ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 69 ความหึงหวง
บทที่ 69 ความหึงหวง
“ใช่ ข้าเป็นพยานได้” ผูเว่ยชางยืนอยู่ข้างหลังฝูงชนก็พูดขึ้นทันที
ลุงจ้าวผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านหันไปมองหลู่ชีฉางอย่างเย็นชา “และตอนนี้…เจ้าอยากจะพูดอะไรอีกไหม?”
หลู่ชีฉางไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว เขาชี้นิ้วไปที่อวิ๋นซิ่วชิงและพูดว่า “เจ้า…เจ้า!!! แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้คบชู้กับผู้ใหญ่บ้านของเรา แต่เจ้าต้องแอบลอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้…!”
เมื่อได้ยินคำพูดงี่เง่าของหลู่ชีฉาง อวิ๋นซิ่วชิงก็เยาะเย้ย “หลู่ชีฉาง ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าคืออะไร? ข้าจะไปคบค้าสมาคมกับใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ระวังเถอะ เจ้าจะต้องตายเพราะปาก!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลู่ชีฉางพ่นออกมา ดวงตาของผูเว่ยชางก็มืดหม่นลง หลู่ชีฉางกำลังรนหาที่ตาย!
ลุงจ้าวรู้สึกขุ่นเคือง เขาเคยคิดว่าหลู่ชีฉางที่เป็นซิวไฉอนาคตไกลนั้นต่อไปอาจกลายเป็นจอหงวนในอนาคต ดังนั้นเขาจึงให้เกียรติตระกูลหลู่ตลอดมา
ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นพฤติกรรมอันไร้ยางอายของหลู่ชีฉาง ที่ดูจะเก่งแต่เรื่องใส่ร้ายผู้อื่นมากกว่าวิชาการ เขาจึงรู้สึกว่า อีกฝ่ายดูโง่เง่าอย่างไม่น่าเชื่อ
หากคนพรรค์นี้ได้เป็นจอหงวน คางคกก็คงสามารถพูดภาษามนุษย์ได้แล้ว!
“ตอนนี้เจ้าก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าใส่ร้ายข้ากับอวิ๋นซิ่วชิง ข้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว หลู่ชีฉาง เราไม่ต้องการให้เจ้าอยู่ในหมู่บ้านนี้อีกต่อไป ออกไปจากหมู่บ้านซะ!”
ลุงจ้าวพูดอย่างเย็นชาโดยไม่มองหลู่ชีฉาง
“อะไรนะ…อะไรนะ?!!!” หลู่ชีฉางตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าลุงจ้าวขับไล่เขาออกจากหมู่บ้าน
ลุงจ้าวเหลือบมองหลู่ชีฉาง และหันไปหาชาวบ้าน “ถ้าเจ้าได้ยินไม่ชัด ข้าจะพูดอีกครั้งก็ได้…หลู่ชีฉาง เราไม่ต้องการให้เจ้าอยู่ในหมู่บ้านนี้อีกต่อไป ออกไปจากหมู่บ้านซะ!”
หลู่ชีฉางตกตะลึงและมองผู้คนรอบตัวด้วยความสับสน
“แล้วถ้ามีคนแพร่ข่าวลือต่ำทรามเช่นนี้ในหมู่บ้านของเราอีกครั้ง ข้าจะไล่เขาออกจากหมู่บ้าน!”
ลุงจ้าวมองชาวบ้านและพูดอย่างเย็นชา
ชาวบ้านไม่กล้าพูดอะไรสักคำเมื่อลุงจ้าวผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยจบ
จากนั้นลุงจ้าวก็ขอให้ชายที่แข็งแรงในหมู่บ้านอยู่ต่อ เพื่อรอให้หลู่ชีฉางออกไป
หากหลู่ชีฉางไม่ยอมออกไป เขาจะให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นโยนหลู่ชีฉางออกจากหมู่บ้าน
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ชาวบ้านจึงรู้ว่าลุงจ้าวที่อ่อนโยนกำลังโกรธจัด
หลี่ฟู่หลานซึ่งยืนอยู่ในฝูงชนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าหลู่ชีฉางไม่ได้เอ่ยชื่อของนาง นางก็หันหลังกลับและเห็นผูเว่ยชางอยู่ข้างหลังฝูงชน
หลี่ฟู่หลานเห็นเขานานแล้ว ทว่านางมัวแต่คิดเรื่องของหลู่ชีฉาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้มีโอกาสคุยกับผูเว่ยชาง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว หลี่ฟู่หลานต้องคุยกับเขา!
“ไปกันเถอะ” หลังจากลุงจ้าวจัดการสมาชิกทุกคนในครอบครัวของหลู่ชีฉาง เขาก็โบกมือให้ชาวบ้าน
ชาวบ้านรอบข้างแยกย้ายกันไปทันที
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็ยิ้มให้ผูเว่ยชางและเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณที่เจ้ามาเป็นพยานให้ข้า”
ผูเว่ยชางหัวเราะ “เจ้าจะขอบคุณข้าทำไม? ข้าเก็บความลับเรื่องโสมไว้ให้เจ้าและพิสูจน์ให้เจ้าเห็น…”
“ขอบคุณมาก ข้าจะเชิญเจ้าไปทานอาหารเย็นในครั้งหน้า” อวิ๋นซิ่วชิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฟู่หลานซึ่งกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับผูเว่ยชาง แต่ทันใดนั้นนางก็นึกถึงไข่ทั้งสองฟองที่นางตั้งใจมอบให้เขาเป็นการขอโทษ
นางสัมผัสร่างกายของตัวเองอย่างกระวนกระวายใจ แล้วจำได้ว่านางเผลอวางไข่ทั้งสองฟองไว้ที่บ้าน
หลี่ฟู่หลานกัดริมฝีปากด้วยความเศร้า
แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อมองหาผูเว่ยชาง นางก็ถูกชาวบ้านชน หากมีคนไม่มากนัก หลี่ฟู่หลานจะตะโกนด่าแล้ว
เมื่อหลี่ฟู่หลานลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อมองหาผูเว่ยชาง ก็พบว่าเขาก็ได้ออกไปกับอวิ๋นซิ่วชิงเสียแล้ว
นางโกรธจัดพลางกระทืบเท้าเมื่อเห็นพวกเขาพูดคุยและหัวเราะกัน
หลี่ฟู่หลานมองตามหลังของอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางอย่างเศร้าหมอง
นางอิจฉามากจนรู้สึกเหมือนมีคมมีดมากรีดหัวใจ “นังอวิ๋นซิ่วชิง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”
อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งกำลังเดินอยู่กับชายหนุ่ม จู่ ๆ ก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา
หญิงสาวหันหลังกลับ แต่ก็ไม่พบสิ่งใดอยู่ข้างหลัง นางขมวดคิ้วและคิดกับตัวเองว่า ‘ข้าคงบ้าไปแล้ว’
ผูเว่ยชางกำลังคุยกับอวิ๋นซิ่วชิง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างกายกำลังคิดถึงบางสิ่ง เขาก็ถามด้วยความสับสนว่า “มีอะไรหรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัวและพูดว่า “มันไม่สำคัญหรอก ว่าแต่เจ้ามีเมล็ดพันธุ์พืชไหม?”
“เมล็ดพันธุ์?” ผูเว่ยชางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสับสน
“ใช่…พวกเมล็ดพืชผักหรืออะไรทำนองนั้น”
อวิ๋นซิ่วชิงถามอย่างกังวล
“ข้าเป็นนักล่าสัตว์ ข้าจะมีเมล็ดพันธุ์พืชได้อย่างไร? เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้าอยู่หรือ” ผูเว่ยชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าด้วยความไม่พอใจ “ลืมมันไปเถอะ!”