ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 207+208 พบเถ้าแก่หวังกินปลาย่าง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 207+208 พบเถ้าแก่หวังกินปลาย่าง
บทที่ 207 พบเถ้าแก่หวัง
แม่น้ำแห่งนี้เย็นเล็กน้อย แต่อวิ๋นซิ่วชิงก็ไม่รู้สึกหนาวแต่อย่างใด
หลังจากที่นางล้างหน้าเสร็จก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น นางถอนหายใจก่อนจะหันไปหาผูเว่ยชางซึ่งกำลังล้างมืออยู่ข้าง ๆ “ผูเว่ยชาง นำม้ามาและปล่อยให้มันดื่มน้ำสักหน่อยดีไหม?”
หลังจากผูเว่ยชางตอบรับ เขาก็นำม้าไปที่แม่น้ำ จากนั้นก็หยิบขนมแป้งทอดออกจากถุงแล้วมอบให้อวิ๋นซิ่วชิง
หญิงสาวนั่งริมแม่น้ำและหยิบแป้งทอดมากัด ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็เห็นปลาสีดำในแม่น้ำ
นางลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น หลังจากแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด หญิงสาวก็หันหลังกลับมาและพูดอย่างตื่นเต้นว่า ”ผูเว่ยชาง เจ้าดูสิ! มีปลาอยู่ในแม่น้ำ!”
ผูเว่ยชางลุกขึ้นยืนและมองดู เขาพบว่ามีปลาอยู่ในแม่น้ำจริง ๆ
เขารีบดึงมีดออกจากรองเท้าและเขวี้ยงมันออกไปในทันที มีดปักลงที่หัวของปลาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
”ผูเว่ยชาง เจ้ายอดเยี่ยมมาก!” อวิ๋นซิ่วชิงตะโกนอย่างตื่นเต้น
คำชมของอวิ๋นซิ่วชิงทำให้ผูเว่ยชางมีความสุขอย่างยิ่ง เขาหัวเราะพลางม้วนแขนเสื้อและกางเกงขึ้น ก่อนจะลงไปในแม่น้ำและหยิบปลาด้วยมีด แล้วเดินกลับไปที่ริมฝั่ง…
อวิ๋นซิ่วชิงตรวจสอบด้วยสายตาก็พบว่าปลาสีดำมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะให้ทั้งคู่กินมัน
ผูเว่ยชางนั่งลงริมแม่น้ำและผูกปลาอย่างไว้เรียบร้อย ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงยืนอยู่บนฝั่งและมองไปที่แม่น้ำอย่างตั้งใจ นางคิดว่าถ้ายังมีปลาอยู่ในน้ำอีกล่ะ
ผูเว่ยชางขูดเกล็ดปลาและเงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นซิ่วชิง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจ้องมองไปที่แม่น้ำโดยไม่กะพริบตา เขาก็หัวเราะและพูดว่า
“ชิงเหนียง เจ้าไม่ต้องมองหาพวกมันให้ปวดตาหรอก ฤดูกาลนี้ไม่ควรมีปลาในแม่น้ำ ปลาที่เราจับคงเป็นปลาที่ไม่กลับไปที่รัง เราจึงจับมันได้”
อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่าชายหนุ่มพูดถูก แต่นางก็ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เมื่อหญิงสาวคิดว่าจะมีปลาอร่อย ๆ ให้กินทีหลัง นางก็สบตาเขาอย่างมีความสุข
”ผูเว่ยชาง โชคของเราคงไม่ดีไปกว่านี้แล้ว ทันทีที่เรามาถึงที่นี่ เราก็ได้พบกับปลาตัวหนึ่งเลย”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างตื่นเต้น
ผูเว่ยชางนั่งฟังสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงพูด เขารู้สึกว่ามันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด…
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงล้อของรถม้า
อวิ๋นซิ่วชิงหันไปเห็นรถม้าที่ตกแต่งอย่างงดงามกำลังตรงมาทางพวกเขา
อวิ๋นซิ่วชิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามีรถม้าหลายคัน
พวกขุนนางขี้โกงในท้องถิ่น!
อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่ารถม้าที่สวยงามนั้นคงจะผ่านไป แต่นางไม่เคยคาดคิดว่ารถม้าจะหยุดอยู่ข้าง ๆ นี้
”นั่นคือคนรวย!” อวิ๋นซิ่วชิงนั่งยอง ๆ ข้างผูเว่ยชาง และถอนหายใจด้วยเสียงต่ำ
”คนรวยจะทำอะไรได้บ้าง? พวกเขาไม่ได้หยุดที่นี่เพื่อพบปะกับคนยากจนอย่างพวกเรา?” ผูเว่ยชางไม่เห็นด้วย เขายังจดจ่ออยู่กับการจัดการปลาในมือของเขาเท่านั้น
เวลานี้มีชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างอ้วนลงพุงอยู่ในเสื้อผ้าที่งดงาม เขาลงจากรถม้า และตามมาด้วยหญิงงามที่แต่งตัวเย้ายวนเป็นอย่างมาก
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่าผู้หญิงข้างกายอีกฝ่ายนั้นแต่งตัวเย้ายวนเกินความจำเป็น ในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้แต่ยังสวมผ้าบาง หญิงสาวอยากรู้นักว่าผู้หญิงคนนั้นมีความกล้าขนาดนี้ได้อย่างไร?
อวิ๋นซิ่วชิงไม่มีอะไรทำ นางจึงซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ ผูเว่ยชาง และเงี่ยหูเพื่อฟังสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะรับรู้ได้ว่าชายวัยกลางคนที่อ้วนลงพุงคนนั้นมีแซ่ว่า หวัง และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นอนุภรรยาคนที่เก้าของเขา
อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจ เถ้าแก่หวังร่ำรวยแค่ไหน และเขาแต่งงานกับหญิงสาวไปแล้วกี่คน?
ผูเว่ยชางทำความสะอาดปลาและพบแท่งไม้บาง ๆ เขาลับปลายไม้ด้านหนึ่งติดปลาแล้วมอบให้อวิ๋นซิ่วชิง จากนั้นชายหนุ่มก็จุดไฟข้างแคร่ของพวกเขาและเริ่มย่างปลา
…
บทที่ 208 กินปลาย่าง
”ชิงเหนียง เจ้าไปดูในสัมภาระของข้าหน่อย ข้านำกระป๋องเกลือมาด้วย” ผูเว่ยชางหันไปบอกอวิ๋นซิ่วชิงที่ยังเฝ้าดูเขาอยู่
อวิ๋นซิ่วชิงตอบรับและขึ้นรถม้าไปดูสัมภาระของเขาตามที่บอก นางใช้เวลานานในการค้นหาของที่เขาต้องการ ในที่สุดนางก็พบเกลือในขวดกระเบื้องสีดำ
อวิ๋นซิ่วชิงยื่นขวดกระเบื้องให้ผูเว่ยชาง และเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ผูเว่ยชาง ทำไมเจ้าต้องพกเกลือเวลาออกไปข้างนอก?”
ผูเว่ยชางหั่นปลาและโรยเกลือลงไป เขาอธิบายว่า “เมื่อข้าไปล่าสัตว์ในภูเขาเพื่อที่จะเก็บหมูป่าตัวใหญ่หรือกวางตัวใหญ่ ข้าจะอยู่ในภูเขาตลอดทั้งคืน อีกทั้งที่นั่นก็มีไก่ฟ้าและกระต่ายจำนวนมาก ข้ามักจะนำเกลือติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ข้าขึ้นไปบนภูเขา แล้วข้าก็ทำแบบนี้เรื่อยมาจนกลายเป็นนิสัยของข้าไปแล้ว…”
”เจ้าฉลาดมาก!” อวิ๋นซิ่วชิงได้กลิ่นของปลาย่าง นางนึกชื่นชมผูเว่ยชางเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าของผูเว่ยชางเป็นสีแดงก่ำเพราะเขินอายกับคำชมของนาง
ผูเว่ยชางย่างเพียงไม่นานอวิ๋นซิ่วชิงก็ได้กลิ่นหอม…ปลาสุกแล้ว!
ในเวลานี้ เถ้าแก่หวังที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขาก็ส่งคนรับใช้เข้ามา
ทาสของเขาวิ่งเหยาะ ๆ มาหาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชาง และพูดด้วยเสียงเบาว่า “เจ้านายของเราฝากมาถามว่า พวกเจ้าทั้งสองจะขายปลาของเจ้าให้กับเจ้านายของเราได้ไหม? เจ้านายของเราให้เงินหนึ่งถึงสองตำลึง”
”ข้าไม่ขายมัน ข้าอยากกินมัน ถ้าเขาอยากกินก็ต้องไปหาเอาเอง” อวิ๋นซิ่วชิงพูดเสียงดัง เถ้าแก่หวังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาสามารถได้ยินได้แน่นอน…
เมื่อเถ้าแก่หวังได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็โกรธจนเคราคดเคี้ยว อนุภรรยาข้างๆ เขาก็ได้แต่ปลอบโยนเถ้าแก่หวังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าขึ้นมองท่าทางของผู้หญิงคนนั้น และพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา พร้อมกับนั่งรอปลาย่างของนางที่ยังคงส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอ
ผูเว่ยชางเงยหน้าขึ้นมองไปที่แมวโลภอย่างอวิ๋นซิ่วชิง เขาชอบดูท่าทางแบบนี้ของหญิงสาว
”ปลาตัวนี้ราคาสูงเท่าท้องฟ้า เราให้ราคาหนึ่งถึงสองตำลึง เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการขายมัน?” คนรับใช้ของเถ้าแก่หวังยังคงถามย้ำ
”ข้าไม่ขาย ข้าไม่ใช่คนประเภทที่เห็นแก่เงินขนาดนั้น” อวิ๋นซิ่วชิงจ้องมองปลาย่างในมือของผูเว่ยชางและพูดว่า” นอกจากนี้ ข้าไม่ได้ขาดแคลนเงินหนึ่งหรือสองตำลึง”
ผูเว่ยชางหัวเราะและมอบปลาให้อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งรอมานานแล้ว
อวิ๋นซิ่วชิงเป่าไล่ควันร้อนแล้วกัดเข้าไปคำใหญ่ “อร่อยมาก!! ผูเว่ยชาง เจ้าปรุงอาหารเก่งจริง ๆ!”
”กินช้า ๆ และระวังก้างปลาล่ะ” ผูเว่ยชางเตือนหญิงสาวที่กำลังกินปลาย่างอย่างเอร็ดอร่อย
”อร่อยมาก” อวิ๋นซิ่วชิงเกือบกลืนลิ้นของนางเองแล้ว
อวิ๋นซิ่วชิงตะโกนเสียงดังเกินไป เถ้าแก่หวังที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กันก็พ่นลมอย่างออกมาอย่างเย็นชา และคนรับใช้ทุกคนก็รีบกุลีกุจอมารับใช้เขา
ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงกำลังมีช่วงเวลาที่ดี เถ้าแก่หวังก็หายไปเสียแล้ว
แม้ว่าปลาจะอร่อย แต่กระเพาะของอวิ๋นซิ่วชิงก็มีขีดจำกัดเช่นกัน นางกินเพียงครึ่งเดียวและแบ่งส่วนที่เหลือไว้ให้ผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงชอบกิน เขาจึงไม่ต้องการกินมันเพื่อให้นางอิ่มท้อง “ข้าอิ่มแล้ว ตอนที่ข้ากินเนื้อแห้งไป ข้าไม่สามารถกินปลาได้อีกแล้ว ชิงเหนียง เจ้าควรจะกินมันดีกว่า…”
”แต่ข้าอิ่มแล้ว…” อวิ๋นซิ่วชิงพูดและตบท้องของนางเบา ๆ
”เช่นนั้นก็เก็บไว้กินมื้ออื่น” ผูเว่ยชางเอาปลาออกจากแท่งไม้และเดินเข้าไปในแคร่เพื่อหากระดาษน้ำมันมาห่อ
”นั่นเป็นของเจ้า ข้าจะไม่กินมัน” อวิ๋นซิ่วชิงเริ่มรู้สึกอับอาย นางหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่นางเพิ่งกินจนไม่ได้สนใจผูเว่ยชางแม้แต่น้อย
ผูเว่ยชางมองใบหน้าของอวิ๋นซิ่วชิงที่ขึ้นสีแดงก่ำ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตกลง ขึ้นรถม้าเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงยังคงหน้าแดงก่ำ และนางก็รีบเข้าไปในรถม้า
ผูเว่ยชางขับรถม้าอย่างรีบเร่ง ทว่าเพียงไม่ถึงชั่วยามต่อมา พวกเขาก็ได้พบกับรถม้าของเถ้าแก่หวังอีกครั้ง
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งอยู่หน้ารถม้าพลางขมวดคิ้วแล้วหันไปหาผูเว่ยชาง “มันน่ารำคาญ เราน่าจะแซงพวกเขา”
ผูเว่ยชางเองก็ต้องการที่จะแซง แต่ถนนบนภูเขากว้างเพียงรถม้าหนึ่งคันผ่านไปได้เท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะแซงได้ จึงต้องวิ่งรถม้าตามเถ้าแก่หวังไปเท่านั้น
อวิ๋นซิ่วชิงมองเห็นถนนบนภูเขา และขมวดคิ้วขึ้น “ช่างโชคร้ายจริง ๆ เลย ผูเว่ยชางไปช้า ๆ และอยู่ห่างจากพวกเขาเถอะ”