ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 137+138 กลับหมู่บ้านคู่ค้าทางธุรกิจ
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 137+138 กลับหมู่บ้านคู่ค้าทางธุรกิจ
บทที่ 137 กลับหมู่บ้าน
อวิ๋นซิ่วชิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เวลานี้เหยียนเกอเองก็ได้คำตอบเช่นกัน จึงรีบก้าวไปหาหญิงสาวแล้วพูดว่า “ชิงเหนียง ข้าไปถามพวกเขาแล้ว แหล่งที่มาของผักอยู่ในเมืองฉางอัน เจ้าต้องไปที่นั่น”
อวิ๋นซิ่วชิงจึงขอบคุณเหยียนเกอสำหรับความช่วยเหลือ
“อวิ๋นซิ่วชิง นี่มันก็สายมากแล้ว เราควรรีบไปได้แล้ว…” ผูเว่ยชางเห็นว่า เหยียนเกอต้องการรั้งอวิ๋นซิ่วชิงไว้ เขาจึงรีบพูดขัดขึ้น
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าตอบรับ “พี่เหยียน พวกเรากลับก่อนนะ”
ก่อนที่เหยียนเกอจะพูดอะไรกับอวิ๋นซิ่วชิง นางก็ถูกผูเว่ยชางพาตัวไปเสียแล้ว
เหยียนเกอจ้องไปที่ผูเว่ยชางด้วยความโกรธ และหันไปหยุดอวิ๋นซิ่วชิง “ชิงเหนียง เจ้ารอสักครู่ ข้ามีอะไรจะให้เจ้าอีก!”
เขารีบกลับไปที่ห้อง และหยิบสัมภาระที่เขาเตรียมไว้ส่งให้อวิ๋นซิ่วชิงโดยไม่รอให้นางปฏิเสธ
“รับไป เมื่อเจ้ามาที่นี่อีก ข้าจะทดสอบเจ้า” เหยียนเกอจึงมอบสัมภาระให้อวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงเปิดสัมภาระแล้วมองดู มันคือตำราแพทย์แผนจีนสองเล่ม!
”ได้เลย ไม่มีปัญหา!” อวิ๋นซิ่วชิงวางสัมภาระบนหลังของนางและพูดด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงกำลังรอเหยียนเกอ ผูเว่ยชางก็เดินไปที่เกวียนลา
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงบอกลาเหยียนเกอเรียบร้อยแล้ว ผูเว่ยชางได้นำเกวียนลามารออวิ๋นซิ่วชิงแล้ว
นางหันกลับมาโบกมือให้เหยียนเกอ และกระโดดขึ้นไปบนเกวียนลา จากนั้นผูเว่ยชางก็ขับเกวียนลาออกไปทันที
เหยียนเกอเฝ้าดูความกระตือรือร้นของผูเว่ยชางที่จะพาอวิ๋นซิ่วชิงออกไป เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยออกมาว่า “โถ เจ้าคนขี้หึง! เมื่อไหร่ที่ชิงเหนียงกลับมา เจ้าอยู่ไม่สุขแน่!”
ดูเหมือนว่าผูเว่ยชางจะรู้สึกถึงการนินทาจากเหยียนเกอ เขาจึงหันมองกลับไปหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา
เหยียนเกอรู้สึกกลัวจึงรีบกลับเข้าโรงหมอ
ผูเว่ยชางบังคับเกวียนลาของเขาไปที่ร้านขายถ่านเมื่อวานนี้
เมื่อไปถึงร้าน ผู้ช่วยร้านก็รออยู่หน้าร้านแล้ว
“ชิงเหนียง เรามีถ่านไฟทั้งหมดที่เจ้าพูดถึงเมื่อวาน ลองดูก่อน เราจะได้ตามเจ้าไปที่ถนน”
ผู้ช่วยร้านค้ามีอัธยาศัยดีมาก
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและเหลือบมองถ่านไฟบนรถม้า เมื่อเห็นว่าถ่านไฟภายในและภายนอกเหมือนกัน นางจึงหยิบเหรียญทองแดงห้าเหรียญออกมาและนำไปให้ผู้ช่วยร้าน
“ข้าหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้าสำหรับการเดินทางที่ยากลำบาก” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้ช่วยร้านไม่เคยเห็นลูกค้าที่ใจกว้างขนาดนี้มาก่อน เขาจึงยิ้มให้
ขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางเดินออกไปพร้อมกับเกวียนลา ผู้ช่วยร้านก็เดินตามอวิ๋นซิ่วชิงไปกับผู้ช่วยอีกคน
ผูเว่ยชางหันไปมองรถม้าที่บรรทุกถ่านไฟ เขานึกโล่งใจที่เห็นว่ารถม้ากำลังติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิด
ผูเว่ยชางหันไปทางอวิ๋นซิ่วชิงซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง ขณะนี้นางกำลังพลิกตำราทางการแพทย์อยู่
เขาจึงขมวดคิ้วและพูดว่า “อย่าอ่านตำราขณะนั่งเกวียน มันจะทำให้เจ้าสายตาเสีย”
อวิ๋นซิ่วชิงตอบรับ และเก็บตำราลงไป ผูเว่ยชางประหลาดใจที่อวิ๋นซิ่วชิงเชื่อฟังมาก
อวิ๋นซิ่วชิงมองดูเพียงครู่หนึ่งก็รู้สึกเวียนหัว นางจึงหลับตาลงอย่างรวดเร็วและผ่อนคลาย
“เห็นหรือไม่ว่าการอ่านตำราบนเกวียนจะทำให้เจ้าปวดตา” ผูเว่ยชางมองดวงตาที่ปิดสนิทของอวิ๋นซิ่วชิง และต้องการสัมผัสขนตาของนาง แต่ก็ต้องอดทน
อวิ๋นซิ่วชิงหลับตาและพูดว่า “ข้ามองมากเกินไป ตาของข้าจึงล้า”
ในความเป็นจริง อวิ๋นซิ่วชิงเพิ่งพลิกหน้าตำราทางการแพทย์ที่ได้รับมาจากเหยียนเกอ
ทักษะทางการแพทย์ที่เหยียนเกอให้มานั้นไม่ครอบคลุมและมีรายละเอียดน้อยกว่าตำราทางการแพทย์ในพื้นที่มิติส่วนตัว ดังนั้น อวิ๋นซิ่วชิงจึงมองดูมันเพียงไม่กี่ครั้งและหยุดอ่าน
อาจดีกว่านี้หากศึกษาตำราทางการแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่มิติส่วนตัว
ผูเว่ยชางอดไม่ได้ที่จะสัมผัสเปลือกตาของอวิ๋นซิ่วชิงและกล่าวคำแก้ตัวที่เหมาะสมกับตัวเองว่า “ถูแบบนี้จะดีกว่า”
อวิ๋นซิ่วชิงแค่คิดว่าผูเว่ยชางใจดี และตัวหญิงสาวเองก็ไม่คิดอะไรมาก
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงไม่โกรธ ผูเว่ยชางจึงกล้าที่จะสัมผัสมากขึ้น
ขณะที่อวิ๋นซิ่วกำลังชิงหลับตา นางก็นึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้
นางไม่เคยไปเมืองฉางอัน หรือในความทรงจำของเจ้าของเดิม นางไม่รู้ว่าเมืองฉางอันอยู่ที่ไหน หากนางไปคนเดียวนางอาจจะต้องหลงทางเป็นแน่…
…
บทที่ 138 คู่ค้าทางธุรกิจ
“ผูเว่ยชาง เจ้าเคยไปฉางอันหรือเปล่า?” อวิ๋นซิ่วชิงลืมตาขึ้นและถามชายหนุ่ม
ตอนที่ผูเว่ยชางยังเป็นแม่ทัพ เขาผ่านการต่อสู้มาทุกหนทุกแห่ง แม้เขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองฉางอันเป็นเวลานาน แต่ก็เคยเดินทางผ่านเมืองหลวงนี้ และรู้เส้นทางการเข้าเมืองหลวงเป็นอย่างดี
”ข้าเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง” ผูเว่ยชางรู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงหมายถึงอะไร นางถามเขา และคงต้องการให้เขาไปเมืองฉางอันกับนาง
ผูเว่ยชางอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“แล้วไปกับข้าได้ไหม” อวิ๋นซิ่วชิงถามอย่างเขินอาย ทุกครั้งที่นางต้องทำบางอย่าง ดูเหมือนนางจะมองหาแต่ผูเว่ยชาง
แต่หากจะกล่าวตามตรงแล้ว คนอื่น ๆ ที่นางรู้สึกว่าพึ่งพาได้ นอกจากท่านพ่อแล้วก็ไม่มีใครให้มองหา ยกเว้นเพียงผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางหันหน้ามาและมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิง หญิงสาวดูบอบบางลงเล็กน้อย
ในสายตาของผูเว่ยชาง นางยังคงสงสัยว่าผูเว่ยชางไม่ต้องการไปกับนางเพราะปัญหาของนางหรือไม่?
”หากเจ้ามีปัญหา เจ้าสามารถวาดแผนที่ให้ข้าได้ ข้าไปคนเดียวได้” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกกระดากอาย
ผูเว่ยชางไม่ต้องการไปเมืองฉางอันกับอวิ๋นซิ่วชิง แต่สงสัยว่าเขาจะสามารถเจรจากับอวิ๋นซิวชิงได้หรือไม่?
“ข้าไปกับเจ้าได้ แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” ผูเว่ยชางพูดพลางยิ้มที่มุมปาก
“เงื่อนไขอะไร?” อวิ๋นซิ่วชิงจ้องเขม็งอย่างไม่เชื่อสายตา นึกถึงเนื้อเรื่องในนวนิยายที่นางเอกสัญญาว่าจะให้ชีวิตเพื่อตอบแทนความใจดีของพระเอก นางจึงพูดด้วยรอยยิ้มตลก ๆ
หลังจากนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็หัวเราะออกมา
ผูเว่ยชางชอบในสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงพูด เขาหัวเราะเมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงเพียงแค่ล้อเล่น
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงหยุดหัวเราะ ผูเว่ยชางก็บอกเงื่อนไขของเขาว่า “ข้าต้องการขายผักและเปิดร้านกับเจ้า ส่วนเรื่องเงิน พวกเราจะแบ่งกันครึ่งหนึ่ง”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คาดคิดว่าผูเว่ยชางจะเสนอเงื่อนไขนี้ นางนึกถึงกระท่อมที่ผูเว่ยชางอาศัยอยู่และสงสัยว่า “เจ้ามีเงินหรือ?”
หลังจากถามออกไปเช่นนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกว่าคำพูดของนางอาจฟังดูไม่ดีนัก จึงรีบเปลี่ยนคำพูดของนางอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้ายากจน ข้าแค่บอกว่าข้าตกลงตามเงื่อนไขของเจ้า แต่หากเจ้าไม่มีเงิน ข้าก็สามารถให้เจ้ายืมก่อนได้ ”
”ข้ามีเงิน” ผูเว่ยชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามีเงิน?” อวิ๋นซิ่วชิงจ้องมองด้วยความสงสัย นางมองผูเว่ยชางขึ้นและลงอีกครั้ง ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้ามีเงิน?”
ผูเว่ยชางพยักหน้าอย่างใจเย็น “ข้ามี เจ้าไม่ได้เพิ่งถามว่าข้าเคยเป็นชายที่ยิ่งใหญ่งั้นหรือ? แน่นอนว่าชายผู้ยิ่งใหญ่ย่อมมีเงิน”
“เจ้าไม่ได้ใช้เงินเพื่อหาหนทางล้างพิษหรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าใช้จ่ายไปบ้าง แต่ต่อมาข้ารู้สึกว่ามีความหวังในการล้างพิษเพียงริบหรี่ ข้าจึงไม่ได้ใช้เงินโดยเปล่าประโยชน์อีก ข้ายังประหยัดเงินได้มาก ข้าคิดว่าตัวเองจะไม่ใช้เงินอีก ข้าก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ใช้เงินในเวลานี้”
ผูเว่ยชางพยายามระงับสีหน้าลนลานของตัวเอง เขาพยายามที่จะโน้มน้าวและเจรจากับอวิ๋นซิ่วชิง
และอวิ๋นซิ่วชิงก็เชื่อคำพูดของผูเว่ยชางจริง ๆ และยังถามอีกว่า “เจ้ามีเงินเท่าไหร่?”
ผูเว่ยชางมีเงินมากมาย ใช้เกวียนหลายคันก็ยังบรรทุกไม่หมด แต่เขาก็พูดไม่ได้ เขาจึงพูดอย่างไม่ใส่ใจว่าร้อยตำลึง
“ร้อยตำลึงถือว่าไม่มากเกินไป คนบางคนในหมู่บ้าน ทั้งชีวิตนี้ยังหาเงินได้ไม่ถึงร้อยตำลึง”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่แปลกใจกับเงินร้อยตำลึงของผูเว่ยชางมากนัก ตรงกันข้าม นางรู้สึกว่าผูเว่ยชางไม่ใช่ชายผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ
เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเดินบนเส้นทางของนักสู้ แต่เขามีเพียงร้อยตำลึงเท่านั้น มันช่างน่าสังเวชเกินไป!
อวิ๋นซิ่วชิงแสดงความเห็นใจต่อความทุกข์ทรมานของผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางไม่รู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังคิดอะไรอยู่ หากเขารู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงจะหัวเราะจนตาย!
“ที่จริงหากเราร่วมมือกัน เจ้าจะไม่สูญเสียอะไรเลย ข้าดูแลร้านให้เจ้า และเจ้าสามารถเรียนรู้การแพทย์ได้อย่างสบายใจ จริงหรือไม่?”
ผูเว่ยชางกลัวว่าคำสัญญาของอวิ๋นซิ่วชิงจะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ดังนั้นชายหนุ่มจึงยังคงตีเหล็กตอนร้อน*[1] ต่อไป
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า และคิดว่าสิ่งที่ผูเว่ยชางพูดนั้นสมเหตุสมผล
นอกจากนี้ ในยุคสมัยโบราณ หากผู้หญิงต้องการทำธุรกิจหรือเปิดกิจการอะไรสักอย่างนั้นถือเป็นที่เรื่องยากมาก ดังนั้น หากได้ผู้ชายมาช่วยร่วมทุนอีกแรง อะไร ๆ มันคงจะง่ายยิ่งกว่า
[1] ตัดสินใจทำสิ่งที่มีประโยชน์เมื่อมีโอกาสที่ดีเข้ามา หรือตอนที่สถานการณ์หลายอย่างเอื้อเข้าทางตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย