ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 91 ข้าแค่บอกว่าให้ ‘รอ’
บทที่ 91 ข้าแค่บอกว่าให้ ‘รอ’
ผูเว่ยชางนั่งถัดจากพวกเขาทั้งสอง ดวงตาและหัวใจของชายหนุ่มจับจ้องไปยังอวิ๋นซิ่วชิง
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังขมวดคิ้วอยู่ เขาก็คิดได้ว่าต้องเป็นเพราะฮูหยินอวิ๋นแน่ ๆ ที่ทำให้นางไม่มีความสุข ผูเว่ยชางจึงปลอบนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อวิ๋นซิ่วชิง เจ้าอย่าปฏิบัติกับแม่เจ้าเหมือนคนนอกเช่นนี้ แถมยังดูโกรธเคืองตลอดเวลาอีกด้วย ใจเย็นลงเถอะ เดี๋ยวจะไม่ดีต่อสุขภาพเจ้า”
อวิ๋นซิ่วชิงกำลังคิดหาวิธีการสั่งสอนแม่อสรพิษของนาง แต่เมื่อได้ยินชายหนุ่มปราม นางก็ตอบอย่างไม่แยแสว่า “ข้าปฏิบัติกับแม่ของข้าในฐานะคนนอกเสมอ”
เหยียนเกอที่กำลังพิจารณางูอยู่ไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “ข้าให้ราคาหนึ่งร้อยตำลึงสำหรับงูตัวนี้
อวิ๋นซิ่วชิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “มันมีค่าถึงหนึ่งร้อยตำลึงเชียวหรือ?”
หญิงสาวไม่คิดว่างูตัวนี้จะมีราคาสูง นางคิดว่าแม้งูตัวนี้จะกินโสมเป็นอาหาร แต่มันก็แพงเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสามารถซื้อได้
แต่อวิ๋นซิ่วชิงก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ นางไม่ต้องการให้เหยียนเกอรู้ว่านางล้างพิษให้ผูเว่ยชางได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงคิดเพียงแค่จะขายให้อีกฝ่ายเพียงสามสิบตำลึงเท่านั้น
ในความเป็นจริง เหยียนเกอไม่ได้สนใจงูอยู่แล้ว เงินหนึ่งร้อยตำลึงเป็นเหมือนการจ่ายค่าคำตอบสำหรับวิธีแก้พิษให้ผูเว่ยชาง
นอกจากนั้น เขายังมีเงินจำนวนมากในฐานะเจ้าของโรงหมอ และเป็นปราชญ์ทางการแพทย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว ดังนั้น เงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงก็เปรียบได้เพียงแค่น้ำหนึ่งหยดในทะเลเท่านั้น
”ข้าว่ามันราคาดีเลยนะ” ผูเว่ยชางเอ่ยกับอวิ๋นซิ่วชิง
“แต่ว่าราคามันก็มากไปอยู่ดี เขาตกลงราคาเองนะ ข้าไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ” แม้ชื่อเสียงของอวิ๋นซิ่วชิงจะไม่ดีนัก แต่นี่มันจะเข้าข่ายหลอกลวงขายของแพงเกินราคาให้ผู้อื่นหรือไม่ นางไม่ต้องการให้ตัวเองมี ‘ชื่อเสีย’ ไปมากกว่านี้แล้ว
แค่นี้ชีวิตนางในโลกใหม่นี้ก็อยู่ยากเต็มที!
ผูเว่ยชางเหลือบมองเหยียนเกอด้วยสายตาเย้ยหยัน “เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก มันเป็นธุรกิจของเขา นอกจกานี้เขาก็มีเงินอยู่จำนวนมากโข”
อวิ๋นซิ่วชิงมองผูเว่ยชางแล้วคิดตาม ก็จริงอย่างที่เขาว่า เหยียนเกอเป็นเจ้าของโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดในเมือง แถมเขายังเป็นปราชญ์การแพทย์คนหนึ่ง เงินหนึ่งร้อยตำลึงไม่ใช่จำนวนที่มากสำหรับเขา
“ก็ดี ถ้าเช่นนั้นเอาราคาหนึ่งร้อยตำลึงก็ได้” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวอย่างมีความสุข
เหยียนเกอหยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกมาแล้วมอบให้อวิ๋นซิ่วชิง จากนั้นเขาก็พูดอย่างกระวนกระวายใจว่า “ทีนี้เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าล้างพิษให้ผูเว่ยชางอย่างไร?”
อวิ๋นซิ่วชิงเดาว่าเขาจะถามอะไร นางเลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “เจ้าอยากรู้จริง ๆ งั้นหรือ?”
”แน่นอน พิษเจ็ดสีเป็นหนึ่งในสองพิษในโลก คนที่ถูกวางยาพิษแทบจะไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้ คนที่สามารถล้างพิษเจ็ดสีสามารถเรียกได้ว่าเป็นปราชญ์ทางการแพทย์”
เหยียนเกออธิบาย การแสดงออกบนใบหน้าของเขาเริ่มจริงจังมากขึ้น
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปหาผูเว่ยชางและถามว่า “เจ้าติดพิษร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เหยียนเกอต้องการถามวิธีล้างพิษเจ็ดสีกับอวิ๋นซิ่วชิงเพื่อหวังว่านางจะยอมบอกเขา ไม่คาดคิดว่านางจะหันกลับไปถามตัวตนที่แท้จริงของผูเว่ยชางแทน
เหยียนเกอกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาได้ทำข้อตกลงกับผูเว่ยชางมาแล้วว่าตัวเองไม่สามารถเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของชายหนุ่มได้
หากเขาเปิดเผยออกมา เขาจะต้องตายอย่างน่าสังเวช!
ผูเว่ยชางไม่ได้แสดงท่าทางที่ผิดปกติออกมา หลังจากได้ยินคำถาม เขาก็ตอบอย่างสบาย ๆ ว่า “เหยียนเกอพูดถูก ข้าถูกยาพิษเจ็ดสีเพราะความสะเพร่าของข้าเอง ข้าจึงได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในที่ชนบทแห่งนี้เพื่อรอความตาย”
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าการวินิจฉัยของข้าจะแม่นยำเพียงนี้!” อวิ๋นซิ่วชิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจและมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสงสัย ตอนนั้นนางเพียงแค่ลองวินิจฉัยอาการแปลก ๆ ของเขา แต่มันกลับกลายเป็นว่าการคาดเดานั้นถูกต้อง และการรักษาสามารถทำได้จริง
“เจ้าช่างโชคร้ายยิ่งนัก” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา แต่ก็ยังคงมีความสงสัยในบางเรื่อง
‘ผูเว่ยชางเป็นคนอ่อนโยนและยังหน้าตาดี เขาจะมีศัตรูที่จ้องล้างแค้นและทำร้ายเขาได้อย่างไรกัน?’
เมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้สงสัยในตัวตนของพวกเขา เหยียนเกอจึงถามนางอีกครั้ง “อวิ๋นซิ่วชิง เจ้าควรเป็นคนที่รักษาคำพูด ตอนนี้เจ้าควรบอกข้าถึงวิธีล้างพิษเจ็ดสีนั่น”
”ข้ารักษาคำพูดของข้า ข้าก็บอกให้เจ้า ‘รอ’ แล้วไง” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหยียนเกอไม่คิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะใช้คำว่า ‘รอ’ กับเขา เขาจึงวิตกกังวลเป็นอย่างมากและพูดว่า “อย่าทำแบบนี้เลย พวกเราตกลงกันแล้วนี่!”
“ข้าก็แค่บอกว่า หากเจ้าอยากรู้ก็แค่ ‘รอดู’ ข้าก็พูดชัดเจนอยู่แล้วนี่ ข้าไม่ได้โกงและโกหกเจ้า ข้าบอกว่าหากอยากรู้วิธีแก้พิษก็ให้ ‘รอ’ แต่ไม่ได้รับปากเสียหน่อยว่าจะบอกเจ้าทันที…”
อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แต่คนที่เหลือทั้งสองถึงกับตะลึงงัน!
นางใช้ประโยชน์จากการเล่นคำ!
เหยียนเกอเกือบจะกัดฟันกรอด…!