ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 259+260 ลงบันไดวัดจิงเหอสุราข้าว
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 259+260 ลงบันไดวัดจิงเหอสุราข้าว
บทที่ 259 ลงบันไดวัดจิงเหอ
อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่านายน้อยไฉ่ทำให้นางอดกินอาหารอร่อย นางต้องมาที่นี่เพื่อกินอาหารมังสวิรัติ และนางยังเป็นคนโง่ที่เชื่อ นางทำบาปอะไรมานักหนา!
อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจและกลืนข้าวลงท้อง
ผูเว่ยชางเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงไม่ชอบอาหารที่นี่ แต่จำได้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงเคยกินหน่อไม้ดิบที่เขาหามาได้ วันนี้แม้ว่าอาหารจะเป็นมังสวิรัติ แต่ก็ดีกว่าหน่อไม้ดิบมาก
ผูเว่ยชางคิดว่าเป็นเพราะช่วงนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ไฉ่ ที่นั่นเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ ดังนั้นอวิ๋นซิ่วชิงจึงเคยชินกับอาหารเหล่านั้น
เขากำลังคิดว่าจะอยู่ต่ออีกสักวันสองวันเพื่อให้นางได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะดีหรือไม่?
ผูเว่ยชางแอบเอาเนื้อแห้งออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา แล้วใส่ลงในชามของอวิ๋นซิ่วชิง
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงเห็นเนื้อแห้งในชาม นางก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผูเว่ยชาง จากนั้นก็นำใส่ปาก และเริ่มเคี้ยวมันทีละนิด
อวิ๋นซิ่วชิงกินข้าวเพียงสองสามคำ แต่กินเนื้อแห้งของผูเว่ยชางจนหมด
ส่วนนายน้อยไฉ่กินจนอิ่ม เขาหันมามองและเห็นว่าข้าวของอวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้ลดลง จึงงุนงงอย่างมาก “แม่นางอวิ๋น เจ้าหิวไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าไม่กิน?”
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะแห้ง ๆ และตอบว่า” ข้าหิวเกินไป ดังนั้นตอนนี้จึงกินไม่ค่อยลง”
”ตอนนี้มันเริ่มจะมืดแล้ว กลับกันเถอะนายน้อยไฉ่” อวิ๋นซิ่วชิงกลัวว่านายน้อยไฉ่จะรอให้นางกินต่อ นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
นายน้อยไฉ่ถูกอวิ๋นซิ่วชิงเบี่ยงเบนไปเรียบร้อยแล้ว “มันเริ่มมืดแล้วจริง ๆ กลับกันเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืน จากนั้นทั้งสามคนก็ออกจากโรงอาหาร
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปมองบันไดแล้วก็รู้สึกเศร้า นางยังสามารถพักผ่อนได้เมื่อขึ้นไปบนภูเขา แต่ตอนลงนี่สิ บันไดสูงตระหง่าน ถ้านางพักผ่อนระหว่างทางก็กลัวจะหน้าทิ่มลงไปอย่างรวดเร็ว!
ผูเว่ยชางสังเกตเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังเป็นห่วงอะไร เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ชิงเหนียง ให้ข้าแบกเจ้าลงจากภูเขาไหม?”
อวิ๋นซิ่วชิงอยากให้ผูเว่ยชางแบกนางไว้บนหลังของเขาจริง ๆ
และตอนนี้มันมืดแล้วที่จะดูว่าใครเป็นใคร ไม่ต้องสนใจสายตาของผู้คนอีกต่อไป อวิ๋นซิ่วชิงจึงขยับให้ผูเว่ยชางเตรียมแบกนางไว้บนหลังของเขา
แต่นางก็ฉุกคิดได้ว่านางตัวหนักมาก นางอาจฆ่าผูเว่ยชางเมื่อพวกเราหน้าทิ่มลงไปพร้อมกัน!
”ม…ไม่ต้อง เพียงแค่ลากข้าและอย่าปล่อยให้ข้าล้มลงก็พอ”
อวิ๋นซิ่วชิงถอยกลับและร้องขอให้ทำตามที่นางบอก นางทำเพียงแค่ปล่อยให้ผูเว่ยชางจับมือนางไว้เมื่อนางลงจากภูเขา
ผูเว่ยชางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงทำตามโดยการจับแขนของอวิ๋นซิ่วชิง และเริ่มลงไปตามภูเขา
ตอนนี้มันมืดเกินไป!
มีเพียงอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชาง และนายน้อยไฉ่เท่านั้นที่ลงมาจากภูเขา ส่วนผู้แสวงบุญคนอื่น ๆ ในวัดจิงเหอกำลังลงบันได
อวิ๋นซิ่วชิงจับเสื้อผ้าของผูเว่ยชางไว้แน่นตลอดทาง มันมืดเกินไปสำหรับนางที่จะมองเห็นได้ชัดเจน
นางลื่นไถลสองครั้งด้วยเหตุผลนี้ ถ้าผูเว่ยชางไม่พยุงนาง นางคงจะกลิ้งลงไปแล้ว…
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงลงจากภูเขาก็หายใจหอบหนัก น่องและท้องขาของนางสั่นไหวและมีปัญหาในการยืน
”ขึ้นรถม้า” ผูเว่ยชางรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงทนไม่ไหว เขาจึงช่วยอวิ๋นซิ่วชิงขึ้นรถม้า
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ปฏิเสธ ทันทีที่นางขึ้นรถม้าก็ทรุดตัวลง
จากนั้นผูเว่ยชางและนายน้อยไฉ่ก็ขึ้นรถม้าทีละคน
”วัดจิงเหอยังมีทิวทัศน์อีกมาก ข้าได้ยินมาว่ามีต้นบ๊วยอยู่ในสวนด้านหลังของวัดจิงเหอ พวกมันควรจะแบ่งบานในขณะนี้ พวกเขาลือกันว่ามันสวยมาก”
นายน้อยไฉ่กล่าวอย่างเสียใจ
”จริงหรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงพูดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น นางมาที่วัดจิงเหอครั้งหนึ่ง นางจำอะไรไม่ได้นอกจากบันไดที่สูง และสูงขึ้นไปอีกเท่านั้น
แม้ว่าวัดจิงเหอจะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่อวิ๋นซิ่วชิงก็จะไม่กลับมาอีก เพราะนางเหนื่อยมาก
”ข้าคิดอย่างนั้น” นายน้อยไฉ่ไม่แน่ใจ เขาเองก็เพิ่งมาวัดจิงเหอเป็นครั้งแรกหลังจากโตเป็นหนุ่ม เขาได้ยินสิ่งเหล่านี้มาจากผู้อื่น
อวิ๋นซิ่วชิงฟังคำตอบจากนายน้อยไฉ่และยิ้มเบา ๆ นายน้อยไฉ่คนนี้น่าสนใจจริง ๆ
นายน้อยไฉ่ยิ้มด้วยความเขินอาย เขาลากคนอื่นมาโดยที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลย
นี่มันเรื่องตลกร้ายชัด ๆ!
…
บทที่ 260 สุราข้าว
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งเงียบมาตลอดทาง นางไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ทว่ารู้สึกยินดีที่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลไฉ่เสียมากกว่า
หลังจากกลับไปมาถึงคฤหาสน์ไฉ่แล้ว อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็กลับไปที่ห้อง
ทันทีที่นางเข้าไปในห้องก็ทรุดตัวนั่งลงและพูดว่า “ถ้าข้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ข้าจะไม่ไปวัดจิงเหอ ข้าเหนื่อยมาก”
”ในเมื่อเจ้าเหนื่อย เจ้านอนเร็วสักหน่อยดีไหมคืนนี้?” ผูเว่ยชางเทชาร้อนให้อวิ๋นซิ่วชิง
นางจิบชาและขยิบตา “ตอนนี้ข้าไม่ง่วงนอน และข้าไม่รู้ว่าข้าจะนอนหลับไหม?”
ผูเว่ยชางขมวดคิ้ว “เจ้านอนไม่หลับแบบนี้ ถ้าเราออกเดินทาง เราจะไม่สามารถพักผ่อนได้ดีนัก”
อวิ๋นซิ่วชิงรู้ดี แต่นางไม่สามารถควบคุมได้ “ข้าเองก็อยากนอน แต่ข้าจะทำอย่างไรได้? ก็ข้าไม่สามารถหลับตาได้? หรือข้าจะกินยานอนหลับดี?”
”ไม่ดีหรอก ยามันจะเป็นพิษมากกว่าสามเท่า และเจ้าไม่สามารถกินดื่มได้ด้วย” ผูเว่ยชางไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ใครจะรู้ว่ามีผลข้างเคียงใด ๆ หลังจากดื่มยาหรือไม่
”แล้วทำอย่างไรล่ะ?” อวิ๋นซิ่วชิงถาม
ผูเว่ยชางขมวดคิ้วพลางยืนขึ้นและพูดว่า “เจ้ารอสักครู่”
นางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าผูเว่ยชางจะทำอะไร
หลังจากออกมาจากห้องของอวิ๋นซิ่วชิงแล้ว ผูเว่ยชางก็ไปที่ห้องครัวขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลไฉ่
เขากำลังจะไปหาเครื่องดื่มให้อวิ๋นซิ่วชิง เวลานี้ไม่มีใครอยู่ในครัวใหญ่ ดังนั้นมันจึงมืดมาก
ผูเว่ยชางต้องการเข้าไปทางประตูห้องครัว แต่ประตูห้องครัวยังคงล็อกอยู่…
เขาหันมองไปรอบ ๆ พบว่ายังมีหน้าต่างในห้องครัว จึงปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องครัว
หลังจากชายหนุ่มเข้าไปในครัว ความมืดก็ไม่ได้กลายเป็นอุปสรรคสำหรับเขา เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มานานแล้ว และความมืดมิดนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเขา
ผูเว่ยชางเดินไปรอบ ๆ ห้องครัว พบไหสุราแล้วก็ออกจากห้องครัว
อวิ๋นซิ่วชิงรอไม่นานก็เห็นผูเว่ยชางเข้ามาพร้อมไหสุรา
”ดื่มสุราแล้วเจ้าสามารถนอนหลับตอนกลางคืนได้” จากนั้นผูเว่ยชางก็วางไหสุราไว้บนโต๊ะเล็กข้าง ๆ อวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงเปิดฝาไหสุรา นางได้กลิ่นหอมแล้วลองลิ้มรสมัน ก่อนจะพูดว่า “นี่คือสุราข้าว ดื่มดี สร้างความอบอุ่น แต่อ่อนเกินไป…”
หลังจากฟังคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิงแล้ว ผูเว่ยชางก็หัวเราะ “ข้าขอให้เจ้าดื่มเล็กน้อยเพื่อช่วยให้เจ้านอนหลับ ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าสำราญไปกับมัน”
”ข้ารู้ว่ามันเป็นเครื่องช่วยในการนอนหลับ แต่ข้าต้องสนุกกับมันใช่ไหม?”
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็ดื่มสุราข้าวอีกจิบหนึ่ง มันหวานและอร่อยมาก!
ชายหนุ่มพยักหน้าให้อวิ๋นซิ่วชิง “เจ้าได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากตระกูลไฉ่เป็น วันนี้เจ้าจึงไม่อยากกินอาหารมังสวิรัติที่วัดจิงเหอ”
”ข้าเพียงไม่คุ้นปากเท่านั้น แต่อาหารมังสวิรัติไม่อร่อยจริง ๆ พ่อของข้ามักจะทำอาหารมังสวิรัติที่บ้าน แต่มันอร่อยกว่าที่วัดจิงเหอมาก”
อวิ๋นซิ่วชิงน้ำลายไหลเมื่อนางนึกถึงอาหารของพ่อเฒ่าอวิ๋น ทำไมนางถึงรู้สึกหิวขึ้นมา
”เช่นนั้นปากของเจ้าก็ไม่ได้ถูกทำลายเพราะอาหารของตระกูลไฉ่ แต่ด้วยฝีมือของพ่อเฒ่าอวิ๋น”
อาหารที่ทำโดยพ่อเฒ่าอวิ๋นนั้นอร่อยมาก!
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า “ข้าเห็นด้วยกับเจ้า”
จากนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็ดื่มสุราข้าวอีกคำหนึ่ง แต่ยิ่งนางดื่มมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น
ในที่สุดอวิ๋นซิ่วชิงก็ทนไม่ไหว นางลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ผูเว่ยชาง ครัวของคฤหาสน์ไฉ่อยู่ที่ไหน? พาข้าไปหน่อย”