ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 141+142 เจ้าต้องช่วยพี่ชายเจ้า!!น่าขยะแขยง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 141+142 เจ้าต้องช่วยพี่ชายเจ้า!!น่าขยะแขยง
บทที่ 141 เจ้าต้องช่วยพี่ชายเจ้า!!
เมื่อฮูหยินอวิ๋นรู้ว่าเฉียวฮุ่ยปฏิเสธที่จะให้อาหารนาง นางจึงรีบไปหาอวิ๋นหมิงเซียวเพื่อตอบโต้
อวิ๋นหมิงเซียวกำลังกินอาหารอยู่ในครัว เมื่อฮูหยินอวิ๋นเดินเข้ามาแล้วเห็นลูกชายกินของเหลือ นางก็ยิ่งน้ำตาไหล นางไม่เคยคิดว่าอวิ๋นหมิงเซียวจะยอมเชื่อฟังภรรยาตัวเองจนถึงกับอกตัญญูไม่ยอมให้อาหารนางเช่นนี้
“หมิงเซียว นังสารเลวนั่นทำอะไรเจ้า? ทั้งที่เมื่อก่อนเจ้าเคยกินแต่อาหารอันโอชะ แต่ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้?” ฮูหยินอวิ๋นทรุดตัวนั่งบนพื้นและร้องห่มร้องไห้ออกมา
อวิ๋นหมิงเซียวได้ยินเสียงฮูหยินอวิ๋นก็รีบปิดปากของนาง เพราะรู้ดีว่าเฉียวฮุ่ยเกลียดเสียงตะโกนโหยหวนของผู้เป็นแม่ หากเฉียวฮุ่ยได้ยิน เขาจะถูกเศรษฐีหวังทุบตีจนตาย!
“ท่านแม่! อย่าร้องตะโกนแบบนี้!” อวิ๋นหมิงเซียวเตือนด้วยเสียงต่ำ
แม้ฮูหยินอวิ๋นจะถูกปิดปากโดยอวิ๋นหมิงเซียวก็ยังคงพยายามพูดต่อ “ข้าจะไปหาพ่อของเจ้าแล้วปล่อยให้เขามาตัดสินเรื่องทั้งหมด!”
หลังจากนั้น ก่อนที่อวิ๋นหมิงเซียวจะทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เห็นว่าฮูหยินอวิ๋นหนีไปแล้ว
เขาตกใจมากจึงรีบตามนางไป
อวิ๋นซิ่วชิงเบื่อหน่ายที่จะอยู่ในห้อง นางจึงแนะนำให้ผูเว่ยชางวางหมูสองตัวลงในคอกหมู
ผูเว่ยชางรู้สึกมีความสุขมาก ตราบเท่าที่เขาได้อยู่เคียงข้างอวิ๋นซิ่วชิง นางจะให้เขาทำอะไรนั้น ผูเว่ยชางไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางถือของไปที่สวนหลังบ้านก็เห็นฮูหยินอวิ๋นวิ่งออกไปโดยบังเอิญ และฮูหยินอวิ๋นก็เห็นอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปที่สวนหลังบ้านเช่นกัน
ฮูหยินอวิ๋นกำลังจะไปหาพ่อเฒ่าอวิ๋น เมื่อนางหยุดกะทันหัน นางก็คิดได้ว่าคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิงมีประโยชน์กว่าคำพูดของพ่อเฒ่าอวิ๋นเสียอีก
นางจึงเดินตามพวกเขาทั้งสองไปที่สวนหลังบ้าน
อวิ๋นซิ่วชิงกับผูเว่ยชางวางหมูสองตัวไว้ที่สวนหลังบ้าน อวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะตักน้ำให้หมู ทันใดนั้นแขนของนางก็ถูกฮูหยินอวิ๋นดึงไว้
อวิ๋นซิ่วชิงหันกลับมาก็เห็นฮูหยินอวิ๋นจับแขนนางไว้ นางขมวดคิ้วแล้วถามว่า “จับข้าไว้ทำไม?
ฮูหยินอวิ๋นจับแขนของอวิ๋นซิ่วชิงและกล่าวว่า “ชิงเหนียง แม่ผิดไปแล้ว ต้องขอโทษเจ้า แต่อวิ๋นหมิงเซียวเป็นพี่ชายของเจ้า เจ้าต้องดูแลเขา!”
“ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรกับเขา อวิ๋นหมิงเซียวเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาสามารถรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาทำไม่ว่าจะถูกหรือผิด?”
ในคราแรกอวิ๋นซิ่วชิงค่อนข้างรู้สึกดีที่ได้ฟังคำขอโทษของฮูหยินอวิ๋น
แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมา ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ฮูหยินอวิ๋นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริง ๆ!
“ชิงเหนียง เจ้าต้องดูแลพี่ชายของเจ้า ข้าไม่รู้ว่านังเฉียวฮุ่ยใช้ยาเสน่ห์อะไรกับพี่ชายของเจ้า นางถึงกับปล่อยให้พี่ชายของเจ้ากินแต่ของเหลือ และเฉียวฮุ่ยก็ไม่ให้อาหารข้าเลย! ชิงเหนียง ตอนนี้เจ้ามีเงิน เจ้าก็ต้องดูแลพี่ชายและแม่!!” ใบหน้าฮูหยินอวิ๋นเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ปากของนางกลับพูดไม่หยุด
อวิ๋นซิ่วชิงแกะมือของฮูหยินอวิ๋นออกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ที่ผ่านมาท่านใจดีกับอวิ๋นหมิงเซียวมากเสียจนข้าที่เป็นลูกสาวอิจฉามากด้วยซ้ำ แต่อวิ๋นหมิงเซียวก็ยังมีอาหารเหลืออยู่ ทำไมอวิ๋นหมิงเซียวไม่ให้อาหารแก่ท่านล่ะ? หรือท่านยังดูถูกว่ามันเป็นอาหารเหลือด้วยไม่ใช่หรือ? ท่านรู้อะไรไหม? ตัวท่านน่ารังเกียจยิ่งกว่าอวิ๋นหมิงเซียวเสียอีก!”
ฮูหยินอวิ๋นก็ขมวดคิ้วและตะโกนด่าทอว่า “นังอวิ๋นซิ่วชิง! เจ้ามันอกตัญญู!!! ข้าไม่น่าคลอดเจ้าออกมาตั้งแต่แรกเลย! หากพี่ชายเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะทำอย่างไร?!!”
“ประการแรก อวิ๋นหมิงเซียวไม่เคยบอกว่าข้าควรดูแลท่านและเขา และประการที่สอง ก่อนหน้านี้ข้าเคยให้ทรัพย์สินข้าเพื่อใช้หนี้พนันที่อวิ๋นหมิงเซียวเคยไปสร้างไว้ เท่านี้ก็ควรถือว่าข้าได้ตอบแทนบุญคุณพวกท่านแล้ว และในวันข้างหน้า ท่านพ่อกับข้าจะไม่สนใจดูแลหรือตามล้างเช็ดเรื่องที่พวกท่านก่ออีกต่อไป! พวกท่านอยากจะทำอะไรก็ได้ที่พวกท่านต้องการ แต่ข้ากับท่านพ่อจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก!”
แม้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะอยู่ในร่างนี้และไม่ได้มีความรักต่อฮูหยินอวิ๋นมากนัก แต่เมื่อนางได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูดออกมา หัวใจของนางก็ยังคงเจ็บปวด
ผูเว่ยชางที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่สามารถทนต่อความเศร้าโศกของอวิ๋นซิ่วชิงได้อีก เขาจึงรีบจับไหล่ของหญิงสาวและพานางเดินไปที่ลานคฤหาสน์ของพ่อเฒ่าอวิ๋น
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงจากไป ฮูหยินอวิ๋นก็ร้องไห้ออกมา
ขณะนั้นเอง ฮูหยินอวิ๋นก็ได้ยินเสียงหมูร้องดังมาจากเล้าหมู นางปาดน้ำตาแล้ววิ่งไปดู ทันใดนั้นนางก็มีความคิดบางอย่างขึ้น!
…
บทที่ 142 น่าขยะแขยง
อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางกลับไปที่ห้องพ่อเฒ่าอวิ๋นอย่างเงียบ ๆ
เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าซีดเซียวของอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชางก็ปลอบนาง “อย่าโกรธเลยชิงเหนียง แม่ของเจ้าเป็นไม้แก่ที่ดัดยากเต็มทีอยู่แล้ว หากเจ้าโต้เถียงกับนาง มันก็จะกลายเป็นตัวเจ้าที่ต้องมานั่งทุกข์ใจเช่นนี้”
อวิ๋นซิ่วชิงก้มศีรษะลงและถอนหายใจ
”ข้ามักจะคิดว่าข้าไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น แต่เมื่อฟังพวกเขาด่าทอประณามข้าบ่อย ๆ เข้า หัวใจของข้าก็เจ็บเป็นเหมือนกัน”
นางเอ่ยด้วยสายตาที่ปวดร้าว แม้ใจจะแข็งเพียงใด แต่นางก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจและความรู้สึกเช่นกัน
ผูเว่ยชางตบไหล่อวิ๋นซิ่วชิงด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน “อย่าคิดมากไปเลย เจ้ายังมีพ่อเฒ่าอวิ๋นอยู่”
เมื่อพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา*[1] เพราะเพียงไม่นาน พ่อเฒ่าอวิ๋นก็เข้ามาพร้อมกับอาหาร
ทันทีที่พ่อเฒ่าอวิ๋นเข้ามาในห้อง เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูไม่สดชื่นนัก จึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงกระแอมไอเบา ๆ และใบหน้าของนางก็กลับมาเป็นปกติ “ไม่มีอะไร ข้าแค่หิว”
”งั้นมากินกันเถอะ” พ่อเฒ่าอวิ๋นพูดแล้ววางอาหารลงบนโต๊ะ
เมื่อผูเว่ยชางเห็นอวิ๋นซิ่วชิงพยายามที่จะหายเศร้า เขาก็ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้น
อวิ๋นซิ่วชิงไม่สามารถกินข้าวได้อีกต่อไป หลังจากนางกินข้าวไปเพียงหนึ่งคำ นางก็มองไปที่พ่อเฒ่าอวิ๋นด้วยสายตาแน่วแน่
เมื่อเห็นอวิ๋นซิ่วชิงไม่กินข้าวต่อ พ่อเฒ่าอวิ๋นก็ไม่สามารถกินได้อีกต่อไป จึงถามนางว่า “ชิงเหนียง มีอะไรหรือเปล่า?”
“ท่านพ่อ ข้าไม่อยู่เพียงไม่กี่วัน เกิดอะไรขึ้นกับอวิ๋นหมิงเซียว?” อวิ๋นซิ่วชิงยังคงอดไม่ได้ ในที่สุดก็ถามเรื่องนี้
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาจ้างแม่ครัวและหญิงรับใช้มา” พ่อเฒ่าอวิ๋นเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอวิ๋นหมิงเซียว จึงตอบออกไปเท่าที่รู้
”อย่าคิดมาก” พ่อเฒ่าอวิ๋นกลัวอวิ๋นซิ่วชิงกังวลจึงเอ่ยปลอบ
“ชิงเหนียง เจ้าอย่าคิดมาก อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับคนพวกนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา เราแค่ต้องกิน สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น และนอนหลับให้สบาย”
พ่อเฒ่าอวิ๋นพูดและหยิบตะเกียบคีบอาหารให้อวิ๋นซิวชิง
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงเห็นพ่อเฒ่าอวิ๋นบอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้ นางก็โล่งใจและรู้สึกดีขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารจนเสร็จสิ้น อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็ไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อคืนเกวียนลา พวกเขาเช่าเกวียนลาด้วยกัน ย่อมต้องมาคืนหัวหน้าหมู่บ้านด้วยกัน
ครั้นออกจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ผูเว่ยชางมองดูสีหน้ามืดมนของอวิ๋นซิ่วชิง ก่อนจะบีบเบา ๆ ที่ใบหน้าอ้วนของนางด้วยความเป็นห่วง “เจ้ายังโกรธอยู่หรือ?”
อวิ๋นซิ่วชิงพยายามหลบมือของผูเว่ยชางและปิดแก้มตัวเอง “เจ้าทำอะไรกับหน้าข้า?”
ผูเว่ยชางลูบปลายนิ้วตัวเอง เขาจำสัมผัสที่นุ่มนวลในตอนนี้ได้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ดูหน้าเจ้าสิ หน้าเจ้าเล็กลงไปเยอะเลยนะ เอาล่ะ อย่าโกรธเลย ว่าแต่เมื่อไหร่ที่บอกว่าเราจะไปเมืองฉางอัน?”
อวิ๋นซิ่วชิงถูกผูเว่ยชางเบนความสนใจไปในทันที และนางก็ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก้มของนางเมื่อครู่นี้ “อีกสองวันข้าจะบอกเจ้าเมื่อข้าพร้อม”
แท้จริงแล้วอวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่าเฉียวฮุ่ยมีบางอย่างที่ผิดปกติ นางต้องสังเกตและจับตามองสิ่งที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋นสักพัก และระยะทางจากที่นี่ไปเมืองฉางอันก็ค่อนข้างไกลพอสมควร และยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช้เวลาเดินทางไปกลับกี่วัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ อวิ๋นซิ่วชิงก็ไม่สามารถไว้วางใจให้พ่อเฒ่าอวิ๋นอยู่คฤหาสน์คนเดียวได้
”ดี” ผูเว่ยชางตอบและส่งอวิ๋นซิ่วชิงกลับไปที่คฤหาสน์อวิ๋น จากนั้นเขาก็กลับบ้านคนเดียว
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงกลับถึงบ้าน นางก็กล่าวทักทายพ่อของนางและกลับไปที่ห้อง
ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงเข้ามาในห้อง นางก็เห็นว่าต้นผักในกระถางสูงขึ้นมาก หญิงสาวลองคำนวณดูแล้วพบว่ากะหล่ำปลีนี้สามารถกินได้ในอีกครึ่งเดือน!
อวิ๋นซิ่วชิงมองลงไปที่กะหล่ำปลีในกระถาง พวกมันทั้งหมดเติบโตได้ดี ไม่มีแมลง แต่ดินค่อนข้างแห้ง
อวิ๋นซิ่วชิงรีบเข้าไปในมิติของนาง นำถังน้ำพุแห่งจิตวิญญาณออกมาแล้วเทน้ำลงในกระถางแต่ละใบ หลังจากนั้นก็เหนื่อยเกินกว่าจะยกเอวขึ้นได้อีก
อวิ๋นซิ่วชิงทุบเบา ๆ ลงที่เอว ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง
เมื่อผูเว่ยชางกลับบ้าน เขาก็ได้พบกับคนที่เขาเกลียด นั่นคือหลี่ฟู่หลาน
ผูเว่ยชางจดจำได้อย่างแม่นยำเรื่องความร้ายกาจของนาง ดังนั้นผูเว่ยชางจึงไม่ชอบนางอย่างยิ่ง เขาไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ กับนางแม้แต่น้อย และยังเต็มไปด้วยความรังเกียจ
[1] เป็นสำนวนที่มีที่มาจากวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก มีความหมายว่า เมื่อเรากำลังพูดถึงบุคคลใดอยู่ บุคคลนั้นก็มาถึงพอดี