ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 71 เมล็ดพันธุ์พืช
บทที่ 71 เมล็ดพันธุ์พืช
หลังจากนั้นไม่นานป้าจ้าวก็เข้ามาพร้อมกระสอบ นางวางกระสอบลงบนโต๊ะโดยมีเมล็ดกะหล่ำปลีครึ่งถุงอยู่ในนั้น…
“ข้าเก็บเมล็ดพันธุ์พวกนี้ทุกปี เจ้าอยากได้เท่าไหร่?” ป้าจ้าวเงยหน้ามองอวิ๋นซิ่วชิงแล้วถาม
เมื่อมองป้าจ้าวที่กำลังกระตือรือร้น หญิงสาวก็พูดอย่างอาย ๆ ว่า “ไม่มากเท่าไหร่ ให้ข้าเพียงเล็กน้อยก็พอ ข้าจะนำมันกลับบ้านและลองเพาะปลูกมันดู”
“เดี๋ยวก่อน ๆ” ป้าจ้าวร้องปรามขึ้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องด้านใน แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าและชามอาหารออกมา
ป้าจ้าวเปิดกระสอบออกมา ก่อนจะใช้ชามตักเมล็ดพืชลงในผ้าเช็ดหน้า จากนั้นก็ห่อมันแล้วส่งให้อวิ๋นซิ่วชิง
เมื่อมองไปยังผ้าเช็ดหน้าซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพที่ปูดพูนขึ้นเพราะมีเมล็ดพืชอยู่ข้างใน อวิ๋นซิ่วชิงก็รีบขอบคุณป้าจ้าวทันที “ขอบคุณค่ะป้าจ้าว!”
ป้าจ้าวเอามือปรามและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก แต่เจ้าอย่ารีบร้อนไปซื้อหรือรับเมล็ดพันธุ์ที่ไหนมาล่ะ เมื่อปีใหม่มาถึง ในหมู่บ้านเราจะมีการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ผักทุกชนิด ข้าจะเก็บบางส่วนไว้ให้เจ้าด้วย อย่าลืมมาเอาล่ะ”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและถามด้วยความสับสนว่า “ป้าจ้าว ทำไมทางการถึงส่งเมล็ดพันธุ์พืชมาที่หมู่บ้านของเรา?”
“หมู่บ้านของเราอยู่บนภูเขา แถมยังมีที่ดินรกร้างอยู่มากมาย และเพื่อกระตุ้นให้หมู่บ้านของเราเติบโตและพัฒนายิ่งขึ้น พวกเราจำเป็นต้องได้เมล็ดพันธุ์มาเพาะปลูกทุกปี”
ในตอนแรกป้าจ้าวก็ไม่รู้ว่าทำไมทางการถึงมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขา จนกระทั่งได้แต่งงานอยู่กินกับลุงจ้าว สามีของนางที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน นางจึงรู้และเข้าใจในเรื่องนี้
”โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว…” อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า ความจริงแล้วทางการโบราณก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดอย่างที่ปรากฏในทีวีเมื่อครั้งที่นางยังไม่ทะลุมิติมาอยู่ในยุคสมัยนี้
ป้าจ้าวตบต้นขาตัวเองและพูดว่า “โอ้ข้าลืมไปเลย! ข้าเพิ่งบอกเจ้าว่าจะนำเมล็ดผักชีมาให้เจ้า เดี๋ยวจะไปเอาให้เดี๋ยวนี้แหละ รอเดี๋ยวนะ”
จากนั้นป้าจ้าวก็รีบออกไป ไม่นาน นางก็ออกมาจากห้องด้วยเมล็ดผักชีถุงเล็ก ๆ และให้เมล็ดเหล่านั้นแก่อวิ๋นซิ่วชิงครึ่งหนึ่ง
อวิ๋นซิ่วชิงหยิบเหรียญทองแดงออกมาสองสามเหรียญเพื่อมอบให้ป้าจ้าว “ป้าจ้าว โปรดรับน้ำใจจากข้า แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์พืชมีราคาแพงขนาดไหน แต่ก็คงจะแพงกว่าผักที่ขึ้นในช่วงฤดูกาลนี้มาก นอกจากนี้ ท่านก็น่าจะเก็บเมล็ดทีละเล็กน้อยอย่างยากลำบากทีเดียว…”
เมื่อเห็นเหรียญทองแดงในมือของอวิ๋นซิ่วชิง ป้าจ้าวก็ผลักมันกลับคืนไปและพูดว่า “เจ้าจะทำอะไรกันชิงเหนียง? เมล็ดพันธุ์ยังไม่มีค่าราคาอันใดหรอก เจ้าเอาเหรียญทองแดงเก็บไปเถอะ นอกจากนี้แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเจ้าก็ยังไม่ค่อยมีเงินด้วย ข้าไม่สามารถหาผลประโยชน์จากมันเพื่อเอาเปรียบเจ้าได้…”
อวิ๋นซิ่วชิงรีบใส่เหรียญทองแดงลงในมือของป้าจ้าวและพูดว่า “ป้าจ้าว รับไว้เถอะ ไม่เช่นนั้นข้าจะรู้สึกผิดไปตลอด…”
“ก็ได้ ๆ ครั้งนี้ข้าจะรับเงินไว้แล้วกัน ตกลงไหม?” ขณะที่ป้าจ้าวพูด นางก็แบ่งเหรียญเงินบางส่วนไว้ในมือ และคืนส่วนที่เหลือให้อวิ๋นซิ่วชิง
แต่เมื่อเห็นอวิ๋นซิ่วชิงยังคงไม่รับเงิน ป้าจ้าวก็แสร้งทำเป็นโกรธ “ชิงเหนียง ถ้าครั้งต่อไปเจ้ายังดึงดันจะให้เงินข้าอีก ข้าจะโกรธมาก และจะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไปนะ!”
เมื่อเห็นว่าป้าจ้าวดูจริงจัง อวิ๋นซิ่วชิงจึงยอมรับเงินที่เหลือจากนาง จากนั้นก็พูดคุยกับอีกฝ่ายสักพักก่อนจะออกจากบ้านตระกูลจ้าว
เมื่อผูเว่ยชางกลับมาถึงบ้าน ต้าเหนียนชุ่ยยี่ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเขาและดูท่ากำลังเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง
ทว่าเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ประตู ต้าเหนียนชุ่ยยี่ก็หายไปทันที
หลังกลับจากบ้านของหลู่ชีฉาง หลี่ฟู่หลานก็รีบกลับบ้านไปหยิบไข่สองฟองบนโต๊ะเพื่อมาหาชายในดวงใจคนใหม่ของตัวเองที่นี่ทันที
หลี่ฟู่หลานมัดผมและเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองงามพอแล้ว จากนั้นก็เคาะประตูไม้เตี้ย ๆ ของบ้าน “ผูเว่ยชาง เจ้าอยู่บ้านหรือเปล่า?”
ไม่จำเป็นต้องเปิดดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากหน้าประตู ผูเว่ยชางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นหลี่ฟู่หลาน หญิงงามประจำหมู่บ้านที่อาจต้องตาชายหลายคน ทว่ามีแต่เขาที่รู้สึกขยะแขยงเมื่อพบนาง
นางมาทำอะไรที่นี่กัน?
ผูเว่ยชางขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกไป ดวงตาคมกริบของเขาเหลือบมองหลี่ฟู่หลานอย่างเย็นชา
หลี่ฟู่หลานเงยหน้ามองผูเว่ยชางเพียงชั่วครู่ ใบหน้าสวยของนางก็แดงขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นว่าหลี่ฟู่หลานไม่ได้พูดอะไรสักคำ ผูเว่ยชางจึงถามอีกฝ่ายอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ข้าช่วยก็รีบพูดมา ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งมาก…”
หลี่ฟู่หลานหยิบไข่สองฟองออกมาแล้วมองไปที่ผูเว่ยชางอย่างเขินอาย “ข้าแค่อยากจะมาขอโทษเรื่องในวันนั้นที่พวกเราเดินชนกัน ข้าผิดเอง เจ้ายกโทษให้ข้าด้วยนะ…”