นชิ้นนี้ใช่อาวุธลับหรือไม่! มันมีชื่อว่าอะไร? แล้วมันใช้อย่างไรล่ะ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้านี่เรียกว่าแมงมุมพิษพันกรงเล็บ และมันก็คืออาวุธลับนั่นแหละ”
มีคนกล่าวอย่างสงสัยว่า “อาวุธลับนี้ใช้โจมดีได้อย่างไร? แสดงให้ดูหน่อยได้หรือไม่”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ได้สิ! มีคนที่อยากจะใช้แสดงให้ดูอยู่พอดี”
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณ และแมงมุมพิษพันกรงเล็บในมือของนางก็บินออกไป และจากนั้นก็บินไปที่มุมหนึ่ง
คนตรงนั้นตกใจเป็นอย่างมาก และรีบหลบอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหลบไปแล้วอันหนึ่ง ภายในร่างของแมงมุมนี้ก็บินออกมาอีกตัวหนึ่ง อีกทั้งความเร็วของมันยังเร็วมากขึ้นอีกด้วย
เขาหลบหลีกอีกครั้ง ก็ยังคงมีแมงมุมตัวเล็กยิ่งกว่าเดิมปรากฏตัวออกมาอีก ต่อมาก็มีแมงมุมจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวออกมา อีกทั้งยังตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ซึ่งรวมกันแล้วมีประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบห้าตัวเลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วมันก็มีตัวหนึ่งที่ขนาดเล็กกว่าเส้นผมเสียอีก
เดิมทีแล้วพวกเขาไม่เข้าใจเล็กน้อย เห็นชัด ๆ ว่าแมงมุมนั้นมีแค่แปดขาเท่านั้น แล้วไปเอาชื่อพันกรงเล็บมาจากไหนได้ แต่ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจแล้ว
การหลอมอาวุธด้วยฝีมืออันประณีตเช่นนี้ แต่ใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็ทำสำเร็จแล้ว คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้อยากที่จะคุกเข่าให้มู่เฉียนซีเสียจริง ๆ
มีความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงเซิน เดิมทีเขาคิดว่ามีระดับห่างจากมู่เฉินซีเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาพึ่งเข้าใจว่าระดับของเขาห่างไกลกันมากเพียงใด
ฉินเฟิงจู่แอบคิดว่า ลูกศิษย์ของตนเองพ่ายแพ้อย่างไม่ยุติธรรม! ด้วยฝีมือเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่มู่หรงโช่วก็อาจจะทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางจะวิปลาสเกินไปแล้ว!
พวกของผู้นำสมาคมต่างจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง เพราะขนปีกหงส์ทมิฬก็ทำให้พวกเขาทึ่งมากพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ออกมาอีกชิ้นหนึ่ง
ตาข่ายขนาดใหญ่ถูดทอขึ้นกลางอากาศ และได้ขังคนผู้นั้นเอาไว้ จากนั้นแมงมุมตัวที่เล็กที่สุดตัวหนึ่ง ก็ได้ทิ้งบาดแผลไว้บนแขนของเขา
มันมีพิษ!
เขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความโกรธแล้วกล่าวว่า “มู่เฉินซี ข้าไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับเจ้า ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใช้อาวุธลับทำร้ายข้าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีความแค้นหรือ? หากไม่มีความแค้น เหตุใดถึงมุ่งจิตสังหารมาที่ข้ากันล่ะ? เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะสัมผัสมันไม่ได้น่ะ?”
“เจ้า…” เขามองไปยังมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึงเล็กน้อย
และในขณะนี้ คนที่มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ก็พุ่งทะยานออกมา
“มู่เฉินซี ปล่อยคนตระกูลเซี่ยโหวของข้าเดี๋ยวนี้ เจ้ากล้าก็ลองลงมือกับเขาดูสิ!”
“มู่เฉินซี มีคุณชายจูเชว่คอยคุ้มครองอยู่ดี ๆ ที่เมืองหนานหวางไม่ชอบ แต่ดันมาแสดงตัวอยู่ที่สำนักเจี้ยนเหมินนี้เสียอย่างนั้น เวลาตายของเจ้ามาถึงแล้ว” ไม่ได้มีเพียงแค่คนของตระกูลเซี่ยโหวเท่านั้น แม้แต่คนของสำนักหลางซิงก็มาด้วยเช่นกัน
เมื่อพวกเขาได้รับข่าวก็รีบร้อนมุ่งหน้ามาอย่างไม่หยุดพัก และเวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
ทุกคนต่างจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างอาฆาต แต่สีหน้าของมู่เฉียนซีนิ่งสงบและยังคงไม่ยอมปล่อยคนผู้นั้นไป
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง เพราะพวกเขาก็เคยได้ยินข่าวลือมาเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อที่จะจัดการมู่เฉินซีทั้งสำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวต่างไม่ลังเลที่จะส่งยอดฝีมือระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้มาเพื่อต่อสู้กับนาง และในบรรดาพวกเขายังมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอยู่ด้วย
ผู้นำสมาคมลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “แม่สาวน้อยมู่ตอนนี้เป็นคนของสมาคมหลอมอาวุธของพวกข้า พวกเจ้ากล้าก็ลองดูสิ!”
ฉินเฟิงจู่กล่าวว่า “แม่สาวน้อยผู้นี้คือแขกผู้มีเกียรติของพวกข้าสำนักเจี้ยนเหมิน พวกเจ้าสำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวพาผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มากมายเช่นนี้มาจัดการคนอื่น ความจริงแล้วมันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ!”
“เอาคนมามากมายขนาดนี้มารังแกสาวน้อยระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพียงคนเดียว ดูเหมือนพวกเจ้าทั้งสองกองกำลังระดับสี่จะไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจริง ๆ!” และผู้ที่มาชมการแข่งขันคนอื่นต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำของพวกเขาเช่นกัน
.
.