ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 251+252 เรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจค้าขายกลยุทธ์การเปิดร้านขายผัก
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 251+252 เรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจค้าขายกลยุทธ์การเปิดร้านขายผัก
บทที่ 251 เรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจค้าขาย
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเลื่อมใสข้า เป็นข้าเองต่างหากที่เลื่อมใสและชื่นชมเจ้า แม่นางอวิ๋น เจ้ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังรักษาโรคที่รักษาไม่หายให้กับลูกสาวของข้า ข้าชื่นชมและเลื่อมใสเจ้าจริง ๆ!”
ไฉ่เหวินหลินไม่กล้ารับคำชมจากอวิ๋นซิ่วชิง ในความคิดของเขา แม่นางตรงหน้าคนนี้มีความสามารถมากกว่าเขามากนัก
”พวกเจ้าทั้งสองไม่ควรเจียมเนื้อเจียมตัว เจ้าทั้งคู่มีพลัง” ผูเว่ยชางหัวเราะ
ไฉ่เหวินหลินและอวิ๋นซิ่วชิงต่างก็หัวเราะหลังจากได้ยินสิ่งที่ผูเว่ยชางพูด
หลังจากที่หญิงสาวเลือกผักเสร็จสิ้น พวกเขาก็ขึ้นรถม้ากลับไปทันที
ระหว่างทางกลับ ไฉ่เหวินหลินและอวิ๋นซิ่วชิงเริ่มพูดคุยกัน “แม่นางอวิ๋น เจ้าจะเอาผักเหล่านี้กลับไปมากแค่ไหน?”
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วและเริ่มคิดเกี่ยวกับมัน นางไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับผูเว่ยชางเพราะนางรีบร้อนในเวลานั้น จึงได้ลืมมันไประหว่างทาง
อวิ๋นซิ่วชิงคิดไม่ออกว่านางควรจะขนผักไปมากแค่ไหน นางจึงหันไปมองผูเว่ยชางและขอให้เขาช่วยตัดสินใจ
ผูเว่ยชางรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำธุรกิจ เขาเองก็ไม่เคยทำมาก่อน
หากอวิ๋นซิ่วชิงถามเขาเกี่ยวกับสงคราม เขาจะสามารถพูดได้เป็นเวลาสามวัน แต่เขาไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ!
ไฉ่เหวินหลินนั่งตรงข้ามกับอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็เห็นว่าคนทั้งคู่กำลังสับสน เถ้าแก่ไฉ่จึงรู้ว่าพวกเขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้
”เจ้าสองคนกล้าหาญจริง ๆ ทำไมเจ้าถึงมาที่เมืองฉางอันโดยไม่คิดถึงเรื่องนี้?” ไฉ่เหวินหลินถาม
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกอับอาย “เราไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ เราเพิ่งถามผู้คนเกี่ยวกับแหล่งอาหารในเมืองฉางอันและรีบมาที่นี่ ส่วนเรื่องจำนวน เราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับสถานการณ์”
”แม้ว่าเจ้าสองคนจะหุนหันพลันแล่นเล็กน้อย แต่นี่เป็นลักษณะของคนหนุ่มสาว มันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครเก่งกาจตั้งแต่ต้น เมื่อข้ายังเด็กก็เป็นเช่นกัน” ไฉ่เหวินหลินเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกเขินอาย เขาจึงยิ้มและปลอบโยน
ไฉ่เหวินหลินสามารถพูดได้ดี เพราะอย่างน้อยหญิงสาวก็ไม่อึดอัดอีกต่อไป
”แม่นางอวิ๋น ข้าทำธุรกิจมาหลายปีแล้ว ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า ข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้า ดีไหม?”
ไฉ่เหวินหลินคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางต่างก็เป็นคนฉลาดทั้งคู่ เขาเพียงแนะนำเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาทั้งสองจะได้ไม่หลงทาง
”เถ้าแก่ไฉ่ พวกเราโชคดีมากที่ได้ท่านมาสอนเราเป็นการส่วนตัว” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่านางมาถูกที่แล้ว
”เถ้าแก่ไฉ่ ขอบคุณมาก” ผูเว่ยชางคิดว่าไฉ่เหวินหลินเป็นคนดีอย่างแท้จริง
”อย่าได้พูดเช่นนี้ ถ้าเป็นเรื่องกล่าวขอบคุณ ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณพวกเจ้า” ไฉ่เหวินหลินรู้สึกขอบคุณอวิ๋นซิ่วชิงที่ได้ช่วยลูกสาวของเขาในครั้งนี้ เขาจึงเป็นฝ่ายที่ต้องขอบคุณ
”ท่านพ่อ อย่าเอาแต่พูดขอบคุณไปเรื่อย ๆ ข้าฟังมันตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้แล้ว” นายน้อยไฉ่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นมาอย่างทำอะไรไม่ถูก
”ฮ่า ๆ ข้าแก่แล้ว จึงพูดจาซ้ำ ๆ ยกโทษให้ข้าด้วย” ไฉ่เหวินหลินขอโทษพลางยิ้มให้อวิ๋นซิ่วชิงกับผูเว่ยชาง จากนั้นก็พูดต่อ “แม่นางอวิ๋น ข้าคิดว่าเมื่อเจ้าสองคนกลับไป เจ้าแต่ละคนจะต้องขับรถม้าคนละคัน”
หลังจากฟังคำพูดของไฉ่เหวินหลินแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ต้องทำขนาดนั้นเลยหรือ?”
”ชิงเหนียงไม่ต้องห่วง เถ้าแก่ไฉ่ยังพูดไม่จบ” ผูเว่ยชางยิ้ม
”ตอนนี้มันเป็นฤดูหนาว และอาหารในฤดูหนาวได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี ผักทุกชนิดสามารถขายได้ พวกมันสามารถเก็บไว้บนรถม้าได้สิบวัน หากเจ้านำกลับไปเพียงไม่กี่อย่าง ร้านของเจ้าจะไม่มีอะไรขายในครึ่งเดือน”
ไฉ่เหวินหลินทำธุรกิจมาหลายปีแล้ว และเขารู้วิธีการขายเป็นอย่างดี
…
บทที่ 252 กลยุทธ์การเปิดร้านขายผัก
หลังจากการคำนวณคร่าว ๆ อวิ๋นซิ่วชิงก็พูดขึ้นว่า “รถม้าสามารถบรรทุกน้ำหนักแค่หนึ่งร้อยจิน*[1] ใช่ไหม?”
จากนั้นนางก็หันไปมองผูเว่ยชางด้วยความตกใจ
นางสั่งผักยี่สิบชนิด คิดเป็นหนึ่งร้อยจินต่อชนิด พวกเขาจะขายทั้งหมดภายในสิบวันได้อย่างไร?!
นางไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ!
ผูเว่ยชางพยักหน้า เมื่อรู้ว่าไฉ่เหวินหลินจะไม่บอกเขาไปซะทุกเรื่องเพราะชายชราต้องการให้พวกเขาได้ใช้สมองคิดด้วยตัวเอง ผูเว่ยชางจึงถามว่า “แล้วเราจะขายมันได้อย่างไร?”
ไฉ่เหวินหลินยกมือขึ้นลูบเครา ก่อนจะค่อย ๆ ตอบ “วิธีนี้ง่ายมาก เจ้าเพียงแค่ต้องให้สิ่งล่อตาล่อใจเล็กน้อย และเจ้าจะขายผักได้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เมื่อเจ้าสองคนมีไข่ เมื่อเปิดร้าน เจ้าอาจจะบอกว่าคนที่ซื้อผักจำนวนสิบจิน*[2] จะแถมไข่ให้ หากเงื่อนไขของเจ้าสร้างแรงจูงใจมากพอ เจ้าอาจไม่ต้องใช้เวลาถึงสิบวันก็ขายผักได้หมด!”
อวิ๋นซิ่วชิงฟังคำพูดของไฉ่เหวินหลินด้วยแววตาเป็นประกาย วิธีการทางการตลาดของไฉ่เหวินหลินเป็นวิธีการตลาดสมัยใหม่ชัด ๆ
หากไฉ่เหวินหลินไม่ได้พูดจาและทำบางอย่างเหมือนคนโบราณทั่วไป อวิ๋นซิ่วชิงคงสงสัยว่าไฉ่เหวินหลินเองก็ทะลุมิติมาเหมือนนางเช่นกัน
”สำหรับเงินค่าไข่ เจ้าสามารถซื้อแม่พันธุ์พ่อพันธุ์ไปเลี้ยงได้ และเจ้าจะได้รับเงินจากการขายไข่อีกด้วย” ไฉ่เหวินหลินต้องการช่วยอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปกปิดหรือหวงวิชาใด ๆ
”ท่านไฉ่ ท่านยอดเยี่ยมมาก!” อวิ๋นซิ่วชิงชื่นชม
”มันไม่มีอะไรเลย” ไฉ่เหวินหลินยิ้ม
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางได้พูดคุยกับไฉ่เหวินหลินและลูกชายของเขาเกี่ยวกับธุรกิจ แต่พวกเขาไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปไวเช่นนี้
เมื่อรถม้าหยุด อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้ว่าพวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ครอบครัวไฉ่ แล้ว
อวิ๋นซิ่วชิงกระโดดลงจากรถม้า และพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง ไม่คิดว่าเวลาในช่วงเช้าจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ไฉ่เหวินหลินและลูกชายของเขาลงจากรถม้า พวกเขาทั้งสี่คนก็เห็นแม่บ้านไฉ่วิ่งออกมาต้อนรับ “นายท่าน นายน้อย แม่นางอวิ๋นและคุณชายผู กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ? ฮูหยินรอท่านอยู่นาน และอาหารเกือบจะเย็นลงแล้ว!”
ไฉ่เหวินหลินพยักหน้าให้แม่บ้านไฉ่ จากนั้นหันไปมองอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง “แม่นางอวิ๋น คุณชายผู พวกเจ้าคงหิวแล้ว เข้าไปทานอาหารกันเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางตอบรับ และไปที่ห้องโถงพร้อมเถ้าแก่ไฉ่และลูกชายของเขา
ทันทีที่หญิงสาวเข้ามาในห้องโถง นางก็ได้กลิ่นอาหาร
ไฉ่เหวินหลินนั่งลงและเชื้อเชิญ “แม่นางอวิ๋น คุณชายผู มา ๆ มานั่งลงเถอะ”
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มกินมื้อเที่ยงและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หลังอาหารเที่ยงจบลง นายน้อยไฉ่ได้พาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปที่รถม้า เพื่อเตรียมตัวไปวัดจิงเหอที่อยู่ในเมือง
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ตอนนี้นางจึงง่วงตั้งแต่อยู่ในรถม้า แต่หญิงสาวก็ไม่ต้องการแสดงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าต่อหน้าคนนอก นางยังคงพยุงตัวเองในรถม้า
”วัดจิงเหอ เป็นวัดภิกษุสงฆ์หรือแม่ชี?” เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหลับไป อวิ๋นซิ่วชิงจึงเริ่มพูดคุยกับนายน้อยไฉ่
”มันเป็นวัดของภิกษุสงฆ์ วัดนี้มีชีวิตชีวามาก ทุกวันมีผู้คนมากมายไปที่นั่นเพื่อสักการะบูชาพระพุทธรูป” เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงสนใจวัดจิงเหอ นายน้อยไฉ่จึงรีบแนะนำนางให้รู้จัก “วัดจิงเหอแห่งนี้สร้างขึ้นมาร้อยปีแล้ว ข้ายังได้ยินมาว่าจักรพรรดิเคยมาที่วัดจิงเหอด้วย”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า “แล้ววัดนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่?”
”ข้าไม่แน่ใจ คนที่เคยไปที่นั่นบอกว่าที่นั่นศักดิ์สิทธิ์มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้ไปตอนที่ข้าโตขึ้นแล้ว”
นายน้อยไฉ่กล่าวด้วยความเขินอาย
หลังจากฟังคำพูดของนายน้อยไฉ่แล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็งงงวย “เจ้าอยู่ในเมือง วัดจิงเหอก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเจ้า ทำไมเจ้าไม่เคยไปที่นั่นอีกเลยล่ะ”
[1] 50 กิโลกรัม
[2] 5 กิโลกรัม