ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 219+220 เค้นถามอย่างโหดร้ายความช่วยเหลือจากเล่ยถิง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 219+220 เค้นถามอย่างโหดร้ายความช่วยเหลือจากเล่ยถิง
บทที่ 219 เค้นถามอย่างโหดร้าย
เจ้าของโรงเตี๊ยมเดินเข้าไปในห้องอย่างภาคภูมิใจ พลางบิดบั้นท้ายอันใหญ่ยักษ์ที่เต็มไปด้วยไขมันของนางไปที่ข้างเตียง สายตาของนางเหล่มองผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางจ้องมองเจ้าของโรงเตี๊ยมด้วยความรู้สึกขยะแขยง
เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่สนใจว่าผูเว่ยชางจะมองนางอย่างไรในเวลานี้ เพราะบุคคลนี้ได้เข้ามาอยู่ในกำมือของนางแล้ว นางจะใช้เวลากับเขาให้คุ้มที่สุด ดังนั้นนางยังมีเวลาเหลือเฟือ!
”เมื่อข้าเห็นเจ้าครั้งแรก ข้าก็ตกหลุมรักเจ้าจริง ๆ” เจ้าของโรงเตี๊ยมลูบแผลบนหน้าผากของผูเว่ยชางอย่างหลงใหลและชวนให้รู้สึกขนลุก
ผูเว่ยชางหันหนีด้วยความขยะแขยง และค่อย ๆ รวบรวมกำลังภายในเข้าสู่ฝ่ามือของเขา เจ้าของโรงเตี๊ยมเอาความขยะแขยงของผูเว่ยชางมาเป็นความเขินอาย “อย่าอายเลย เราจะต้องฉลองงานแต่งงานของเราในภายหลัง แต่ก็น่าเสียดาย ชุดแต่งงานที่ข้าซื้อให้เจ้านั้นเล็กเกินไปที่เจ้าจะสวมใส่”
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของผูเว่ยชางฟื้นตัวขึ้นมาเต็มที่แล้ว และเขาสามารถแกะมือตัวเองจนหลุดออกจากกุญแจมือได้อย่างง่ายดาย แต่เขายังไม่ได้ทำเช่นนั้น เขากลับกลืนอาการคลื่นไส้ไว้ในลำคอ และถามเจ้าของโรงเตี๊ยมอย่างใจเย็นว่า “อวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่ไหน?”
ผูเว่ยชางถามอย่างเย็นชา
เมื่อเจ้าของโรงเตี๊ยมได้ยินผูเว่ยชางพูดชื่อ ‘อวิ๋นซิ่วชิง’ นางก็ถึงกับตกตะลึงและถามขึ้นว่า “อวิ๋นซิ่วชิงคือใคร?”
ผูเว่ยชางไม่ตอบ เขาแค่มองไปที่เจ้าของโรงเตี๊ยมร่างอ้วน และครุ่นคิดถึงวิธีที่จะจัดการกับผู้หญิงคนนี้
เจ้าของโรงเตี๊ยมพึมพำชื่อของอวิ๋นซิ่วชิงอยู่หลายครั้ง และบัดนี้นางจำได้ว่าผู้หญิงที่ชื่ออวิ๋นซิ่วชิงคือใคร
ผู้หญิงที่อยู่กับผูเว่ยชางนั่นเอง!
เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่พอใจเพราะอวิ๋นซิ่วชิงงดงามกว่าตัวเองหลายเท่า และยังทำให้ผูเว่ยชางชื่นชม
อย่าบอกนะว่าอวิ๋นซิ่วชิงหายตัวไปแล้ว แต่นางจะไม่บอกผูเว่ยชางว่าอวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่นี่หรือไม่?
”ข้าไม่รู้” ใบหน้าเจ้าของโรงเตี๊ยมบูดเบี้ยวด้วยความโกรธ
ผูเว่ยชางเห็นท่าทางของเจ้าของโรงเตี๊ยมแล้วก็รู้สึกว่านางต้องรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่ไหน เพียงแต่นางไม่ได้บอกเขา
แววตาของผูเว่ยชางเย็นชาขึ้นมาทันที
”มาเถอะ เราจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ อย่าพูดถึงคนอื่นเลย ให้ข้าช่วยเจ้านั่งดื่มเถอะ” ยามที่นางหัวเราะก็เหมือนกับเสียงนกกระพือปีก
ผูเว่ยชางมองเจ้าของโรงเตี๊ยมอย่างไม่แยแส เมื่อนางเอื้อมมือออกไปหาผูเว่ยชาง เชือกที่มัดอยู่บนร่างของผูเว่ยชางก็คลายออกทันที
เจ้าของโรงเตี๊ยมยังคงตั้งใจจะช่วยพยุง ทว่าผูเว่ยชางกลับลุกขึ้นแล้วบีบคอของนางทันที
บัดนี้นางแทบจะหายใจไม่ออก และดวงตาของนางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว
นางจับแขนของผูเว่ยชางไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่างกายของนางดิ้นอย่างทุรนทุราย
ผูเว่ยชางสบตาหญิงอ้วนและถามอย่างเย็นชาว่า “อวิ๋นซิ่วชิงอยู่ไหน? ถ้าเจ้าไม่บอกข้าว่านางอยู่ที่ไหน ข้าจะบีบคอเจ้า…!”
เจ้าของโรงเตี๊ยมถูกผูเว่ยชางบีบจนแน่นเกินไป อย่าหวังว่านางจะพูดออกมาได้ เพราะขนาดหายใจยังทำไม่ได้เลย!
ผูเว่ยชางพ่นลมอย่างเย็นชาก่อนจะปล่อยมือของเขาออก และโยนร่างเจ้าของโรงเตี๊ยมออกไปไกล
เจ้าของโรงเตี๊ยมถูกโยนเข้าไปในมุมห้อง นางไอออกมาอย่างต่อเนื่องจนเกือบจะเอาหัวใจ ตับ และอวัยวะภายทั้งห้าส่วนของนางออกมา
”ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง อวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่ไหน?!” ผูเว่ยชางจ้องมองด้วยดวงตาแดงก่ำ
เจ้าของโรงเตี๊ยมตบหน้าอกของนางด้วยมือข้างหนึ่ง ครั้นได้ยินคำถามของผูเว่ยชาง นางจึงพูดเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่รู้…”
ผูเว่ยชางไม่คิดว่าหญิงอ้วนคนนี้จะพูดยากเย็นเช่นนี้ เขาค่อย ๆ เดินไปหาเจ้าของโรงเตี๊ยม “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือ?”
เจ้าของโรงเตี๊ยมตกใจกับน้ำเสียงของผูเว่ยชาง และพยายามถอยตัวกลับ “ข้าไม่รู้จริง ๆ”
กำปั้นของผูเว่ยชางกำแน่น เขากำลังเข้าใกล้เจ้าของโรงเตี๊ยมทีละก้าว
ขณะนี้อวิ๋นซิ่วชิงกำลังรอผลลัพธ์อย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และนางเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ในป่า อวิ๋นซิ่วชิงกลัวว่ามันจะมืดเกินไป นางจึงรีบหยิบฟืนขึ้นมาและจุดคบเพลิง
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งลงข้างกองไฟและคิดถึงเหตุการณ์ในวันนี้ นางสงสัยว่า เหตุใดเจ้าของโรงเตี๊ยมจึงลักพาตัวผูเว่ยชางไปและยังไม่ต้องการสัมภาระของพวกเขาอีก
อย่างไรก็ตาม สัมภาระของพวกเขาก็ไม่มีเงินมากนัก แต่นี่ไม่ใช่รูปแบบปกติของการลักพาตัว เพราะมันควรจะเป็นการปล้นเงินของพวกเขาเสียมากกว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเงินมากมายก็ตาม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
…
บทที่ 220 ความช่วยเหลือจากเล่ยถิง
อวิ๋นซิ่วชิงได้ตรวจสอบสัมภาระของนางและผูเว่ยชางแล้วก็พบว่าไม่ได้มีอะไรหายไป
ตอนนี้จิตใจของอวิ๋นซิ่วชิงเริ่มสงบลงแล้ว ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จำได้ว่าตอนที่นางกำลังจะหมดสติ นางเห็นเจ้าของโรงเตี๊ยมร่างอ้วนและคนขี่ม้าเร็วที่พุ่งตรงไปหาผูเว่ยชาง
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คาดคิดว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมจะลักพาตัวผูเว่ยชาง เพราะพวกเขาต้องแอบวางแผนมาก่อน แต่การได้พบกับเจ้าของโรงเตี๊ยมเช่นนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
อวิ๋นซิ่วชิงพยายามคิดอยู่นานแต่นางก็คิดไม่ออก นางเริ่มเวียนหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทันใดนั้น เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลัง “อวิ๋นซิ่วชิง?”
อวิ๋นซิ่วชิงรีบลุกขึ้นยืนและมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าเป็นเล่ยถิง เมื่อเห็นเล่ยถิง นางก็รีบพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่แล้ว!”
เล่ยถิงเป็นผู้นำของฐานที่มั่นเฮยเฟิง เขาร่ำสุรากับพี่น้องของเขาในเย็นวันนี้เพื่อเฉลิมฉลองที่พวกเขาปล้นสมบัติมาได้จำนวนมาก เขามีช่วงเวลาที่ดี ทว่าเขาก็ได้ยินรายงานจากคนด้านล่างว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่เชิงเขาและต้องการพบเขา ทั้งยังมีป้ายของเขาอยู่ด้วย
ป้ายของเล่ยถิงถูกแกะสลักด้วยตัวเองทั้งหมด มันมีเพียงสองชิ้น เขามีชิ้นหนึ่งที่ตัวเอง และมอบให้อวิ๋นซิ่วชิงหนึ่งชิ้น
เมื่อลูกน้องของเขาพูดเช่นนั้น เล่ยถิงก็เดาได้ทันทีว่าต้องเป็นอวิ๋นซิ่วชิง จากนั้นลูกน้องของเขาก็รายงานชื่อของหญิงสาว เล่ยถิงจึงพาผู้คนลงจากภูเขาทันทีเพื่อตามหานาง
ระหว่างทาง เล่ยถิงยังคงถามลูกน้องของเขาว่าพวกเขาเคยเห็นชายคนนั้นอยู่รอบ ๆ อวิ๋นซิ่วชิงหรือไม่ แต่ลูกน้องของเขาบอกว่าอวิ๋นซิ่วชิงมาคนเดียว เล่ยถิงจึงรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นนางจะไม่มีวันออกมาพบเขา
”เล่ยถิง สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คือความช่วยเหลือจากเจ้า ผูเว่ยชางถูกลักพาตัวไป” อวิ๋นซิ่วชิงคว้าแขนเสื้อของเล่ยถิงและพูดอย่างกระวนกระวายใจ
”ไม่ต้องห่วง เล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟัง ข้าจะพลิกแผ่นดินทุกที่และหาผูเว่ยชางให้เจ้าในวันนี้”
อวิ๋นซิ่วชิงช่วยชีวิตเล่ยถิงไว้ได้ แต่ตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงประสบปัญหาแล้ว เล่ยถิงจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไป
แม้ว่าเขาจะเป็นโจร แต่เขาก็มีมโนธรรมและสัจจะเช่นกัน!
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกกังวลใจ แต่นางรู้ว่าความกังวลจะไม่เป็นประโยชน์ หากนางยังเป็นเช่นนี้ นางจะเสียเวลาเป็นอย่างมาก จึงรีบบังคับตัวเองให้สงบลง
อวิ๋นซิ่วชิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง และทำจิตใจให้สงบลง “เล่ยถิง หลังจากที่ข้าออกมาจากเมืองฉางชิงกับผูเว่ยชาง วันนี้ข้าถูกคนอื่นวางยา และน่าจะต้องการลักพาตัว”
เมื่อเล่ยถิงได้ยินคำว่า ‘เมืองฉางชิง’ นัยน์ตาสีเข้มของเขาก็มืดมน
”ข้าไม่แน่ใจว่าใครวางแผนลักพาตัวพวกเรา แต่เมื่อข้ากำลังหมดสติ ข้าเห็นเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ข้าเคยอาศัยอยู่ ข้าไม่รู้จักชื่อของนาง แต่ข้าสามารถจำนางได้อย่างแม่นยำ ข้าคิดว่านางอาจลักพาตัวผูเว่ยชางไป”
เบาะแสที่อวิ๋นซิ่วชิงรู้ในตอนนี้ดูไม่เอื้ออำนวยมากนัก ผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวคือเจ้าของโรงเตี๊ยมซึ่งนางไม่รู้จักชื่อ
ทว่าเล่ยถิงกลับยกมือขึ้นเพื่อหยุดคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง และพูดว่า “ข้ารู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร”
”ใคร? เจ้ารู้ได้ยังไง?” อวิ๋นซิ่วชิงจ้องมองเล่ยถิงด้วยสีหน้าตกใจ
”นางเป็นผู้หญิงอ้วนใช่ไหม?” เล่ยถิงขมวดคิ้วถาม
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าทันที “ใช่ ข้าสงสัยนางมากที่สุด ตอนที่ข้ากำลังหมดสติ ข้าเห็นด้วยตาว่านางกำลังขี่ม้าและหยุดข้าง ๆ ผูเว่ยชาง”
เล่ยถิงไม่พูดอะไร เขายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง
ผู้หญิงอ้วนคนนั้นเป็นคนรับใช้ของเขาเอง…
”เล่ยถิง ข้าขอร้องเจ้า ตอนนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยข้าได้” อวิ๋นซิ่วชิงไม่มีหนทางอื่นนอกจากขอร้องให้เล่ยถิงช่วยนาง
”ไม่ต้องห่วง ผูเว่ยชางสบายดี ข้าจะพาเจ้าไปหาเขา ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
เล่ยถิงไม่กล้าบอกอวิ๋นซิ่วชิงว่าลูกน้องของเขาลักพาตัวผูเว่ยชางไป เขากลัวว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะไม่เชื่อใจเขาอีก ตอนนี้คงต้องไปหาผูเว่ยชางก่อน เรื่องอื่นค่อยพูดกันในภายหลัง
”ตกลง พาข้าไปเร็ว” ผูเว่ยชางหายไปเกือบหนึ่งวันแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงคิดเพียงว่าจะตามหาผูเว่ยชางเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่พบความผิดปกติในคำพูดของเล่ยถิง