ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 98 การชักชวน
บทที่ 98 การชักชวน
เมื่อเหยียนเกอเห็นผูเว่ยชางตวัดดวงตาคมกริบมาที่เขา ปลายนิ้วก็สั่นด้วยความกลัว แต่ก็ยังคงยิ้มสู้และพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่โวยวายเรื่องของข้านิดหน่อย”
หากไม่ใช่เพราะผูเว่ยชางกำลังจ้องมองเขาอย่างดุดันอยู่ข้างหลังอวิ๋นซิ่วชิง เหยียนเกอก็คงจะบ่นกับอวิ๋นซิ่วชิงไปแล้วว่าเขาต้องจ่ายค่ามื้ออาหารมื้อละห้าสิบตำลึง และที่นอนอีกห้าสิบตำลึง!
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งบนม้านั่งไม้และพูดขึ้นว่า “พี่เหยียน โชคดีที่เจ้าไม่ได้รีบออกจากเมืองไปตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้นข้าต้องไปที่เมืองเพื่อส่งงูให้เจ้าเอง”
เหยียนเกอมองลงมาที่กรงงูและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ายุ่งเกินกว่าจะจำได้…”
“อวิ๋นซิ่วชิง เจ้าทานอาหารเย็นหรือยัง?” ผูเว่ยชางที่นั่งถัดจากหญิงสาวเอ่ยถาม
“ข้ากินเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้ากินอาหารต่อไปเถอะ ข้าต้องรีบไปแล้ว” อวิ๋นซิ่วชิงลุกขึ้นยืนและกำลังจะจากไป
“ทำไมเจ้ารีบกลับจัง” ผูเว่ยชางไม่อยากให้นางจากไปเลย
“ไม่ได้หรอก มันมืดเกินไปแล้ว อีกอย่างพ่อของข้าก็กำลังอยู่ที่บ้านคนเดียวด้วย” อวิ๋นซิ่วชิงโบกมือลาและเดินจากไป
ผูเว่ยชางเห็นดังนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมออกจากห้องของตัวเอง แล้วรีบวิ่งออกไป
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว อวิ๋นซิ่วชิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลัง
หญิงสาวหันหลังกลับก็เห็นผูเว่ยชางที่ตามมา “เจ้ากำลังทำให้ข้ากลัว เจ้าไม่ได้ส่งเสียงด้วยซ้ำ ทำไมเจ้าถึงออกมาล่ะ? กลับไปเถอะ”
ผูเว่ยชางตรงไปหานางและวางเสื้อคลุมขนกระต่ายไว้กับนาง “ตอนกลางคืนอากาศหนาวเย็น เจ้าใส่มันเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าเอง ไปกันเถอะ”
แท้จริงแล้วหญิงสาวเองก็รู้สึกหนาวเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ทว่านางไม่คิดว่าผูเว่ยชางจะให้เสื้อคลุมขนกระต่ายกับนาง
น้ำพุแห่งจิตวิญญาณที่นางดื่มเข้าไปทุกวันมีสรรพคุณป้องกันอาการหนาว ดังนั้นเมื่อนางสวมเสื้อคลุม แทนที่จะให้ความอบอุ่น มันกลับทำให้นางร้อนจนเหงื่อออกเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถที่จะถอดมันออกได้ เพราะนี่คือน้ำใจที่ผูเว่ยชางมอบให้นาง นางจึงต้องรีบสาวเท้าเดินกลับคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋นให้เร็วขึ้น และแอบปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามาในเสื้อของนางบ้าง
ผูเว่ยชางเดินตามนางมาอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันระหว่างทาง แต่ชายหนุ่มก็คิดว่ามันดีแล้ว เพราะการที่เขาสามารถเดินไปกับนางได้เช่นนี้ก็ทำให้สบายใจขึ้นมาก
ในทางกลับกัน อวิ๋นซิ่วชิงกลับรู้สึกอายเล็กน้อย มันน่าอายอย่างยิ่งที่นางไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ
อวิ๋นซิ่วชิงกระแอมไอเพื่อบรรเทาความอับอาย ก่อนจะลองพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
”ผูเว่ยชาง เหมาะสมแล้วหรือที่เจ้าจะเข้มงวดเช่นนี้? เหยียนเกอเป็นแขก และเจ้าก็เป็นเจ้าบ้าน ทำไมเจ้าไม่กลับไปอยู่กับเขาล่ะ? ข้าสามารถกลับไปคนเดียวได้”
”มันไม่สำคัญหรอก เจ้าเป็นผู้หญิง เจ้าควรระวังเมื่อเจ้าออกไปข้างนอกตอนกลางคืน แม้ว่าจะไม่มีโจร แต่ก็มีสัตว์ป่ามากมายในภูเขา เจ้าควรระวังตัวด้วย” ผูเว่ยชางตอบกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกอบอุ่นในใจ “เจ้าใจดีมาก”
ผูเว่ยชางจึงหัวเราะและถามว่า “อวิ๋นซิ่วชิง เจ้าจะเรียนแพทย์ในเมืองงั้นหรือ?”
ครั้นนึกถึงพ่อของนาง อวิ๋นซิ่วชิงก็ลังเลชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ข้าไม่รู้ แต่ข้าเป็นห่วงพ่อของข้า ผูเว่ยชาง เจ้าก็เคยเห็นแม่ของข้ามาก่อน ข้ากลัวว่าเมื่อข้าจากไป นางกับอวิ๋นหมิงเซียวจะรังแกพ่อของข้า ตอนนี้ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็สามารถคุยกับเหยียนเกอและให้เขามาอยู่ที่หมู่บ้านเราแทน” ผูเว่ยชางเองก็ไม่อยากให้อวิ๋นซิ่วชิงไปอยู่ในเมือง
หากนางไปอยู่ในเมือง เขาก็คงไม่สามารถหาเรื่องไปกับนางได้ หากนางอยู่ในหมู่บ้านนี้ก็คงจะดีกว่า…
”ไม่มีทาง เหยียนเกอเขามีโรงหมอ หากเขามาที่หมู่บ้านของเรา แล้วโรงหมอของเขาล่ะ?” อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัว นางไม่อาจเห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้เด็ดขาด…
ผูเว่ยชางได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว หากอวิ๋นซิ่วชิงไปที่เมือง เขาคงจะต้องหาทางติดตามนางไปด้วย
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องปกป้องนางให้ดี!
”ข้าคิดว่าข้าควรจะหาเวลาคุยกับเขาดีกว่า ข้าไม่ใช่ศิษย์ตัวน้อยและไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ข้าสามารถเรียนรู้มันเป็นครั้งคราวเพื่อที่ข้าจะได้ดูแลทั้งสองฝ่ายได้”
ยิ่งอวิ๋นซิ่วชิงคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งตระหนักได้มากขึ้นเท่านั้น นางจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง