ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 35 สัปดาห์ที่ 12 โอโตเมะ อามายะ (2)
- Home
- All Mangas
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 35 สัปดาห์ที่ 12 โอโตเมะ อามายะ (2)
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ท่านให้ความสนใจและเข้ามาอ่านนิยายของผม นี่เป็นนิยายเรื่องแรก ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมต้องปรับปรุง ขอบคุณทุกท่านที่เข้าสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
“รุ่นพี่คะ คือฉันมีเรื่องจะขอรบกวนหน่อยค่ะ”
รุ่นคาวากุจิที่กำลังเก็บรองเท้าเข้าล็อกเกอร์หันมามองฉันด้วยสายตาตกใจ คงเพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ฉันจะโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงล่ะมั้ง
“อืม อะไรล่ะ?”
“คือจะรบกวนฝากของคุณนาคาจิมะไปให้อาคิยามะกับเพื่อนของเขาน่ะค่ะ จะได้หรือเปล่า?”
“หืม?”
“คือว่าอย่างนี้ค่ะ…”
ฉันเล่าเหตุการณ์ที่มาที่ไปของคำขอแปลกประหลาดที่ขอให้รุ่นพี่ช่วยในครั้งนี้ พอฟังจบรุ่นพี่คาวากุจิก็พยักหน้า
“แล้วเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
งั้นก็ดีแล้ว…รุ่นพี่คาวากุจิยิ้มให้ฉันก่อนจะเริ่มเดินออกจากอาคาร
“จะให้เมื่อไรก็บอกนะ เดี๋ยวให้ยูทา กะแวะมาเอา”
“อ๊ะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเอาไปให้เองก็ได้ ไม่ต้องลำบาก…”
“ไม่ลำบากหรอก นัดเจอกันที่สถานีตอนเช้าก็ได้ ยังไงหมอนั่นก็ต้องนั่งรถไฟไปเรียนอยู่ดี”
“งะ..งั้นหรอคะ ขอบคุณมากนะคะ”
ฉันขอบคุณรุ่นพี่คาวากุจิแล้วเราก็แยกกันที่หน้าโรงเรียน ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปซื้อของสำหรับทำข้าวกล่องตอบแทนอาคิยามะกับเพื่อนๆ พร้อมกับเซริ แต่เธอต้องไปทำงานพิเศษแทนคนที่ขอลากะทันหันซะก่อน วันนี้เลยต้องยกเลิกไป
[‘งั้นวันนี้ถือว่าซ้อมทำไปก่อนแล้วกัน’]
ฉันเบนเป้าหมายจากการเดินกลับบ้านเป็นการเดินไปซูเปอร์มาเก็ตแทน ในหัวก็พยายามคิดเมนูที่เด็กผู้ชายน่าจะชอบไปด้วย
ใช้เวลาไม่นานนักบรรดาวัตถุดิบต่างๆ ก็อยู่ในตะกร้าเป็นที่เรียบร้อย ปริมาณไม่มากนักเพราะเป็นการลองทำดูว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่น้ำหนักก็ไม่ใช่น้อยๆ ตอนที่เดินหิ้วถุงกลับบ้านจึงรู้สึกเหนื่อยพอสมควร
หนึ่งทุ่มครึ่ง
บรรดาวัตถุดิบที่หอบหิ้วมาก็ลงไปอยู่ในจานเป็นที่เรียบร้อย เพราะไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไรเลยตั้งใจเลือกทำแค่ของง่ายๆ และเน้นให้สารอาหารครบทุกหมู่ แต่พอทำออกมาจริงๆ กลับดูเอียงเองไปทางหมู่โปรตีนซะมาก
“เอาเถอะ คงไม่น่าเกลียดนักหรอก”
ฉันถอดผ้ากันเปื้อนออกและยืนชื่นชมฝีมือตัวเองอยู่หน้าโต๊ะกินข้าว ในตอนนั้นเองประตูบ้านก็เปิดออก
“กลับมาแล้วววว…”
พี่สาวของฉันกลับจากทำงานแล้ว หันไปมองนาฬิกาก็เห็นว่าตัวเลขเป็น 19:33 แปลกจัง วันนี้กลับเร็ว
ฉันแขวนผ้ากันเปื้อนไว้แล้วออกไปรับพี่ที่หน้าประตู
“วันนี้กลับเร็วนะคะ ไม่ใช่ว่าต้องทำงานล่วงเวลาหรอ?”
“อื้มม..วันนี้ออกไปเจอลูกค้าน่ะ ตกลงกันได้ไวผู้จัดการเลยให้กลับบ้านได้เลย”
พี่สาวเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน แต่กลับเท้าชะงักตอนที่ผ่านห้องนั่งเล่น
อันที่จริงจะระบุชัดเจนว่าเป็นห้องนั่งเล่นอย่างเดียวก็ไม่ชัดนัก ต้องพูดว่าเป็นห้องใหญ่ที่รวมเอาห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร และครัว เข้าไว้ด้วยกัน
“หอมจัง ทำอะไรไว้หรอ?”
พี่สาวหันมาถามฉันที่เดินตามมา ดูท่าแล้วพี่คงยังไม่ได้กินข้าวมา ดีเลย จะได้กินข้าวเย็นพร้อมกัน
“ลองทำอาหารนิดหน่อยน่ะค่ะ พี่ก็ไปล้างไม้ล้างมือ เปลี่ยนชุดแล้วมากินด้วยกันซิ”
“โอ้ กับข้าวฝีมืออามายะหรอ ไม่ได้กินนานแล้วนะเนี่ย”
พี่สาวยิ้มอย่างอารมณ์ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ส่วนฉันกลับไปในครัวเพื่อตักข้าวเตรียมไว้
หลังมื้ออาหารเราสองคนนั่งจิบกาแฟไร้คาเฟอีนกันคนละแก้วพลางฟังเสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดไว้
“นึกยังไงถึงได้ลุกมาทำกับข้าวซะเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ?”
พี่สาวที่นั่งเงียบมาตลอดตั้งแต่รับแก้วกาแฟไปพูดขึ้นมา ฉันเผลอนั่งตัวตรงขึ้นมาเหมือนคนทำความผิดแล้วถูกจับได้ ทำให้พี่สาวยิ้มออกมา
“ก็แค่อยากลองทำดูน่ะ ไม่ได้ทำนานแล้วด้วย เดี๋ยวฝีมือจะตก”
“งั้นหรอออ…”
“กะ…ใช่น่ะซิ”
ต่อหน้าสายตาที่เหมือนจะมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งของพี่สาว ฉันทำได้เพียงยืดอกมั่นใจยืนยันกระต่ายขาเดียวกลับไป
“นั่นซิน้าาา~”
พี่สาวพูดแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว ฉันที่เริ่มจะเก๊กหน้านิ่งไม่ไหวแล้วเลยยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มรวดเดียวแล้วลุกหนีจากโต๊ะไปก่อนที่จะโดนพี่สาวไล่ต้อนจนต้องคายอะไรๆ ออกมาจนหมด
หลังจากเตรียมบทเรียนและคุยโทรศัพท์กับเซริเสร็จเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
ฉันอาบน้ำชำระล้างร่างกายก่อนจะลงไปแช่น้ำที่เตรียมไว้ ว่ากันว่าช่วงเวลาในการแช่น้ำร้อนนั้นเป็นช่วงเวลาที่คนเราสามารถผ่อนคลายได้ทั้งร่างกายและสมองจนถ้าไม่ระวังแล้วล่ะก็อาจจะได้พักผ่อนไปตลอดชีวิต
ความร้อนของน้ำในอ่างช่วยให้ความเมื่อยล้าจากการใช้ชีวิตวันนี้ละลายออกมาจากร่างกาย
– “…นายอาคิยามะนี่เป็นคนยังไงหรอ?” –
ช่วงหนึ่งของบทสนทนาของฉันกับเซริเมื่อกี้คือการไปซื้อของสำหรับทำข้าวกล่องให้กับพวกอาคิยามะ แล้วเซริก็ถามฉันขึ้นมา
– “ก็เป็นคนปกติทั่วไปแหละมั้ง ทำไมหรอ?” –
– “ก็ไม่ทำไมหรอก แต่เธอบอกว่าเขาเป็นรุ่นน้องของรุ่นพี่คาวากุจินิ ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนอาคิรุไดหรอ?” –
– “ก็ใช่แหละ” –
– “ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่ดีหรอกนะ?” –
– “เอ๊ะ?” –
– “ก็เด็กนักเรียนที่นั่นขึ้นชื่อนินา ในด้านที่ไม่ค่อยดีน่ะ” –
– “อ๊ะ ก็จริง แต่คุณนาคาจิมะเป็นคนดีนะ ไม่งั้นรุ่นพี่คาวากุจิคงไม่คบเป็นแฟนหรอก อาคิยามะเองก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีอะไร อย่างหนนี้เขายังมาช่วยฉันเลย” –
– “เขาช่วยเธอยังไงหรอ?” –
– “ก็อย่างที่เล่าไป พวกเพื่อนเขาถ่วงเวลาไว้ ส่วนเขาพาฉันหนีออกมา” –
– “แล้วเพื่อนเขาจัดการพวกคนไม่ดีพวกนั้นยังไงล่ะ?” –
– “เอ่ออ อันนี้ฉันก็ไม่รู้” –
– “ฉันไม่ได้อคติอะไรหรอกนะ แต่ว่าเรื่องที่เธอเล่ามาเนี่ย ถ้าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นก็คงดีหรอก” –
บทสนทนาที่แสดงให้เห็นถึงความกังวลของเพื่อนสาวคนสนิท เธอคงจะกลัวว่าฉันจะไปเกี่ยวข้องกับคนไม่ดีเลยพูดเตือนแบบอ้อมๆ
ฉันทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับอาคิยามะเท่าที่นึกออก จริงอยู่ว่าในครั้งแรกที่เจอกันฉันปฏิบัติกับเขาไม่ค่อยดีนักจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ขอโทษเขา ส่วนครั้งที่สองฉันได้เห็นเขาในด้านที่คิดไม่ถึง ใบหน้าที่ดูเหมือนจะร้องไห้ เหมือนคนที่ใจสลายนั้น มองยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นได้ในเด็ก ม.ปลายทั่วไป อยากจะถามว่าเขาเป็นอะไรแต่กลายเป็นว่าทำให้เขาโกรธฉันแบบจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก
ครั้งที่สามที่เจอกัน ไม่ซิ ฉันเห็นเขาฝ่ายเดียว เขาไปกับคุณนาคาจิมะ แฟนหนุ่มของรุ่นพี่คาวากุจิ
ครั้งที่สี่คือเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนที่ห้างบันโช เกิดเรื่องขึ้นมากมายที่นั่นแต่สุดท้ายฉันก็ได้เขาช่วยเอาไว้หลายเรื่อง
ครั้งที่ห้าเมื่อวันศุกร์ที่แล้วที่จู่ๆ เขาก็โผล่มาอยู่ข้างฉัน พูดทักเรียกสติแล้วเราก็วิ่งกลับบ้านด้วยกัน ไม่ทันได้มีโอกาสพูดคุยอะไรกันเขาก็หายไปแล้ว เพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าเขาคอยมาตามส่งฉันกลับบ้านทุกเย็นเพราะรุ่นพี่คาวากุจิขอมา บอกตรงๆ ว่ารู้สึกไม่ค่อยดีที่มีผู้ชายมาแอบตามกลับบ้านทุกวัน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะถ้าฉันรู้ก็คงไม่ยอมให้มีใครมาคอยรับคอยส่งไปกลับโรงเรียนแบบตอนอนุบาลหรอก
และครั้งล่าสุดคือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้งที่งานเทศกาลดนตรีฤดูฝน และตอนที่เขามาช่วยฉันจากสถานการณ์ย่ำแย่เพราะพวกผู้ชายไม่ดีพวกนั้น
รวมๆ แล้วในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเราเจอกันเยอะพอสมควร ถ้านับเฉพาะจำนวนครั้งแล้วเราเจอกันมากพอๆ กับที่ฉันเจอพ่อกับแม่เลยทีเดียว แล้วก็ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะทำอะไรไม่ดีกับฉัน ถึงบางครั้งจะทำท่าน่ากลัวบ้างแต่ก็แค่นั้น ตรงกันข้ามเขามีด้านดูพึ่งพาได้ และเอาใส่ใจจนไม่น่าเชื่อ รวมๆ แล้วไม่น่าใช่คนไม่ดี
ฉันลุกขึ้นจากอ่างน้ำ ผลจากความร้อนที่แช่น้ำนานเกินกว่าปกติบวกกับการที่ลุกขึ้นมาเร็วเกินไปทำให้เกิดอาการหน้ามืด
ฉันย่อตัวลงจับของอ่างไว้ราวๆ 5 วินาทีแล้วลืมตาขึ้น ทัศนวิสัยกลับมาเป็นปกติ อืมม…ถึงการแช่น้ำร้อนจะเป็นการผ่อนคลายที่ดี แต่แบบนี้เกือบได้ผ่อนคลายกันยาวๆ แล้วไหมล่ะ
ฉันพึมพำบ่นตัวเองที่ประมาทเพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะที่เปลี่ยนเป็นชุดคลุมก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ
เวลานี้พี่สาวน่าจะนอนไปแล้ว ฉันเดินกลับเข้าห้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอน ความอ่อนนุ่มของเตียงทำให้ร่างกายกระเด้งดึ๋งๆ เล็กน้อย หลังจากเช็กนาฬิกาปลุกแล้วก็ปิดไฟนอน
พรุ่งนี้ตอนเย็นนัดกับเซริว่าจะไปซื้อของด้วยกัน หวังว่าคงไม่มีอะไรติดขัดเหมือนวันนี้อีกนะ
ความคิดเริ่มล่องลอยแล้วสติสัมปชัญญะก็หลุดหายไป
แจ้งท่านผู้อ่าน เรื่องการเลื่อนเวลาลงนิยาย เนื่องจากเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ทำให้ผู้แต่งมีภารกิจติดพันหลายด้าน ช่วงเวลาที่ลงนิยายอาจจะไม่สม่ำเสมอและห่างกันนานมากกว่าปกติ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้