ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 92 เจรจาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านหมอ
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 92 เจรจาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านหมอ
บทที่ 92 เจรจาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านหมอ
ดวงตาของเหยียนเกอเบิกโพลงขึ้นมา เขาไม่คิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว…
“แต่…ข้าจะบอกวิธีแก้พิษเจ็ดสีให้ก็ได้ แต่มีเพียงเงื่อนไขเดียว…” เมื่อเห็นเหยียนเกอตั้งท่าจะโกรธ นางจึงยกเงื่อนไขหนึ่งขึ้นมาพูด
”เงื่อนไขอะไร?” เหยียนเกอยังคงถามอย่างกังวล
แม่นางอวิ๋นคนนี้จะมาเล่นลิ้นอะไรอีก!
“ง่ายมาก ท่านก็แค่รับข้าเป็นลูกศิษย์ หลังจากที่ข้าฝึกฝนเสร็จ ข้าจะบอกวิธีล้างพิษเจ็ดสีให้ท่าน ท่านคิดว่าอย่างไร?”
หญิงสาวมีแผนนี้มาโดยตลอด นางต้องการเป็นแพทย์หญิงที่จะสามารถช่วยชีวิตผู้คน แม้ทักษะทางการแพทย์ที่ติดตัวมาจากโลกก่อนหน้าจะค่อนข้างดี แต่ว่าก็ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมายเกี่ยวกับแพทย์แผนจีน
อย่างแรกคือ นางไม่รู้วิธีจับชีพจร การรักษาโรคของนางล้วนขึ้นอยู่กับเครื่องจักรทางการแพทย์ที่ทันสมัยทั้งจากโลกก่อนหน้านั้นมาจนถึงพื้นที่ในมิติส่วนตัวทั้งสิ้น
หากนางต้องการช่วยชีวิตผู้คนจริง ๆ ลำพังแค่นี้ยังไม่พอ!
อวิ๋นซิ่วชิงเคยวางแผนจะเข้าเมืองเพื่อพบท่านเหยียนเกอ แต่พ่อของนางป่วยเสียก่อน และนางจำเป็นต้องเลื่อนแผนออกไป
แต่ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้านางแล้ว ดังนั้นจะต้องไม่พลาดโอกาสที่ดีในครั้งนี้ไป!
“ให้ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์เนี่ยนะ? แต่เจ้าสามารถล้างพิษร้ายแรงอย่างพิษเจ็ดสีนี่ได้ก็ย่อมแสดงว่าเจ้ามีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แต่ทำไมเจ้ายังต้องการให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าอีกล่ะ?”
เหยียนเกอทั้งประหลาดใจและสับสนเมื่อได้ยินเงื่อนไของอวิ๋นซิ่วชิง
“อย่างแรก ข้าช่วยชีวิตผูเว่ยชางไว้ได้เพราะความบังเอิญเท่านั้น อย่างที่สอง ข้าอยากช่วยผู้คนให้หายจากอาการเจ็บป่วยต่อไปในอนาคต แต่ตัวข้าตอนนี้เป็นเพียงหญิงที่มาจากครอบครัวที่ยากจน ดังนั้นย่อมไม่มีใครเชื่อว่าข้าจะมีทักษะทางการแพทย์และรักษาคนป่วยได้ ข้าจึงอยากให้ท่านเป็นอาจารย์ของข้า”
อวิ๋นซิ่วชิงอธิบายด้วยท่าทีสบาย ๆ ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าตัวเองได้รับการยอมรับในฐานะศิษย์ของเหยียนเกอ เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีสิ่งต้องการที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกันได้อย่างเท่าเทียม
เหยียนเกอทำท่าครุ่นคิดพลางเคาะโต๊ะ เขากำลังลังเลอย่างเห็นได้ชัด
หากเขาไม่ยอมรับอวิ๋นซิ่วชิงเป็นลูกศิษย์ นางก็จะไม่ยอมบอกวิธีล้างพิษเจ็ดสีให้เขา แต่หากยอมรับ เขาคงต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อสอนวิชาการแพทย์ให้กับนาง มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูมีท่าทีลำบากใจ อวิ๋นซิ่วชิงจึงเจรจาอีกครั้ง “เหยียนเกอ ท่านไม่ต้องห่วงว่าข้าจะฝึกฝนสำเร็จหรือไม่ ข้ามีพื้นฐานทางการแพทย์ที่มั่นคงแล้ว ข้ารู้จักวัตถุดิบยาหลากหลายหมื่นชนิดพร้อมคุณสมบัติของพวกมันว่าควรเป็นยาชนิดใด หากท่านรับข้าเป็นศิษย์ ข้าสามารถฝึกฝนจนสำเร็จวิชาได้ภายในสองปี”
เหยียนเกอกลอกตาเมื่อได้ยินหญิงสาวอธิบาย หากเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถรับนางเป็นศิษย์ได้
อวิ๋นซิ่วชิงชี้ไปยังงูที่อยู่ในกรงและพูดว่า “เหยียนเกอ ท่านรู้อะไรไหม? งูตัวนี้ไม่เพียงแต่สามารถใช้เป็นส่วนผสมยาได้เท่านั้น ร่างกายส่วนอื่น ๆ ของมันยังสามารถใช้เป็นแนวทางส่วนผสมยาที่ดีได้อีกมากเช่นกัน มันยังมีคุณค่าด้านการทำยารักษาที่ดีด้วย”
”งั้นช่วยบอกข้าที” นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนเกอได้ยินใครบางคนพูดว่า นอกจากการนำงูมาต้มยา งูยังมีประโยชน์อื่น ๆ ซึ่งทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ร่างของงูเต็มไปด้วยคุณสมบัติที่ล้ำค่าอย่างมากในการสกัดยา เริ่มจากส่วนเนื้องูกันก่อน เนื้องูจะช่วยแก้อาการอ่อนล้าและปวดในข้อต่อ และพิษงู ถึงจะค่อนข้างอันตรายมาก แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถกลายมาเป็นส่วนผสมของยาที่มีคุณค่าสูงมากเช่นกัน มันสามารถบรรเทาอาการปวด ห้ามเลือด และช่วยเสริมความงามสำหรับผู้หญิงได้…”
นอกเหนือจากนี้ พิษงูยังคงมีประโยชน์อื่น ๆ อีก แต่อวิ๋นซิ่วชิงเลือกที่จะอธิบายเพียงแค่นั้น เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ นางจึงลอบสังเกตและประเมินความกระหายอยากรู้ของเหยียนเกอ
นางค่อนข้างรู้สึกรำคาญนิด ๆ ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรออกมาอีก
“หืม? ทำไมเจ้าไม่อธิบายต่อล่ะ?” เหยียนเกอรู้สึกสนุกเมื่อได้ฟังนางอธิบายสรรพคุณของงู แต่หญิงสาวกลับหยุดกลางครันเสียอย่างนั้น
เมื่อมองสีหน้าของเหยียนเกอ อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้ว่านางคงกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายมากไปแล้ว “แล้วเจ้าจะรับข้าเป็นลูกศิษย์ได้หรือยังล่ะ?”
คราวนี้เขาพยักหน้าโดยไม่ลังเล “แน่นอน ข้าต้องการให้เจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้า หากข้าไม่ยอมรับเจ้าในฐานะลูกศิษย์ของข้าอีกครั้ง มันก็หมายความว่าข้าเสียโอกาสอย่างไม่น่าให้อภัย! หากศิษย์ที่ดีมีคุณภาพเช่นเจ้าตกไปอยู่กับปราชญ์การแพทย์คนอื่น ข้าจะต้องเสียใจและเสียดายไปตลอดชีวิตแน่!”
ในที่สุด…เขาก็รับนางเป็นลูกศิษย์!
ตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม…