ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 177+178 ดูอาการเจ้าตัวเล็กการรักษาอาการตัวเหลือง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 177+178 ดูอาการเจ้าตัวเล็กการรักษาอาการตัวเหลือง
บทที่ 177 ดูอาการเจ้าตัวเล็ก
อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เทียนเอ๋อจวง ผิวของเทียนเอ๋อจวงเป็นสีเหลืองซีด
แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะไม่ได้เห็นลูกชายของเทียนเอ๋อจวง แต่นางก็รู้ว่าลูกชายของเขามีอาการตัวเหลือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทารกจะผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อแรกเกิด แต่ก็ควรจะฟื้นตัวหลังจากเจ็ดวัน ตอนนี้ลูกชายของเทียนเอ๋อจวงคลอดออกมาสิบวันแล้วแต่ยังคงตัวเหลือง ซึ่งนับว่าผิดปกติ…
อวิ๋นซิ่วชิงจ้องมองผิวของเทียนเอ๋อจวง นางกำลังลังเล เพราะหากลูกชายของเทียนเอ๋อจวงเป็นโรคตัวเหลืองจริง ๆ ยิ่งมีอาการตัวเหลืองมากขึ้นเท่าใด การดื่มยาแผนโบราณนั้นย่อมไม่มีประโยชน์ วิธีรักษาเห็นจะมีแต่การฉายแสงสีฟ้า*[1] เท่านั้น แต่เครื่องฉายแสงมีอยู่ในพื้นที่มิติส่วนตัวของนางเท่านั้น และนางไม่สามารถปล่อยให้ใครรู้เรื่องนี้ได้…
”แม่นางอวิ๋น ข้าได้ยินจากหยาหลางว่าเจ้าเป็นหมอเทวดา แม่นางอวิ๋น หลานชายของข้าจะรอดหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เทียนต้าจวงก็รู้สึกไม่สบายใจและถามขึ้นอย่างกังวล
เทียนเอ๋อจวงไม่รู้ว่างานอดิเรกของอวิ๋นซิ่วชิงคือหมอเทวดา ครั้นได้ยินสิ่งที่พี่ชายตัวเองพูด เขาก็มองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงและพูดว่า” แม่นางอวิ๋น ถ้าเจ้ารักษาลูกชายของข้าได้ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม จะเป็นวัวหรือจะเป็นม้า ข้าก็ยอม!”
อวิ๋นซิ่วชิงมองดูความกระตือรือร้นของเทียนเอ๋อจวง แต่ในที่สุดหัวใจของนางก็อ่อนลง แม้ว่าพื้นที่มิติส่วนตัวของนางจะถูกเปิดเผย แต่นางก็จะต้องช่วยลูกชายของเทียนเอ๋อจวงให้ได้ เพราะเด็กช่างไร้เดียงสา และนางย่อมไม่สามารถปล่อยให้เด็กบริสุทธิ์ต้องตาย
”เอ๋อจวง ข้ายังไม่ได้เห็นลูกชายของเจ้าเลย ข้าไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเขาเป็นโรคอะไร บ้านของเจ้าอยู่ไกลหรือไม่?”
อวิ๋นซิ่วชิงเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเทียนเอ๋อจวง แต่นางต้องการดูให้แน่ใจอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่านางวินิจฉัยได้ถูกต้อง
”บ้านของข้าอยู่ในเมืองไม่ไกลจากที่นี่” เทียนเอ๋อจวงพูดอย่างรีบร้อน
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและเคาะโต๊ะด้วยนิ้วชี้ “ตกลง เอ๋อจวง เจ้าเป็นผู้นำทาง ไปดูกันดีกว่า”
ผูเว่ยชางซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังรอให้อวิ๋นซิ่วชิงพูด
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงตอบเทียนเอ๋อจวงไปเช่นนั้น เขาก็พูดขึ้นว่า “พวกเจ้ารอที่นี่ ข้าจะไปเอารถม้า เราจะสามารถไปได้เร็วขึ้น”
ผูเว่ยชางรีบก้าวออกจากร้านอาหาร และนำรถม้าที่จอดอยู่ในสนามหลังร้านไปที่ประตูร้านอาหาร
เมื่อเห็นผูเว่ยชางออกมา อวิ๋นซิ่วชิงก็รีบพาเทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงออกจากร้าน ผูเว่ยชางขอให้เทียนเอ๋อจวงขับรถม้าเพื่อนำทาง ส่วนเขาและอวิ๋นซิ่วชิงนั่งอยู่ในรถม้า
ผูเว่ยชางนั่งตรงข้ามกับอวิ๋นซิ่วชิง เมื่อเห็นหญิงสาวยกม่านขึ้นและมองออกไปเป็นครั้งคราว ก็คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เขาสามารถมองอวิ๋นซิ่วชิงได้ตลอดเวลา
อวิ๋นซิ่วชิงกำลังกังวล นางกลัวที่จะต้องเปิดเผยพื้นที่มิติส่วนตัวของนาง อีกทั้งยังมีเรื่องการชะลอความเจ็บป่วยของลูกชายของเทียนเอ๋อจวง
ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงกำลังคิดถึงวิธีที่ดีที่สุด รถม้าก็หยุดลง
เทียนเอ๋อจวงยกม่านขึ้นและพูดว่า “แม่นางอวิ๋น คุณชายผู เราอยู่ที่นี่”
อวิ๋นซิ่วชิงขานรับและกระโดดลงจากรถม้า
เทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงมีความซื่อสัตย์และมีความสามารถ หากพวกเขาซื้อบ้านในเมือง ครอบครัวของพวกเขาคงถูกแยกออกจากกันด้วยกำแพงเท่านั้น
ทันทีที่เทียนเอ๋อจวงพาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางเข้าไปในบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงภรรยาของเขากำลังร้องไห้
เทียนเอ๋อจวงรีบเข้าไปในบ้านและพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น? เรื่องอะไร”
”ลูกชายของเราไม่หายใจ!!” แม่นางเทียนเข้าไปกอดเทียนเอ๋อจวงและร้องไห้สะอึกสะอื้น
อวิ๋นซิ่วชิงรีบเข้าไปในห้อง
ทันทีที่เข้าไป นางก็ได้กลิ่นเหม็นจนต้องขมวดคิ้ว และมองไปยังทารกที่ถูกห่ออยู่บนเตียง
อวิ๋นซิ่วชิงรีบเข้าไปตรวจสอบ “ไม่เป็นไร ๆ เขาแค่หายใจช้าลง อย่าร้องไห้ ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง แม่นางเทียนก็หยุดร้องไห้และรีบไปดูลูกชายของนาง
อวิ๋นซิ่วชิงพูดกับแม่นางเทียนที่กำลังร้องไห้อยู่ในขณะนี้ ตอนนี้นางเห็นว่าเด็กยังสบายดีอยู่ นางจึงสงบลง
”อย่าร้องไห้ ให้ข้าดูเขาหน่อย” อวิ๋นซิ่วชิงเอื้อมมือออกไปลูบหลังแม่นางเทียน
แม่นางเทียนมองอวิ๋นซิ่วชิงด้วยดวงตาบวมแดง แล้วมองไปที่สามีของนาง เมื่อเห็นสามีพยักหน้า นางก็ส่งทารกให้กับอวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงอุ้มอย่างระมัดระวัง นางมองดูทารกที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้า
ตัวเด็กไม่เหลืองเกินไป นางลองรีดเปลือกตาของเด็ก มุมตาของเขาไม่เป็นสีเหลือง แต่ผิวของเขากลับเป็นสีเหลือง อวิ๋นซิ่วชิงเปิดผ้าคลุมอีกครั้งและดูหน้าท้องของเด็ก ก็เห็นว่าเด็กมีอาการท้องอืดอยู่บ้าง…
[1] การฉายแสงด้วย Blue Light หรือแสงสีฟ้า เป็นวิธีรักษาเด็กแรกเกิดที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการรักษาภาวะบิลิรูบินในเลือดสูงของทารกแรกเกิด
…
บทที่ 178 การรักษาอาการตัวเหลือง
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางก็ส่งทารกน้อยให้แม่นางเทียน
เทียนเอ๋อจวงเห็นอวิ๋นซิ่วชิงไม่เอ่ยอะไรออกมา เขาก็ถามอย่างกังวลว่า “แม่นางอวิ๋น มีอะไรผิดปกติกับลูกชายของข้า?”
อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัวพูดอะไรไม่ออก นางมองไปที่ผ้าอ้อมของทารกที่เลอะปัสสาวะสีเหลืองไปทั่วผืน
อวิ๋นซิ่วชิงแน่ใจแล้วว่าลูกชายของเทียนเอ๋อจวงมีอาการภาวะตัวเหลือง*[1] แต่อาการตัวเหลืองระดับไหนนั้น นางต้องเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัวเพื่อตรวจสอบอาการก่อนที่นางจะสั่งยา
ภรรยาของเทียนเอ๋อจวงเห็นอวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัวและคิดว่าลูกชายของนางที่เกิดมานั้นมีอาการเจ็บป่วยอย่างหนัก และคงสิ้นหวังที่จะรักษา นางจึงเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
เทียนเอ๋อจวงกอดภรรยาของเขาและเช็ดน้ำตา
”เจ้าร้องไห้ทำไม?” ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าขึ้น นางเห็นเทียนเอ๋อจวงและภรรยาที่กำลังร้องไห้ นางจึงถามอย่างสงสัย
”แม่นางอวิ๋น เจ้าบอกว่าลูกชายของข้าตายแล้ว” เทียนเอ๋อจวงกล่าวด้วยดวงตาแดงช้ำ
”เมื่อไหร่ที่ข้าบอกแบบนั้น?” อวิ๋นซิ่วชิงถามอย่างสงสัย
เมื่อเทียนเอ๋อจวงได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง ก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด จึงเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว “แล้วทำไมแม่นางส่ายหัวเล่า?”
”สิ่งที่ข้าพูดตอนนั้นคือ อย่าเพิ่งรบกวนข้า”
”แล้วเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของข้า?” เทียนเอ๋อจวงถามอย่างกังวล
”ตามสภาพของลูกชายของเจ้า ตอนนี้ความเจ็บป่วยของเขาไม่ร้ายแรงเกินไป และมันก็ไม่ร้ายแรงอย่างที่เจ้าพูด เขาร้องไห้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพราะการขยายในช่องท้อง ไม่เป็นไร ข้าจะเตรียมยาให้เขาดื่ม” อวิ๋นซิ่วชิงพูดช้า ๆ
”ขอบคุณ แม่นางอวิ๋น” เทียนเอ๋อจวงกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ
”อย่าเพิ่งกล่าวขอบคุณ รอจนกว่าลูกชายของเจ้าจะสบายดี จงไปเอาพู่กันและกระดาษมาให้ข้าเถิด” อวิ๋นซิ่วชิงหน้าแดง
เทียนเอ๋อจวงเป็นคนหยาบกระด้าง เขาไม่มีพู่กันหรือกระดาษที่บ้าน ดังนั้นจึงวิ่งออกไปหายืมมันมา
ภรรยาของเทียนเอ๋อจวงยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังคลอด ผูเว่ยชางและเทียนต้าจวงจึงอายเกินกว่าจะเข้ามา พวกเขายืนอยู่นอกห้องเท่านั้น
เทียนต้าจวงกำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเศร้าโศก ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นเทียนเอ๋อจวงวิ่งออกไปและตะโกนว่า “เอ๋อจวง!”
เทียนเอ๋อจวงโบกมือให้เทียนต้าจวงแล้ววิ่งหนีไป ตอนนี้เทียนต้าจวงกังวลจนผูเว่ยชางซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ยังสัมผัสได้
ชายหนุ่มจึงปลอบโยนเขา “ไม่ต้องกังวล ต้าจวง นางจะหาทางรักษาหลานเจ้าได้แน่นอน”
เทียนต้าจวงยิ้ม จากนั้นก็นั่งยอง ๆ บนพื้นและถอนหายใจ
หลังจากนั้นไม่นาน เทียนเอ๋อจวงก็นำกระดาษและพู่กันกลับมา
เมื่อเทียนต้าจวงเห็นว่าน้องชายกลับมาแล้ว เขาก็หยุดและถามว่า “เอ๋อจวง แม่นางอวิ๋นว่าอย่างไรบ้าง?”
”เแม่นางอวิ๋นบอกว่าไม่เป็นไร นางบอกว่านางจะเขียนใบสั่งยาให้” เทียนเอ๋อจวงพูดแล้วนำพู่กันกับกระดาษเข้าไปในห้อง
อวิ๋นซิ่วชิงหยิบพู่กันและกระดาษมาด้วยรอยยิ้ม “เอ๋อจวง ข้าจะเขียนโดยไม่ใช้หมึกได้อย่างไร”
เทียนเอ๋อจวงคิดว่ามันเป็นแค่พู่กันและกระดาษ เขาจึงรีบพูดว่า “แม่นางอวิ๋น รอสักครู่ ข้าจะเอามันมาให้ทันที”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า และเทียนเอ๋อจวงก็รีบออกไปอีกครั้ง
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งลงข้างเตียงและมองทารกน้อยซึ่งยังคงส่งเสียงอ้อแอ้ นางสอนให้แม่นางเทียนถูท้องของทารก “ถ้าเจ้าถูมันแบบนี้ เขาจะสบาย”
แม่นางเทียนพยักหน้าด้วยดวงตาสีแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก จากนั้นก็ลูบไล้เด็กด้วยการเคลื่อนไหวแบบเดียวกันกับอวิ๋นซิ่วชิง
เด็กไม่ร้องไห้แล้ว และแม่นางเทียนที่เพิ่งจะหยุดร้องไห้ก็เช็ดน้ำตา
”อย่าร้องไห้” อวิ๋นซิ่วชิงปลอบอีกฝ่าย
แม่นางเทียนยิ้มและเช็ดน้ำตา นางกล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “แม่นางอวิ๋น ขอบคุณมาก เอ๋อจวงเคยเชิญหมอมาจำนวนมาก พวกเขาทั้งหมดบอกว่าลูกของเรากลัวและดื่มยามากเกินไป เงินในครอบครัวไหลออกไปเหมือนน้ำเพราะการรักษา และลูกชายของข้าก็อาการไม่ได้ดีขึ้น แต่ตอนนี้แม่นางอวิ๋นทำสิ่งนี้แล้วเด็กก็ไม่ร้องไห้ ข้าขอขอบคุณจริง ๆ”
[1] ภาวะตัวเหลือง (Jaundice) เกิดจากการที่ร่างกายมีสารสีเหลืองที่เรียกว่า บิลิรูบิน (Bilirubin) ในกระแสเลือดมากกว่าปกติ บิลิรูบินเกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงผ่านกระบวนการที่ตับและขับออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระและปัสสาวะ โดยทั่วไปทารกจะมีอาการตัวเหลืองในวันที่ 2 – 3 หลังคลอด ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะมองเห็นว่าเด็กตัวเหลือง และพิจารณาส่งตรวจค่าบิลิรูบินเพื่อดูระดับความเหลืองและให้การรักษาต่อไป