ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 86 ข้าขอโทษนะ
บทที่ 86 ข้าขอโทษนะ
เมื่อเห็นสีหน้าอิ่มเอมใจบนใบหน้าของฮูหยินอวิ๋น อวิ๋นซิ่วชิงก็หันไปจ้องมองชายหนุ่มข้างตัว “ผูเว่ยชาง นี่มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
ครั้นมองไปที่ใบหน้าโกรธเกรี้ยวของอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชางก็คิดว่านางน่ารักดี ทว่านี่ไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะชื่นชมนาง เขาจึงรีบอธิบายทันทีว่า “อย่าโกรธข้าเลยอวิ๋นซิ่วชิง อย่างไรนางก็เป็นแม่ของเจ้า นอกจากนี้ ขนาดขอทานตัวน้อย เจ้าก็ยังสามารถให้เหรียญเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เจ้าก็คิดซะว่าแม่ของเจ้าเป็นขอทานแล้วกัน”
“ผูเว่ยชาง เจ้ายังรู้จักแม่ข้าน้อยไป นางเป็นพวกได้คืบจะเอาศอก เดี๋ยวนางก็จะกลับมาขอจากข้าอีก” อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่าชายหนุ่มต้องการพูดอะไร
“นางไม่กล้าหรอก เจ้าใจเย็นลงเถอะ คราวหน้านางคงไม่กล้าอีกแล้วล่ะ” ผูเว่ยชางปลอบโยนหญิงสาว
อวิ๋นซิ่วชิงลูบหน้าตัวเองด้วยความกลุ้มใจ ก่อนจะพูดว่า “ช่างเถอะ นี่มันก็เลยเวลาอาหารแล้ว ไปกินข้าวกันดีกว่า”
อวิ๋นซิ่วชิงเพิ่งได้สติ นางกำลังโกรธตัวเองที่ก่อนหน้านี้เผลอตวาดใส่ผูเว่ยชาง
นางกุมขมับ ไม่ว่าจะอย่างไรผูเว่ยชางก็เป็นแขก ทำไมนางต้องตะโกนใส่เขาด้วย?!
ยิ่งไปว่านั้น เขายังใจดีพอที่จะนำอาหารและเนื้อสัตว์มาให้นางอีกต่างหาก
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังเติมข้าวลงใส่ชาม นางรู้สึกอับอายอย่างมาก จึงได้แต่เกาจมูกและพูดขึ้นว่า “ข้าขอโทษ”
ผูเว่ยชางหันไปมองอวิ๋นซิ่วชิงที่กำลังหน้าแดง ศีรษะของนางก้มลงด้วยความสลดใจ เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน
แม้นางจะขอโทษเสียงเบา แต่ชายหนุ่มก็ได้ยินชัดเจน ซึ่งนั่นทำให้ผูเว่ยชางรู้สึกปลาบปลื้ม เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา นางไม่เคยขอโทษเขาสักครั้ง
“เจ้าพูดอะไรนะ ข้าไม่ได้ยิน” ผูเว่ยชางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและหยอกล้อหญิงสาว
อวิ๋นซิ่วชิงกลอกตา และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตวาดเจ้า”
นางหาเพื่อนดี ๆ ได้ยากบนโลกนี้ นางจึงไม่อยากเสียผูเว่ยชางไป
ผูเว่ยชางหัวเราะ “ข้าไม่สนใจหรอก นอกจากนี้ เราก็เป็นเพื่อนกัน แค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวก็ยิ้มและคิดในใจว่า ‘ผูเว่ยชาง เจ้าช่างเป็นคนดีจริง ๆ’
ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงวางจานอาหารไว้บนโต๊ะ ทั้งสี่คนจึงเริ่มต้นมื้ออาหารร่วมกัน
หลังจากกัดกินอาหารได้สองคำ เหยียนเกอก็ไม่สามารถกินอาหารต่อไปได้ ไม่ใช่เพราะอาหารไม่อร่อย แต่เป็นเพราะเขารอไม่ได้ที่จะค้นหาว่าอวิ๋นซิ่วชิงล้างพิษให้ผูเว่ยชางได้อย่างไร?
หากอวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่านางทำให้ผู้ติดตามที่ภักดีของชายหนุ่มคนนี้ขุ่นเคือง นางคงจะเสียใจน่าดู
เมื่อเห็นเหยียนเกอไม่กินอะไรเลย พ่อเฒ่าอวิ๋นก็ถามด้วยความสงสัยระคนเป็นห่วงว่า “ท่านเหยียน ทำไมท่านไม่กินล่ะ? อาหารไม่ถูกปากหรือ?”
เหยียนเกอหันมามองพ่อเฒ่าอวิ๋น แอบมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ ก่อนจะตอบออกไปว่า “ไม่เป็นไร ข้าเป็นคนไม่กินอะไรเยอะอยู่แล้ว ท่านอวิ๋น ท่านกินต่อเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”
พ่อเฒ่าอวิ๋นมองเหยียนเกออยู่พักหนึ่ง เขารู้สึกว่าเหยียนเกอกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง
“ท่านอวิ๋น ข้าเพิ่งได้ยินมาจากแม่นางอวิ๋นว่าท่านป่วย เกิดอะไรขึ้น?” เขาเหลือบมองอวิ๋นซิ่วชิงสลับไปมองพ่อเฒ่าอวิ๋นอย่างนึกห่วง
“ไม่มีอะไรมากหรอกท่านเหยียน ข้าเพิ่งเป็นหวัดเมื่อวานนี้ แต่ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว” เมื่อมองเห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่าย พ่อเฒ่าอวิ๋นจึงอธิบายออกไป
เหยียนเกอรู้สึกประหลาดใจที่เห็นใบหน้าแดงก่ำด้วยความอายของพ่อเฒ่าอวิ๋น โดยปกติแล้ว หากเป็นหวัดในช่วงวัยชราเช่นนี้ก็ไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็วแท้ ๆ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาประมาณสามถึงสี่วันจึงจะหายดี ทว่าตอนนี้เขากลับดูไม่เหมือนคนที่จะเป็นไข้หวัดได้เลย
อวิ๋นซิ่วชิงที่มองเห็นแววตาเหยียนเกอยังคงมีแต่ความกังขา หญิงสาวจึงนึกว่าพ่อของนางยังคงไม่หายจากอาการป่วย
“ท่านเหยียนเกอ พ่อของข้ายังมีอาการป่วยอะไรอีกหรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงวางชามและตะเกียบลงแล้วถามด้วยความกังวล
เหยียนเกอมองพ่อเฒ่าอวิ๋นและพูดขึ้นว่า “ท่านอวิ๋น ให้ข้าลองจับชีพจรของท่านเพื่อวินิจฉัยด้วยเถอะ”
“ไม่ต้องหรอก ท่านเหยียนเกอ”
พ่อเฒ่าอวิ๋นกลัวว่าอีกฝ่ายจะตรวจชีพจรของเขาและพบกับความผิดปกติอะไรบางอย่าง
เขาสบายดี หรือต่อให้ล้มป่วยลง เขาก็ไม่เคยกลัวความตายอยู่แล้ว แต่อย่างไรแล้วพ่อเฒ่าอวิ๋นก็กลัวว่าลูกสาวจะเป็นห่วงสุขภาพของเขา