ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย - บทที่ 170 เตรียมงานแต่ง
หนึ่งร้อยเจ็ดสิบ
เตรียมงานแต่ง
เสวี่ยหยวนจิ้งเก็บของที่ต้องใช้ในพิธีแต่งงาน และมองไปทั่วเรือนอีกครั้ง จากนั้นก็ยกห่อผ้าขึ้นแล้วใส่กุญแจประตูเรือน ก่อนจะเดินทางไปยังวัดต้าเซียงกั๋ว
เมื่อเขามาถึงวัดต้าเซียงกั๋วแล้ว ก็มีคนสวมชุดพระเดินนำทางเขาไปยังที่อยู่ของป้าโจว
หลายวันที่ผ่านมาเสวี่ยเจียเยว่รอคอยเสวี่ยหยวนจิ้งมาหาตลอดเวลา เมื่อเณรน้อยตัวปลอมเข้ามารายงานว่าคุณชายเสวี่ยมาแล้ว คนที่กำลังนั่งอ่านพระคัมภีร์ด้วยจิตใจสงบก่อนหน้านี้ กลับลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
เสวี่ยเจียเยว่วิ่งออกไปข้างนอก ก็พบว่าเสวี่ยหยวนจิ้งกำลังก้าวเดินมาอย่างรวดเร็ว มีคนสวมชุดพระคอยหิ้วสัมภาระให้เขา
เสวี่ยหยวนจิ้งคิดถึงเสวี่ยเจียเยว่มาโดยตลอด เมื่อได้พบหญิงสาวในยามนี้ ฝีเท้าที่ก้าวเดินก็ยิ่งเร็วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“เยว่เอ๋อร์” เขาเดินมาถึงตัวเสวี่ยเจียเยว่ภายในไม่กี่ก้าว และรีบคว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอดแน่นโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
เสวี่ยเจียเยว่เป็นห่วงความปลอดภัยของเขายิ่งนัก ตอนนี้เมื่อเห็นเขาอยู่ตรงหน้าโดยไม่บาดเจ็บตรงไหน เธอก็ดีใจจนน้ำตาไหลพราก ชั่วขณะนั้นเธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอันใดดี ทำได้เพียงเอื้อมมือไปกอดเขาเท่านั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ เสวี่ยหยวนจิ้งก็เห็นป้าโจวเดินออกมา จึงผละออกจากเสวี่ยเจียเยว่ ทว่ายังคงกุมมือหญิงสาวเอาไว้แน่น และเดินไปโค้งคำนับป้าโจว
“ขอบคุณท่านมากที่ดูแลเยว่เอ๋อร์อย่างดี” น้ำเสียงสื่อให้เห็นถึงความจริงใจอย่างสุดซึ้ง
ป้าโจวพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขาพลางกล่าว “เยว่เอ๋อร์ก็คือลูกสาวข้า ข้าดูแลนางนั้นเป็นเรื่องที่สมควร”
จากนั้นนางบอกให้เขาเข้าไปนั่งด้านใน และให้เณรน้อยยกน้ำชามาให้
เสวี่ยหยวนจิ้งนั่งอยู่บนเก้าอี้ เสวี่ยเจียเยว่ก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ด้านข้าง จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
เมื่อป้าโจวเห็นท่าทางของหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ก็พลันนึกถึงตัวเองตอนที่อายุเท่ากับเสวี่ยเจียเยว่ ทุกครั้งที่ได้อยู่กับคนผู้นั้นนางรู้สึกสุขใจ ไม่ว่าจะเป็นหางตาหรือคิ้วล้วนอาบไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นที่ไม่อาจซ่อนเอาไว้ได้ แต่คนผู้นั้นกลับสังหารคนในตระกูลของนางจนหมดสิ้น…
นางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาทันที มือกำสร้อยประคำแน่นขึ้น แต่ไม่นานนักก็กลับมาเป็นปกติ แล้วเอ่ยถามเสวี่ยหยวนจิ้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ข้าได้ยินมาว่าการสอบต่อหน้าพระที่นั่ง เจ้าสอบได้หนึ่งในสามอันดับกลาง และต้องไปรับราชการตำแหน่งจือเซี่ยนในที่ห่างไกลใช่หรือไม่”
แม้ว่าป้าโจวจะอยู่ในวัดต้าเซียงกั๋วโดยตลอด แต่ถ้านางอยากรู้อะไร เพียงเรียกคนไปสืบหามาให้ก็ได้ เรื่องของเสวี่ยเจียเยว่กับเสวี่ยหยวนจิ้งที่อยู่ในเมืองผิงหยางเมื่อหลายปีก่อน นางก็ตั้งใจส่งคนไปสืบดู
อีกอย่าง… เพราะฮ่องเต้หย่งหนิงรู้ว่านางเป็นห่วงเสวี่ยหยวนจิ้ง ทันทีที่ผลการสอบต่อหน้าพระที่นั่งออกมา เขาจึงสั่งให้คนมาแจ้งนาง
ไม่ว่าอย่างไรป้าโจวก็รู้สึกเสียดายอยู่ดี…
ตอนอยู่ที่เมืองผิงหยางนางชอบเสวี่ยหยวนจิ้ง เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นคนฉลาด เวลาที่ควรโหดเหี้ยมก็โหดเหี้ยม นางอยากจะสนับสนุนเขาให้ได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นมีดในมือของนางต่อกรกับตระกูลเซี่ย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสังหารเซี่ยเทียนเฉิงเพราะความโกรธ
ทว่าเมื่อคิดดูเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะแย่เสียทีเดียว ยิ่งเขาไปอยู่ในสถานที่ห่างไกลเท่าไร ความสำเร็จก็จะยิ่งง่ายขึ้น ทั้งยังสามารถหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากเซี่ยซิ่งเหยียนได้ชั่วคราว จะดีกว่าหรือไม่หากรอเวลาสามปีค่อยกลับมาเมืองหลวง ดีกว่าอยู่เป็นขุนนางในสำนักฮั่นหลิน
นางคิดได้ดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยกับเสวี่ยหยวนจิ้ง “เรื่องนี้เจ้าคิดรอบคอบจริงๆ”
วันที่เสวี่ยหยวนจิ้งมาส่งเสวี่ยเจียเยว่ เขาบอกกับนางแล้วว่าจะไม่อยู่ในเมืองหลวง อยากจะไปรับราชการที่อื่น ส่วนกระดาษคำตอบในการสอบต่อหน้าพระที่นั่งนั้นเขาก็ตั้งใจทำ…
เสวี่ยหยวนจิ้งยิ้มบางพลางเอียงคอมองเสวี่ยเจียเยว่
เสวี่ยเจียเยว่เดิมทีก็มองเขาตลอดเวลา เมื่อเห็นเขามองมาจึงพยักหน้าให้เบาๆ พร้อมกับยิ้มมุมปาก
เมื่อก่อนเธอคิดว่า รอให้เสวี่ยหยวนจิ้งได้เป็นขุนนางใหญ่โตแล้ว ด้วยการปกป้องของเขา เธอจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่หลังจากเกิดเรื่องของเซี่ยเทียนเฉิง ตอนนี้เธอขอแค่ได้อยู่กับเขาเพียงสองคนอย่างมีความสุข จะเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โตหรือไม่แล้วสำคัญอย่างไร ได้อยู่กันอย่างสงบๆ ย่อมดีกว่าสิ่งอื่นใด ดังนั้นเธอจึงเต็มใจให้เสวี่ยหยวนจิ้งไปรับราชการที่นอกเมืองหลวง
ขณะที่เสวี่ยหยวนจิ้งคิดว่า ถึงแม้จะหลอกเซี่ยซิ่งเหยียนได้ชั่วคราว แต่เซี่ยเทียนเฉิงก็ตายไปแล้ว หากตามหาไม่พบวันแล้ววันเล่าเช่นนี้ ขุนนางผู้นั้นต้องวกกลับมาสร้างปัญหาให้เขาแน่ ดังนั้นการออกจากเมืองหลวงในเวลานี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เสวี่ยหยวนจิ้งรู้ว่าเสวี่ยเจียเยว่เข้าใจความหมายของเขาจึงยิ้มมุมปากทันที ดวงตาดำขลับเป็นประกายราวกับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มสนทนากับป้าโจวอีกสองสามประโยค ก่อนจะลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้นาง
“ข้ากับเยว่เอ๋อร์คิดจะออกจากเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ คำที่ข้าเคยขอท่านไปก่อนหน้านี้ คืออยากให้ท่านเป็นพยานเรื่องการแต่งงานของข้ากับเยว่เอ๋อร์ ข้าอยากแต่งงานกับนางวันนี้ขอรับ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเสวี่ยเจียเยว่ เขาไม่ได้ใช้คำพูดเหมือนกำลังกล่าวต่อหน้าโจวฮองเฮาเช่นในวันนั้น
เขากับเสวี่ยเจียเยว่ไม่มีญาติผู้ใหญ่สักคน มีเพียงป้าโจวซึ่งเป็นมารดาบุญธรรมของเสวี่ยเจียเยว่คนเดียวที่นับว่าเป็นผู้อาวุโส และการแต่งงานจำเป็นต้องมีผู้อาวุโสมาร่วมยินดี
ป้าโจวเห็นด้วยอย่างยิ่ง ก่อนจะรีบเรียกคนเข้ามา แล้วบอกให้พวกเขาไปเตรียมการ
เสวี่ยเจียเยว่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เสวี่ยหยวนจิ้งจะเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมา เธอจึงตะลึงงันไปทันที จนกระทั่งเธอได้สติกลับมา ก็เห็นป้าโจวออกไปดูคนเหล่านั้นเตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในพิธีแต่งงาน ในห้องเหลือเพียงเธอกับ เสวี่ยหยวนจิ้งเท่านั้น
“ท่านพี่” เสวี่ยเจียเยว่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูกเลย…
เสวี่ยหยวนจิ้งจับมือหญิงสาวขึ้นมาแล้วจูบลงบนหลังมือเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไร ข้ารู้ว่าเจ้าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น อยู่เฉยๆ รอเป็นเจ้าสาวของข้าก็พอ”
เขาส่งห่อผ้าที่นำมาด้วยเมื่อครู่นี้ให้เสวี่ยเจียเยว่ “นี่คือชุดแต่งงานของเจ้า ข้านำมาด้วย”
เสวี่ยเจียเยว่ยื่นมือไปรับห่อผ้ามา หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างห้ามไม่อยู่
จากนั้นเสวี่ยหยวนจิ้งก็พูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ข้าไม่เปิดดูชุดแต่งงานนี้เลยนะ ตอนข้าเก็บ ข้าปิดตาตลอด เจ้าเคยบอกว่ารอให้ถึงวันแต่งงานของเรา ตอนที่เจ้าสวมชุดนี้ ข้าถึงจะดูได้ ข้าจำที่เจ้าพูดมาตลอด”
เมื่อเสวี่ยเจียเยว่ได้ยินเช่นนั้น หัวใจก็ยิ่งเต้นรัวมากขึ้น ใบหน้ายิ่งแดงเรื่อราวกับดอกเสาเย่า[1] ที่เพิ่งแบ่งบาน ช่างงดงามมีเสน่ห์เหลือเกิน
เสวี่ยหยวนจิ้งเห็นเช่นนั้น หัวใจก็เต้นรัวเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “อีกไม่นานเจ้าก็ต้องแต่งงานกับข้า เจ้าดีใจหรือไม่”
เสวี่ยเจียเยว่พยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงดีใจเท่านั้น แต่เพราะไม่ได้เตรียมตัว ตอนนี้จึงมีความตื่นเต้นและกังวลอยู่ไม่น้อย ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกชื่นใจด้วย
“ข้าก็ดีใจ” เสวี่ยหยวนจิ้งบีบมือหญิงสาวเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกไม่นานพวกเราก็ต้องเข้าพิธีแล้ว เจ้ารีบเตรียมตัวให้พร้อม”
ใบหน้าของเสวี่ยเจียเยว่แดงเรื่อ เธอลุกขึ้นเดินตามเณรน้อยไปที่ห้องข้างๆ
เธอรู้ว่าเณรน้อยที่คอยรับใช้ป้าโจวคือสตรีปลอมตัวมา ดังนั้นยามปกติที่เผชิญหน้ากันจึงไม่ต้องหลบเลี่ยงมากเกินไป
สตรีที่ปลอมตัวเป็นเณรน้อยหลายคนได้รับคำสั่งจากป้าโจว ตอนนี้ก็กำลังทำความสะอาดอยู่ในห้องข้างๆ และยุ่งอยู่กับการจัดแต่งห้อง ในนั้นยังมีอีกห้องที่ใช้ฉากกั้นไว้สำหรับเป็นห้องอาบน้ำของเสวี่ยเจียเยว่โดยเฉพาะ
แม้ว่าในกุฏิจะเงียบสงบ แต่ข้าวของเครื่องใช้ภายในถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลังจากเสวี่ยเจียเยว่อาบน้ำแล้ว ก็มีเณรน้อยคอยปรนนิบัติแต่งตัวแต่งหน้าให้เธอ
มวยผมสูงตรงกลางมีปิ่นรูปหงส์ห้าหางสีทองแดงขนาดใหญ่กำลังสั่นไหวไปมา มวยผมทั้งสองข้างก็มีปิ่นรูปหงส์สีทองแดงข้างละหนึ่งอัน และมีดอกไม้กระดาษสีแดงขนาดใหญ่ปักอยู่ พวงแก้มขาวเนียนถูกแต่งแต้มอย่างงดงาม ริมฝีปากทาด้วยชาด เมื่อสวมชุดเจ้าสาวแล้ว สตรีที่ปลอมตัวเป็นเณรน้อยซึ่งคอยปรนนิบัติเธอก็ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“แม่นางเสวี่ยช่างงดงามจริงๆ อีกประเดี๋ยวหากใต้เท้าเสวี่ยเห็นท่านแล้ว ต้องตกตะลึงอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เสวี่ยเจียเยว่ได้ยินคำชมก็เขินอาย กระนั้นยังรู้สึกมีความสุขและเชื่อใจอยู่ดี จึงอดคาดคิดไม่ได้ว่าเมื่อเสวี่ยหยวนจิ้งเห็นเธอแล้วจะมีท่าทีเช่นไร
ก่อนหน้านี้เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่นาน ทำให้เสวี่ยเจียเยว่ไม่ได้กินข้าว เวลานี้เธอจึงรู้สึกหิวมาก เณรน้อยยกถ้วยทังหยวนมาให้พร้อมบอกว่า เมื่อกินแล้วแม่นางเสวี่ยกับใต้เท้าเสวี่ยจะอยู่กันอย่างกลมเกลียวและมีความสุขไปตลอดชีวิต
เสวี่ยเจียเยว่กินทังหยวนทั้งหมดในถ้วย เณรน้อยรับถ้วยมาแล้วถอยออกไป พอเดินไปถึงหน้าประตูก็เห็นว่าป้าโจวกำลังเดินเข้ามา จึงรีบคุกเข่าลงคารวะอย่างนอบน้อม
เมื่อเณรน้อยตัวปลอมคนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น ก็คารวะป้าโจวอย่างนอบน้อมเช่นกัน
ป้าโจวโบกมือเป็นเชิงบอกให้พวกนางถอยออกไป จากนั้นนางก็เดินเข้ามา กดไหล่เสวี่ยเจียเยว่ที่กำลังจะลุกขึ้น
“เจ้านั่งลงเถอะ ไม่ต้องลุกขึ้นมา”
นางมองเสวี่ยเจียเยว่ราวเห็นตัวเองที่กำลังจะแต่งงานในอดีต สวมชุดเจ้าสาวเช่นนี้ สีหน้าเขินอายรอคนรักของตนมาเข้าห้องหอ หางตาและคิ้วราวกับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างปิดไม่อยู่
ป้าโจวนั่งลงบนเก้าอี้กระเบื้องเคลือบ ก่อนจะจับมือของเสวี่ยเจียเยว่ สายตามองพิจารณาหญิงสาวอย่างละเอียด จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าช่างเป็นหญิงงามที่หาได้ยากจริงๆ สามีของเจ้าจะต้องตะลึงในความงามตอนเห็นเจ้าอย่างแน่นอน”
เสวี่ยเจียเยว่ก้มหน้าลง พวงแก้มสองข้างแดงเรื่อ
ป้าโจวพูดกับเสวี่ยเจียเยว่ไม่กี่ประโยค จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
“ข้าให้กำเนิดลูกชายเพียงคนเดียว ในใจก็อยากได้ลูกสาวมาก ตอนอยู่ในเมืองผิงหยาง ข้าระแวงเจ้าในตอนแรก แต่ต่อมาเจ้าปฏิบัติกับข้าอย่างจริงใจ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ หลังจากนั้นเจ้าก็ไหว้ข้าเป็นอาจารย์ เจ้ากับข้าอยู่ด้วยกันทุกวัน ในใจข้าชอบเจ้าอยู่ไม่น้อย อยากให้ลูกสาวของข้าเป็นเช่นเจ้า ตอนนี้… ในที่สุดข้าก็ได้รับเจ้าเป็นลูกสาวแล้ว อีกทั้งวันนี้ยังได้เห็นเจ้าแต่งงานด้วย”
หลังจากพูดจบนางก็ประสานมือแล้วเอ่ยชื่อเทพเจ้าออกมา ก่อนจะกล่าวต่อ “ดูเหมือนว่าหลายปีที่ข้ากราบไหว้ พระองค์จะทรงเข้าใจข้า”
เสวี่ยเจียเยว่รู้สึกซาบซึ้งใจ เธอจับมือป้าโจวแน่นแล้วเรียกนางเบาๆ “ท่านแม่”
เมื่อคิดดูแล้วจึงเอ่ยถามป้าโจว “ท่านบอกว่าท่านมีลูกชายและบอกว่าอายุมากกว่าข้า เช่นนั้นก็นับว่าเป็นพี่ชายของข้า ไม่ทราบว่าข้าจะได้พบพี่ชายท่านนี้เมื่อไรหรือเจ้าคะ”
[1] สมุนไพรชนิดหนึ่ง ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม ดอกของพืช ชนิดนี้มีขนาดใหญ่และสวยงาม มีสีม่วงอมแดง ขาวอมแดง และสีขาว