ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 175+176 ช่วย ๆ กันเด็กตัวเหลือง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 175+176 ช่วย ๆ กันเด็กตัวเหลือง
บทที่ 175 ช่วย ๆ กัน
”ผูเว่ยชาง เจ้าสับฟืนก่อน เดี๋ยวข้าจะออกไปซื้อชามชาเข้ามา” อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่านางควรไปซื้อชามเสียก่อน เพราะหลังจากนี้จะต้องได้ใช้งานมันแน่ ๆ
”ข้าจะไปกับเจ้า เจ้าอาจจะหลงทางเพราะเจ้ายังไม่รู้จักเส้นทางที่นี่ดี” ผูเว่ยชางเป็นห่วง
”ไม่เป็นไรหรอก มันอยู่ในถนนสายนี้อยู่แล้ว ข้าจะรีบกลับมาเร็ว ๆ นี้” อวิ๋นซิ่วชิงโบกมือให้ผูเว่ยชางและเดินออกจากครัว
ผูเว่ยชางมองตามหลังอวิ๋นซิ่วชิงพลางถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็ลงมือตัดฟืนในลานบ้านอย่างแข็งขัน
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงออกจากร้าน นางก็เดินไปรอบ ๆ ซอย จนกระทั่งพบร้านขายเครื่องลายคราม
อวิ๋นซิ่วชิงใช้ทองแดงห้าเหรียญเพื่อซื้อชามมาสิบใบ และนางยังซื้อถ้วยชา ชามน้ำแกง และกาน้ำชา นางใช้เงินทั้งหมดสิบทองแดง สิบทองแดงเป็นเพียงการซื้อสิ่งของหนึ่งตะกร้า
อวิ๋นซิ่วชิงซื้อเสร็จก็รีบกลับไปที่ร้าน
ระหว่างทางกลับ อวิ๋นซิ่วชิงเดินผ่านโรงน้ำชาและซื้อชากลับมาด้วยเวลานี้ผูเว่ยชางได้ก่อไฟด้วยฟืนเรียบร้อยแล้ว และได้ต้มน้ำในหม้อใบใหญ่
ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปในประตูพร้อมกับตะกร้าในมือ ผูเว่ยชางก็รีบทักทายและเข้าไปช่วยหยิบข้าวของจากมือนางมาถือไว้
”ผูเว่ยชาง เจ้าสับฟืนหรือยัง?” อวิ๋นซิ่วชิงถามขณะเดินตามผูเว่ยชางเข้าไปในครัว
”เสร็จแล้ว…” ผูเว่ยชางพูดพลางโยนชามเครื่องลายครามที่อวิ๋นซิ่วชิงซื้อมาลงในน้ำและล้างทีละอัน
อวิ๋นซิ่วชิงมองการเคลื่อนไหวที่ดูคล่องแคล่วของผูเว่ยชางและพูดว่า “เจ้าช่างเป็นคนดีจริง ๆ หากใครได้แต่งงานกับเจ้าในอนาคต นางคงได้ตายอย่างมีความสุขแล้ว!”
หลังจากได้ยินสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงพูด ผูเว่ยชางก็อยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่า ‘แล้วเจ้าต้องการความสุขนี้หรือไม่?’
ทว่าเขาก็ไม่สามารถถามออกมาได้ดั่งใจคิด จึงทำได้เพียงพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้เท่านั้น “เจ้าเองก็เป็นหญิงสาวที่ดีด้วย ข้าไม่รู้ว่าใครจะได้แต่งงานกับเจ้าในอนาคต?”
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะออกมาและพูดว่า “ใครจะกล้าแต่งงานกับข้า? อย่าพูดถึงรูปร่างหน้าตาของข้าเลย เพียงแค่พูดเรื่องชื่อเสียงของข้าที่ไม่ค่อยจะดีแล้ว จากนี้ข้าคงจะไม่ได้แต่งงาน แต่ไม่สำคัญว่าข้าจะแต่งงานหรือไม่? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้ามีความสุข มันดีสำหรับคนคนหนึ่งที่จะมีกินและทั้งครอบครัวจะได้ไม่อดอยาก”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่มีความตั้งใจที่จะแต่งงานเลย สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดก็คือเงิน
ถ้านางอยากแต่งงาน นางต้องมีเงินก่อน!
ผูเว่ยชางต้องการตอบว่าเขานี่แหละที่กล้าจะแต่งงานกับนาง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงพูดแล้ว เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก ชายหนุ่มรู้สึกว่าหากอวิ๋นซิ่วชิงต้องการแต่งงานก็คงเป็นเพราะความต้องการของนางเอง แต่เขาสามารถรอได้ ตราบใดที่อวิ๋นซิ่วชิงยังไม่มีคนที่ชอบ
ชายหนุ่มจะรอไปตลอด เขาเชื่อว่าเขารอได้!
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงน้ำเดือด บทสนทนาเรื่องการแต่งงานจึงถูกขัดจังหวะ
อวิ๋นซิ่วชิงรีบหยิบกาน้ำชาขึ้นมา ยกขึ้นทำหม้อชาด้วยน้ำร้อน แล้วนำไปให้เทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวง
หลังจากส่งชาให้พวกเขาสองพี่น้องแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็กลับไปที่ห้องครัวและจัดแผนวันนี้กับผูเว่ยชาง “ผูเว่ยชาง เช้านี้เราทำความสะอาดภายในและภายนอกร้าน ในช่วงบ่ายเราออกไปซื้อของบางอย่างที่เราจะต้องใช้ในร้าน อย่างเช่น ผ้าห่ม เจ้าคิดอย่างไร?”
”ดี!” ผูเว่ยชางไม่คัดค้านคำของอวิ๋นซิ่วชิง
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางได้พูดคุยกันแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันทำงาน
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางทำความสะอาดร้านเสร็จในตอนเที่ยง
นางมองร้านค้าอันกว้างขวางและดูสะอาดสะอ้านก็รู้สึกดีขึ้นมา
นางหันไปหาชายหนุ่มและพูดว่า “ผูเว่ยชาง นี่มันเที่ยงแล้ว ลองพาเทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงไปที่ร้านอาหารเพื่อกินมื้อเที่ยงกันเถอะ”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นซิ่วชิงที่ดูเหน็ดเหนื่อยจากการทำความสะอาด จากนั้นเขาก็พยักหน้า “ตกลง เราพักกันก่อน”
หลังจากนั้น ผูเว่ยชางก็ไปที่สวนหลังบ้านและเรียกเทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงซึ่งกำลังขุดห้องใต้ดินอยู่
เทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงทำงานเร็วมาก พวกเขาขุดลงไปเกือบจะหนึ่งจั้ง*[1] แล้ว
[1] สองเมตร
…
บทที่ 176 เด็กตัวเหลือง
บัดนี้อวิ๋นซิ่วชิงได้เห็นห้องใต้ดินแล้ว…
ผู้คนมักจะขุดหลุมใหญ่ก่อน แล้วจึงใช้ปูนขาวมาทำหลังคา แต่ในสมัยโบราณนั้นแตกต่างกัน เพราะผู้คนในยุคนี้จะขุดหลุมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตร ก่อนจะขุดลงไปจนถึงระดับความลึกไม่กี่เมตร จากนั้นก็เริ่มขุดให้กว้างขึ้นและยาวขึ้น นี่เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งทางกายภาพด้านความอดทนของผู้คน ซึ่งคนส่วนใหญ่ทำไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงได้พบกับเจ้านายที่เชิญพวกเขาไปทานอาหาร
เมื่อผูเว่ยชางบอกให้พวกเขาไปทานอาหารด้วยกัน ทั้งคู่ก็งุนงง
เทียนต้าจวงเริ่มรู้สึกตัวและพูดว่า “เจ้านาย เรื่องนี้มันไม่จำเป็น เรานำอาหารแห้งมาแล้ว…”
”เจ้าสองคนทำผลงานได้ดี เจ้าควรได้รับเชิญไปทานอาหารด้วยกัน ล้างมือให้สะอาดเร็วเข้า ไปกันเถอะ”
ผูเว่ยชางชอบคนหนุ่มสาวที่ทำงานหนัก ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นซิ่วชิงรออยู่ในร้านสักพักก็ไม่เห็นชายหนุ่มกลับมาสักที นางจึงรีบไปที่สวนหลังบ้าน ทันทีที่นางเข้าไปในสวนหลังบ้าน นางก็ได้ยินเทียนต้าจวงกำลังปฏิเสธ
อวิ๋นซิ่วชิงเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ ผูเว่ยชาง เมื่อเห็นว่าเทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงยังไม่ได้ล้างมือ นางก็พูดว่า “ถ้าเจ้าไม่อยากกินในร้านอาหาร ข้าก็จะซื้อมันมาและกินกับพวกเจ้า”
อวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะหันหลังกลับและเดินจากไป เทียนต้าจวงจึงหยุดอวิ๋นซิ่วชิงไว้ “แม่นางอวิ๋น มันจะดีกว่าหากพวกเราไปกินที่ร้าน”
อวิ๋นซิ่วชิงมองไปที่รูปลักษณ์อันเรียบง่ายและซื่อสัตย์ของสองพี่น้อง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทั้งสองตกลงตั้งแต่แรกก็เรียบร้อยแล้ว ทำไมเจ้าต้องลำบากมากขนาดนี้”
เทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวงหัวเราะด้วยความเขินอาย
ในที่สุด อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็พาสองพี่น้องไปที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเพื่อรับประทานมื้อเที่ยง
นางสั่งอาหารมากมายเพื่อตอบแทนเทียนต้าจวงและเทียนเอ๋อจวง
”แม่นางอวิ๋น คุณชายผู ท่านทั้งสองใจดีมาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบกับเจ้านายที่ดีแบบนี้” เทียนต้าจวงกล่าวอย่างซาบซึ้ง
”อย่าพูดอย่างนั้นเลย กินกันเถอะ” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
วันนี้อวิ๋นซิ่วชิงอารมณ์ดี นางทำงานเสร็จได้มากมายและกินอาหารกลางวันเข้าไปอย่างเต็มที่
หลังจากที่นางเติมกระเพาะไปครึ่งหนึ่ง ทั้งสี่ก็เริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของสองพี่น้อง เทียนต้าจวงแต่งงานแล้ว มีลูกสามคน เป็นชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน ส่วนเทียนเอ๋อจวงแต่งงานเพียงปีเดียว ไม่นานมานี้ ภรรยาของเขาเพิ่งให้กำเนิดเด็กชายคนหนึ่ง
”ขอแสดงความยินดีกับการเป็นพ่อ” ผูเว่ยชางพูดด้วยความอิจฉา
เทียนเอ๋อจวงแตะหลังศีรษะของเขาอย่างเขินอาย “ข้ามีความสุขมากเมื่อข้ากลายเป็นพ่อ แต่เมื่อเด็กเกิดมา ข้าเกือบจะตายเพราะความเป็นห่วง”
อวิ๋นซิ่วชิงมองเทียนเอ๋อจวงและหัวเราะ “นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ เจ้าคิดว่าการเป็นพ่อคนมันง่ายหรือ?”
”ข้าไม่ได้กังวลกับการซักและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูก ๆ แต่ข้ากังวลเกี่ยวกับลูกชายของข้า เขามักร้องไห้เสมอ ภรรยาของข้ามีน้ำนมเพียงพอ แต่ลูกชายของข้าเอาแต่ร้องไห้โยเยตลอด ตอนที่เขาเกิดมาก็มีน้ำหนักน้อยมาก ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งเดือนเท่านั้น น้ำหนักก็ลดลงมากกว่าเดิม” เมื่อเทียนเอ๋อจวงพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ไม่สามารถกินอะไรได้อีก
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะถามว่า “เอ๋อจวง เจ้าไม่พาลูกไปหาหมอหรือ?”
”ข้าพาไปแล้ว หมอก็บอกเพียงว่าเขากำลังกลัว และได้สั่งยากล่อมประสาท แต่ลูกชายข้ายังไม่รู้สึกดีขึ้นมากนักหลังจากดื่มมัน ข้าไปหาหมอหลายคนติดต่อกันและมันก็เหมือนเดิม” คิ้วของเทียนเอ๋อจวงขมวดขึ้น ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแอมากขึ้นเท่านั้น
”เอ๋อจวง ลูกชายของเจ้าเกิดมากี่วันแล้ว?” อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วถาม
”เพียงสิบวัน” ดวงตาของเทียนเอ๋อจวงเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ นี่เป็นลูกชายคนแรกของเขา เขาทุกข์ใจที่ต้องทนเห็นลูกชายตัวน้อยป่วยตั้งแต่แรกเกิด
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าแล้วถามอีกว่า “เอ๋อจวง ลูกชายของเจ้าตัวเหลืองหรือไม่?”
”เหลือง มันค่อนข้างเหลือง ข้าเคยเห็นเขาครั้งเดียว มันเหมือนกับผิวของเอ๋อจวง” เทียนต้าจวงเป็นฝ่ายตอบออกมาแทน เมื่อเขามาที่นี่เพื่อทำงานกับหยาหลาง เขาได้ยินหยาหลางพูดว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นหมอเทวดา ดังนั้นเมื่ออวิ๋นซิ่วชิงถาม เขาก็รีบตอบ บางทีหลานชายของเขาอาจรอดก็ได้!
”ลูกชายของข้ามีผิวสีเหลืองเล็กน้อย แต่นั่นไม่ปกติหรือ? ไม่ใช่แค่ว่ามีสีผิวเดียวกับข้างั้นหรือ?” เทียนเอ๋อจวงถามอย่างเศร้าสร้อย