ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 223+224 ตรวจอาการบาดเจ็บความไร้อำนาจ
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 223+224 ตรวจอาการบาดเจ็บความไร้อำนาจ
บทที่ 223 ตรวจอาการบาดเจ็บ
เล่ยถิงได้เล่าออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นซิ่วชิง
เมื่อเห็นว่าดวงตาของอวิ๋นซิ่วชิงไม่เย็นชาอีกต่อไป เขาก็เริ่มอธิบายต่อว่า “ชุ่ยหงก็น่าสงสารมากเช่นกัน ปีนี้นางอายุยี่สิบแปดปี แต่พี่น้องในภูเขาไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวกับนาง ชุ่ยหงใช้หัวสมองของนางเปิดโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองฉางชิง และเริ่มตามหาสามีของนางเอง”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเล่ยถิง อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้แล้วว่าทำไมชุ่ยหงถึงลักพาตัวผูเว่ยชางโดยไม่เอาสัมภาระของพวกเขาไปด้วย ไม่คิดว่าเหตุผลจะง่ายเช่นนี้…
ผูเว่ยชางพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา เขาไม่รู้สึกเสียใจใด ๆ เรื่องชุ่ยหง
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปมองผูเว่ยชาง ทันใดนั้นก็นึกถึงโคมไฟสีแดงนอกประตู
นางหัวเราะคิกคัก ถ้าไม่ใช่เพราะผูเว่ยชางมีวรยุทธ์ ชุ่ยหงคงทำให้ผูเว่ยชางกลายเป็นสามีไปแล้ว
เมื่อคิดถึงฉากนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็อดหัวเราะไม่ได้
”ผูเว่ยชาง ข้าเสียใจจริง ๆ ข้าไม่คิดว่าชุ่ยหงจะลักพาตัวเจ้ากลับไปที่ฐานที่มั่นของภูเขา ข้าขอโทษ”
เล่ยถิงจริงใจและอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผูเว่ยชางมาก
ผูเว่ยชางมองเล่ยถิงอย่างเย็นชา และไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
”อย่าไปสนใจเขาเลย ให้ข้าดูแขนของเจ้าหน่อย” อวิ๋นซิ่วชิงเห็นแขนที่ เล่ยถิงจับอยู่ ตอนแรกนางไม่เคยสนใจมันเลย นางกำลังรอคำอธิบายของเล่ยถิง หากเล่ยถิงบอกว่าไม่มีอะไร นางก็จะไม่ต้องห่วงอะไรอีก
เล่ยถิงรู้สึกดีเมื่อเขาได้ยินว่าอวิ๋นซิ่วชิงต้องการรักษาบาดแผลให้ นางเคยเย็บแผลให้เขา และแผลนั้นก็หายเป็นปกติตั้งนานแล้ว นอกจากนี้ทักษะทางการแพทย์ของอวิ๋นซิ่วชิงนั้นยังยอดเยี่ยมมาก เขายินดีที่จะให้หญิงสาวตรงหน้ารักษาแขนของเขา
เมื่อผูเว่ยชางได้ยินว่าอวิ๋นซิ่วชิงต้องการรักษาแขนของเล่ยถิง สีหน้าของเขาก็มืดมนกว่าก้นหม้อ
อวิ๋นซิ่วชิงยกแขนเสื้อของเล่ยถิงขึ้น แขนของเขาบวมและดูเป็นสีน้ำเงินเล็กน้อย นางกดอาการบวมและถามว่า “มันเจ็บไหม? อย่าทน ตอบข้าตามความจริง”
”มันเจ็บ” เล่ยถิงขมวดคิ้ว
ผูเว่ยชางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญของเล่ยถิง
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คิดว่าผูเว่ยชางจะมีพละกำลังมากจนกระดูกแขนของเล่ยถิงหัก “เจ้ากระดูกหัก โชคดีที่มันไม่ใช่กระดูกสำคัญ เจ้าจะเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นเวลาร้อยวัน แล้วอย่าขยับแขนมากเกินไปในสามเดือนนี้ มิฉะนั้นมันจะไร้ประโยชน์ ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้เจ้าเอง”
เล่ยถิงพยักหน้าและขอให้ลูกน้องของเขาหยิบพู่กันและหมึกมาทันที อวิ๋นซิ่วชิงเขียนใบสั่งยาเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและบรรเทาอาการปวดให้เล่ยถิงสองสามแผ่น
หลังจากสั่งยาให้เล่ยถิงแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็มองบาดแผลที่นางเคยเย็บบนหน้าท้องของเล่ยถิง
”อวิ๋นซิ่วชิง ทักษะทางการแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจนข้าคิดว่าจะต้องนอนบนเตียงสักสองสามเดือนก่อนที่ข้าจะกลับมาแก้แค้นได้ แต่ข้าไม่คิดว่าในเวลาเพียงไม่กี่วัน ข้าจะหายเร็วเช่นนี้”
เมื่อพูดถึงบาดแผลที่หน้าท้องของเขา เล่ยถิงก็นึกขอบคุณอวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงมองดูบาดแผลที่นางเย็บให้เล่ยถิง ด้ายถูกถอดออกและตอนนี้มันเป็นตะเข็บเหมือนแผลเป็น “เจ้าฟื้นตัวได้ดี หากเจ้าได้รับบาดแผลสาหัสเช่นนี้อีกในอนาคต เจ้าสามารถเย็บมันได้ด้วยตัวเอง”
เล่ยถิงหัวเราะออกมา “ไม่หรอก ข้าฆ่าศัตรูของข้าเป็นการส่วนตัวแล้ว”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้ถามว่าเล่ยถิงได้รับบาดเจ็บอย่างไร แต่เขาเล่าให้ฟังว่าถูกพี่ชายทรยศและแจ้งต่อทางการ เขาได้รับบาดเจ็บจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางการขณะวิ่งหนีเอาตัวรอด
หลังจากฟังประสบการณ์ของเล่ยถิงแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็นึกชื่นชมหัวหน้าโจร เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและวิ่งไปไกล คนส่วนใหญ่ไม่มีความเพียรนั้น และคงไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนีได้แบบนั้นแน่
ในขณะเดียวกัน ผูเว่ยชางซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็คิดในใจว่าเล่ยถิงอาจจะต้องประสบพบเจอกับการทรยศอีกครั้งในเวลาอันสั้น
ผูเว่ยชางรู้สึกสนุกมาขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
…
บทที่ 224 ความไร้อำนาจ
อวิ๋นซิ่วชิงกับเล่ยถิงคุยกันอยู่พักหนึ่ง เล่ยถิงก็สั่งให้ลูกน้องจัดห้องให้อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง เพราะมันดึกเกินไปที่จะลงเขา ทั้งสองจึงไม่สามารถเดินทางข้ามคืนได้ พวกเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธความปราถนาดีของเล่ยถิง
อวิ๋นซิ่วชิงตามคนของเล่ยถิงไปที่ห้อง วันนี้นางวิ่งมาทั้งวัน ทั้งหิวและเหนื่อยอย่างมาก โชคดีที่เล่ยถิงดูแลนางอย่างดี มีของว่างและชามากมายบนโต๊ะในห้อง
นางกำลังหยิบขนมแป้งทอดที่มีรูปร่างเหมือนดอกบ๊วยขึ้นมาและเอาเข้าปาก
เมื่อนางได้ยินเสียงเคาะประตูก็ทำอะไรไม่ถูก นางไม่สามารถแม้แต่จะกินขนมแป้งทอดได้อย่างสบายใจ
อวิ๋นซิ่วชิงเปิดประตูออกก็เห็นผูเว่ยชางยืนอยู่ข้างนอก “เจ้าเองหรือ? เข้ามาเลย”
อวิ๋นซิ่วชิงถือว่าผูเว่ยชางเป็นเพื่อนสนิท ต่อหน้าเพื่อนของนาง นางไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง
เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนแอและดูเพลียของอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชางก็กังวล “ชิงเหนียง ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น?”
”ข้าหิว” อวิ๋นซิ่วชิงตอบเบา ๆ
อวิ๋นซิ่วชิงไม่สนใจผูเว่ยชาง นางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้และเทชาร้อน ๆ ให้ตัวเอง ก่อนจะหยิบแป้งทอดขึ้นมากินทีละชิ้น
”กินช้า ๆ ก็ได้ ข้าไม่แย่งเจ้าหรอก” ผูเว่ยชางพูดอย่างจริงใจ
หลังจากที่หญิงสาวกลืนแป้งทอดดอกบ๊วยลงไป ผูเว่ยชางก็เพิ่มถ้วยชาให้นางทันที
อวิ๋นซิ่วชิงจิบชาและกลืนขนมแป้งทอดลงไปจนเกือบสำลัก “โอ้ ข้าเกือบสำลักจนตาย”
”กินช้า ๆ” ผูเว่ยชางขมวดคิ้ว
อวิ๋นซิ่วชิงหยิบแป้งทอดขึ้นมาและถอนหายใจเบา ๆ “ข้าอยากจะเคี้ยวและกลืนช้า ๆ แต่ข้าไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากซาลาเปาสองชิ้นเมื่อเช้า และตอนนี้ข้าก็หิวจนตาลายอยู่แล้ว…”
ผูเว่ยชางมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงอย่างสงสัย “แล้วทำไมเจ้าไม่กินล่ะ? ตอนนั้นเจ้าแสร้งทำเป็นกระฉับกระเฉงต่อหน้าเล่ยถิงทำไม”
”ข้าอยากกินอยู่หรอก แต่ถ้าไม่ใช่เพราะต้องช่วยเจ้า ทั้งยังต้องขับรถม้าจากเมืองไปยังภูเขาเฮยเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าการควบคุมรถม้านั้นยากแค่ไหน? ข้าไม่เคยขับรถม้ามาก่อน และมันเกือบจะฆ่าข้าแล้ว” อวิ๋นซิ่วชิงกลอกตาใส่ผูเว่ยชาง นางไม่ได้กินอะไรเลยก็เพราะใครล่ะ? ทำไมผูเว่ยชางถึงไม่มีมโนธรรมเอาเสียเลย!
ผูเว่ยชางไม่คาดคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะขับรถม้ามาที่ภูเขาเฮยเฟิง เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนและนวดไหล่ให้หญิงสาวอย่างเบามือ
นางไม่คิดว่าฝีมือนวดของผูเว่ยชางนั้นจะดีมากเช่นนี้ “ฝีมือนวดของเจ้าเป็นกำลังดี ทำต่อไป”
ผูเว่ยชางมองอวิ๋นซิ่วชิงที่มีท่าทางสนุกสนานเล็กน้อย เขายกริมฝีปากขึ้นด้วยความพอใจ ผูเว่ยชางมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้และรู้เรื่องจุดชีพจรเพราะเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กจนโต ตราบใดที่เขากดจุดที่ถูกต้อง อวิ๋นซิ่วชิงก็จะรู้สึกสบาย
”อวิ๋นซิ่วชิง ขอบคุณเจ้ามากในครั้งนี้” หัวใจของผูเว่ยชางอ่อนยวบ
”เราไม่มีอะไรจะต้องขอบคุณกันเลย อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีข้า เจ้าก็สามารถออกจากฐานที่มั่นเฮยเฟิงแห่งนี้เพียงลำพังได้ ข้าเป็นห่วงเรื่องนี้เกินไปเอง”
อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผูเว่ยชางรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงพูดหยอกล้อ เขาจึงหัวเราะตาม
เขาสามารถออกจากฐานที่มั่นเฮยเฟิงเพียงลำพังได้ก็ต่อเมื่อเขาอาละวาดกวาดล้างมันเท่านั้น
”ชิงเหนียง แล้วเจ้าซ่อนตัวอยู่ที่ไหนตอนที่ชุ่ยหงไปลักพาตัวข้า?”
ตอนที่เขาลองถามชุ่ยหง หญิงอ้วนยืนยันว่าไม่รู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่ไหน เขาจึงอยากรู้มากว่าหญิงสาวซ่อนตัวอยู่ที่ไหนตั้งแต่แรก?
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คิดว่าผูเว่ยชางจะถามคำถามนี้ขึ้นมา จึงไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร? นางจึงตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็หันมาสบตาเขา “ตอนที่ข้ารู้สึกวิงเวียนหัว รถม้าก็หยุด เมื่อข้าปีนออกจากรถม้าและมองออกไปก็ไม่เจอเจ้าแล้ว ในเวลานั้นข้าคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้า ข้าก็เลยคลานเข้าไปในพุ่มหญ้าเพื่อซ่อนตัว…”
”เจ้ายังรู้สึกวิงเวียนอยู่ไหม?” ผูเว่ยชางถาม ตอนนั้นเขาไม่รู้สึกวิงเวียน แต่เขาหมดสติทันทีในชั่วพริบตา