ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 135+136 แผนธุรกิจขายผักรักอิสระ
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 135+136 แผนธุรกิจขายผักรักอิสระ
บทที่ 135 แผนธุรกิจขายผัก
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อไป?” ผูเว่ยชางถามพลางขมวดคิ้ว
“ข้าต้องการเช่าร้านในเมืองและขายผัก เจ้ารู้ไหม? ผักที่ข้าปลูกที่บ้านงอกขึ้นแล้ว!” อวิ๋นซิ่วชิงตื่นเต้นมากเรื่องแผนธุรกิจค้าขายของนาง
”ขายแต่ผัก ต้องปลูกมากเท่าไหร่ถึงจะได้มันมาขาย?” ผูเว่ยชางเลิกคิ้วขึ้นขณะถาม เขาเอาแต่คิดว่าจะตามอวิ๋นซิ่วชิงไปที่เมืองได้อย่างไร?
หลังจากฟังคำพูดของผูเว่ยชาง อวิ๋นซิ่วชิงก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวในการปลูกเมล็ดพันธุ์ในพื้นที่มิติส่วนตัว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดหาเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ดูเหมือนว่านางจะคิดง่ายเกินไปเกี่ยวกับการขายผัก
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ ผูเว่ยชางก็รู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงเริ่มลังเลและมองเห็นปัญหาแล้ว “นี่เป็นคำถามง่าย ๆ ว่าเราจะจัดหาของที่จะขายได้หรือไม่? แล้วก็อีกคำถามหนึ่ง เจ้าคิดจะขายผักอะไร? กะหล่ำปลี? มันฝรั่ง? หรือมันเทศหวาน?”
อวิ๋นซิ่วชิงคิดว่านางต้องการขายผักสามอย่างนี้ เพราะผักสามชนิดนี้สามารถนำไปประกอบอาหารได้อร่อยมาก และสามารถเก็บรักษาได้สองสามวัน
“อวิ๋นซิ่วชิง ข้าไม่ได้อยากจะขัดคอเจ้า แต่ลองคิดดูให้ดี ผักสามชนิดนี้ไม่ใช่ผักที่มีขายทั่วไปตามท้องถนน หากเจ้าขายเพียงแค่ผักสามชนิดนี้ นอกจากคนอื่นอาจจะไม่ซื้อแล้ว พวกเขาจะยังกดราคาผักของเจ้าอีกด้วย เจ้ารับได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการพูดเพื่อทำร้ายจิตใจและความฝันของอวิ๋นซิ่วชิง แต่เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องเตือนนางเพื่อให้นางคิดอย่างรอบคอบและสามารถพึ่งพาเขาได้
อวิ๋นซิ่วชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่านางได้สูญเสียอะไรบางอย่าง “มันยากที่จะขาย?” นางคร่ำครวญ
“หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ตั้งใจเรียนแพทย์อย่างเดียวหรือเปล่า?” ผูเว่ยชางรู้ดีถึงความทะเยอทะยานของหญิงสาว ดังนั้นจึงถามนางเช่นนี้
“ไม่ แม้ข้าจะสามารถขายโสมได้หลายร้อยตำลึง แต่ก็ไม่สามารถนั่งหรือนอนกินเฉย ๆ ได้ ข้าจะต้องทำธุรกิจค้าขายบางอย่างระหว่างศึกษาวิชาการแพทย์ไปด้วย เมื่อข้ามีเงิน ข้าก็จะสามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้”
ผูเว่ยชางเคาะริมฝีปากของตัวเอง ชายหนุ่มรู้แล้วว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะไม่ยอมแพ้
”ข้าพอมีวิธี” ผูเว่ยชางพูดอย่างไม่เร่งรีบ
”ข้าจะทำอะไรได้บ้าง?” อวิ๋นซิ่วชิงถามอย่างกระตือรือร้น
ผูเว่ยชางมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของอวิ๋นซิ่วชิง และนึกอยากจะบีบแก้มนิ่ม ๆ ของนาง “หากเจ้าต้องการขายผัก เจ้าต้องหาแหล่งสินค้า นั่นคือแหล่งที่อยู่ของผัก”
“แต่เราจะหาที่มาของผักได้อย่างไร? เราควรถามร้านขายผักพวกนั้นไหม? เขาบอกเราได้หรือเปล่า?” อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้ว
ผูเว่ยชางอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินนางใช้คำว่า ‘เรา’ กับเขา “เจ้าสามารถถามเหยียนเกอได้ พ่อค้าเร่ที่มารักษากับเขาทุกวันจะต้องรู้ว่าแหล่งเก็บผักอยู่ที่ไหน? แต่เราไม่สามารถถามเองได้ ต้องให้เหยียนเกอซึ่งเป็นหุ้นส่วนเท่านั้นที่สามารถถามได้…”
“งั้นข้าจะไปหาเหยียนเกอเดี๋ยวนี้” อวิ๋นซิ่วชิงพูดและยืนขึ้น เตรียมพร้อมที่จะไปพบเหยียนเกอ
ผูเว่ยชางรีบคว้าแขนของอวิ๋นซิ่วชิงแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้ว เหยียนเกอคงเข้านอนแล้ว เจ้าไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า…”
อวิ๋นซิ่วชิงเพิ่งสังเกตเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลามืดค่ำแล้ว…
ผูเว่ยชางยืนขึ้นและมองไปที่รูปลักษณ์อันแสนน่ารักของอวิ๋นซิ่วชิง เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นและสัมผัสผมนุ่มนิ่มของนาง “เจ้าอย่าคิดมาก ไปนอนเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงตอบ และส่งผูเว่ยชางออกจากห้อง จากนั้นก็ปิดประตู และเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัว
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงเข้าไปในมิติส่วนตัว นางก็พบว่ากะหล่ำปลีเล็ก ๆ ที่นางปลูกภายในนี้ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก
อวิ๋นซิ่วชิงก้าวไปข้างหน้าและพลิกใบของกะหล่ำปลีขนาดเล็กเพื่อดูว่ามีวัชพืชหรือแมลงกัดแทะหรือไม่?
กะหล่ำปลีขนาดเล็กมีประโยชน์ และเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับไส้เดือน หนอนเนื้อตัวเล็กจะปรากฏบนใบของกะหล่ำปลีขนาดเล็ก
อวิ๋นซิ่วชิงคุ้ยหากะหล่ำปลีเป็นเวลานาน และพบว่าไม่มีแมลง นางจึงโล่งใจ
หลังจากที่ไม่มีปัญหากับวัชพืชหรือแมลงที่อาจจะกัดแทะกะหล่ำปลีแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็ปีนขึ้นไปดื่มน้ำพุแห่งจิตวิญญาณสักสองสามคำ พร้อมกับวักน้ำล้างหน้าตามไปด้วย ก่อนจะไปที่ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาล และเริ่มดูตำรายาจีนโบราณ
หลังจากอยู่ในพื้นที่มิติส่วนตัวเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม*[1] อวิ๋นซิ่วชิง ก็ออกมาจากพื้นที่มิติส่วนตัว
อวิ๋นซิ่วชิงเหนื่อยเกินไปในวันนี้ หลังจากออกจากพื้นที่ นางก็ล้มลงในผ้าห่มและนอนหลับสนิทไปทันที
[1] 1 ชั่วโมง
…
บทที่ 136 รักอิสระ
ผูเว่ยชางที่อยู่ห้องถัดไปยังไม่ได้นอน ต้าเหนียนชุ่ยยี่กำลังยืนเคียงข้างผูเว่ยจางด้วยความเคารพ
ผูเว่ยชางไม่รู้ว่าดวงตาของเขากำลังมองไปที่ใด หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผูเว่ยชางก็ขอให้เขานำกระดาษและพู่กันมาด้วย
จากนั้นผูเว่ยชางก็เขียนจดหมาย และสั่งว่า “ส่งจดหมายฉบับนี้ไปที่เมืองหลวง”
หลังจากตอบตกลงอย่างสุภาพ ต้าเหนียนชุ่ยยี่ก็หายไปจากห้อง
ผูเว่ยชางกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวในวันนี้ เรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานของญาติสนิท
วันรุ่งขึ้น อวิ๋นซิ่วชิงตื่นแต่เช้า
หลังจากซักเสื้อผ้าแล้ว นางก็พร้อมที่จะไปหาเหยียนเกอ เมื่อเดินผ่านห้องของผูเว่ยชาง เขาก็เปิดประตูออกมาพอดี
อวิ๋นซิ่วชิงจึงยิ้มและพูดว่า “ผูเว่ยชาง อรุณสวัสดิ์”
ทันทีที่เขาเปิดประตูในตอนเช้าแล้วเห็นรอยยิ้มของอวิ๋นซิ่วชิง มันทำให้ผูเว่ยฉางอารมณ์ดี “อรุณสวัสดิ์”
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางเดินไปที่ลานบ้านด้วยกัน พวกเขาก็เห็นพ่อค้าเร่หลายคนยืนอยู่ในลานพร้อมกับรถม้า
อวิ๋นซิ่วชิงได้กลิ่นในอากาศ ทันใดนั้นดวงตาของนางก็พลันสว่างขึ้น รถม้าของคนเหล่านี้บรรทุกสมุนไพรอยู่
อวิ๋นซิ่วชิงรีบไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ พ่อค้าเร่วัยกลางคนคนหนึ่งเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงสนใจสิ่งของบนรถม้ามาก เขาจึงยิ้มและพูดว่า “แม่นาง เจ้าสนใจสิ่งของบนรถม้าของข้าหรือไม่?”
อวิ๋นซิ่วชิงจึงพยักหน้าอย่างสุภาพ พ่อค้าเร่เดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอวิ๋นซิ่วชิงเต็มไปด้วยความเมตตา พ่อค้าเร่ก็ยิ้มและพูดว่า “มีสมุนไพรอยู่ในรถม้าของเรา และมันก็สดใหม่ทุกอย่าง”
“ขอข้าดูหน่อยได้ไหม?” เมื่อได้ยินว่าเป็นสมุนไพรที่เก็บมาสด ๆ อวิ๋นซิ่วชิงก็สนใจขึ้นมาในทันที
สิ่งที่นางเห็นในมิติคือสมุนไพรแห้ง และนางไม่เคยเห็นสมุนไพรที่เก็บสด ๆ มาก่อน
”แน่นอน” พ่อค้าเร่ตอบและยกมุมหนึ่งของผ้าสีดำที่คลุมรถม้าขึ้น
อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยความไม่แน่ใจว่า “นี่ใช่เจียกู่มู่*[1] หรือไม่?” รูปร่างของสมุนไพรดูแปลกตา อวิ๋นซิ่วชิงจึงยังคงลังเล
“แม่นาง เจ้าช่างมีสายตาและความรู้ที่ดี นี่แหละเจียกู่มู่จริง ๆ” พ่อค้าเร่แปลกใจเล็กน้อย
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าอย่างสุภาพ นางแค่รู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นเท่านั้น?
ในเวลานี้ เหยียนเกอและเจ้าของร้านก็ไปที่ลานบ้าน และเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงอยู่ที่นั่นด้วย
เขาจึงตรงไปหาอวิ๋นซิ่วชิง “ชิงเหนียง ทำไมเจ้าตื่นเช้าจัง?”
“ข้าตื่นเช้าเพราะข้ามีเรื่องจะถามท่าน” อวิ๋นซิ่วชิงตอบ
หลังจากเหยียนเกอให้บัญชีกับเจ้าของร้านแล้ว เขาก็พาอวิ๋นซิ่วชิงออกไปและพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น? บอกข้าที”
“ข้าต้องการขายผักในเมืองนี้ต่อไป ท่านช่วยข้าถามพ่อค้าเร่ขายผักเหล่านี้ได้ไหมว่าแหล่งผักอยู่ที่ไหน?” อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างจริงจัง
หลังจากที่ได้ฟังอย่างตั้งใจ เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้าไม่อยากเรียนแพทย์จากข้าแล้วหรือ?”
”ข้าอยากเรียนแพทย์และทำธุรกิจเล็ก ๆ ของข้าไปด้วย” อวิ๋นซิ่วชิงอธิบาย
“ในเมื่อเจ้าอยากเรียนแพทย์ ข้าก็จะสนับสนุนเจ้าเป็นอาจารย์อยู่แล้ว จะทำอาชีพขายผักทำไมอีก?”
เหยียนเกอเองก็ไม่พอใจกับน้ำเสียงที่เข้มงวดของตัวเอง แผนเดิมของเขาคือให้อวิ๋นซิ่วชิงเรียนรู้ยาและทักษะทางการแพทย์จากเขาเท่านั้น เขาจะดูแลด้านอื่น ๆ ที่เหลือเอง
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะคิกคัก การที่จะมีคนเลี้ยงดูนางย่อมเป็นเรื่องดี แต่นางเป็นคนที่รักอิสระ นางสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ทำไมนางต้องอยู่เฉย ๆ และปล่อยให้คนอื่นมาเลี้ยงนางด้วย?
“พี่เหยียน ข้ารู้เจตนาดีของท่าน แต่ข้าตัดสินใจจะขายผักเพื่อทำธุรกิจ หากท่านไม่เห็นด้วย ข้าก็แค่จะเรียนรู้จากท่าน” อวิ๋นซิ่วชิงดูจริงจังมาก
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถค้านอวิ๋นซิ่วชิงได้ เหยียนเกอก็กล่าวขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน!”
พูดจบ เหยียนเกอก็เดินไปหาคนขายเพื่อหาคำตอบให้กับอวิ๋นซิ่วชิง
ในเวลานี้ ผูเว่ยชางขยับไปข้างหลังอวิ๋นซิ่วชิงและปลอบโยนนาง “ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้คำตอบที่เจ้าต้องการในภายหลัง”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและมองไปที่ผูเว่ยชาง “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ”
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณ คราวหน้าเจ้าแค่เชิญข้าไปทานอาหารเย็น” ผูเว่ยชางเอ่ย
[1] เอลเดอร์เบอร์รี เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รีชนิดหนึ่ง ผลทรงกลมเล็ก สีม่วงเข้ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ปลูกในหลายประเทศทั่วโลกที่มีอากาศหนาวเย็น มีประโยชน์และสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการแพทย์เนื่องจากมีการใช้สารสกัดเอลเดอร์เบอร์รีในเชิงของยาต้านหรือยับยั้งเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด และโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น