ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 133+134 วิธีกลั่นน้ำมันหอมระเหยไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครรังแกพ่อของข้า
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 133+134 วิธีกลั่นน้ำมันหอมระเหยไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครรังแกพ่อของข้า
บทที่ 133 วิธีกลั่นน้ำมันหอมระเหย
อวิ๋นซิ่วชิงหยิบกล่องไม้มะฮอกกานีมาจากเหยียนเกอ น้ำมันงูในกล่องไม้มะฮอกกานีมีสีเหลืองใส และไม่มีสิ่งแปลกปลอมเจือปนอยู่ในนั้น
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้า “ทำได้ดีมาก!”
ใบหน้าเหยียนเกอปรากฏรอยยิ้มในทันที “ข้าสกัดและกลั่นมันสามครั้งและใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายในครัว”
อวิ๋นซิ่วชิงจิบชาด้วยรอยยิ้ม “หากพี่เหยียนต้องการให้ไขมันงูมีประโยชน์อย่างเต็มที่ ท่านสามารถเพิ่มสมุนไพรลงไปได้ จำไว้ว่าอย่าใช้สมุนไพรที่ขัดแย้งกัน”
เหยียนเกอพยักหน้า การจ่ายยาเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเขา แต่สิ่งที่เขาต้องการทราบเพิ่มเติมคือ วิธีทำน้ำมันหอมระเหยจากกลีบดอกไม้ เขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกว่ามันมีน้ำมันด้วย
“ชิงเหนียง เจ้ามีวิธีทำน้ำมันหอมระเหยอย่างไร?” เหยียนเกอถามอย่างสงสัย
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คิดว่าเขาจะยังจำประโยคที่นางพูดในตอนบ่ายได้ นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ง่ายมาก มันก็เหมือนกับการกลั่นน้ำมันงู น้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้ก็สามารถกลั่นด้วยการนึ่ง…”
หลังจากฟังอย่างละเอียด ทันใดนั้นเหยียนเกอก็ตระหนักได้ว่าเขาชักจะชื่นชอบอวิ๋นซิ่วชิง
ผูเว่ยชางซึ่งนั่งอยู่ด้านหนึ่ง สีหน้าของเขาดำคล้ำไปแล้วเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเหยียนเกอ
หากอวิ๋นซิ่วชิงไม่อยู่ที่นี่ เขาคงเตะเหยียนเกอให้กระเด็น!
ทันใดนั้น เจ้าของร้านก็เข้ามาพร้อมกับกลุ่มทาสและสาวใช้ แล้ววางอาหารลงบนโต๊ะ
“เราจะคุยกันระหว่างกินไปด้วย” เหยียนเกอเชิญอวิ๋นซิ่วชิงให้นั่งที่โต๊ะอาหารค่ำ
หลังจากกินไปได้ไม่กี่คำ เหยียนเกอก็วางชามและตะเกียบลง ก่อนจะหันไปหาอวิ๋นซิ่วชิงแล้วพูดว่า “ชิงเหนียง เจ้าไม่อยากเรียนเรื่องการปรุงยาจากข้าหรือ?”
ทันทีที่เหยียนเกอพูดเช่นนั้น ผูเว่ยชางก็จ้องมาที่เขาเช่นกัน
แต่เหยียนเกอไม่สนใจผูเว่ยชาง เขาจ้องอวิ๋นซิ่วชิงเพื่อให้นางเป็นคนเลือก
ครั้งล่าสุด เหยียนเกอต้องการพาอวิ๋นซิ่วชิงมาที่เมือง แต่นางก็ปฏิเสธไป
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงมาถึงเมืองแล้ว เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้อวิ๋นซิ่วชิงหนีไปได้ เพราะยังมีความรู้อีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาอยากได้ข้อมูลจากนาง
อวิ๋นซิ่วชิงเองก็สบตากับเหยียนเกอ นางสังเกตได้ถึงความหลงใหลในทักษะและวิทยาการทางการแพทย์ของเขา
“ข้าเกรงว่าคราวนี้จะไม่ได้ คราวนี้ข้าเข้าเมืองมาเพื่อซื้อของสำหรับหน้าหนาว ไว้คราวหน้าแล้วกัน”
อวิ๋นซิ่วชิงวางแผนที่จะมาที่เมืองเพื่อทำธุรกิจและทำงานมากมาย จากนั้นจึงเรียนรู้ทักษะแพทย์แผนจีนอย่างจริงจัง
“ครั้งต่อไปคือเมื่อไหร่?” เหยียนเกอถามอย่างกระตือรือร้น
อวิ๋นซิ่วชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน”
“ตกลง! ชิงเหนียง ครั้งต่อไปที่เจ้ามา เจ้ามาที่โรงหมอของข้าได้ทันที ข้าจะเตรียมทุกอย่างที่เจ้าต้องการให้พร้อม”
เหยียนเกอได้ยินอวิ๋นซิ่วชิงพูดว่าจะมาที่นี่อีก เขาจึงตื่นเต้นเกินกว่าที่จะระงับตัวเองได้
“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ไว้ใจที่จะให้พ่อเฒ่าอวิ๋นอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ?” ผูเว่ยชางขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พ่อของข้าบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้” อวิ๋นซิ่วชิงอธิบายให้ผูเว่ยชางฟังสั้น ๆ เท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าโฉนดของคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋นอยู่ในมือพ่อของนาง ผูเว่ยชางไม่จำเป็นจะต้องรู้
เมื่อผูเว่ยชางได้ฟังคำพูดที่ไพเราะของอวิ๋นซิ่วชิง ดวงตาของเขาก็อ่อนแสงลง ก่อนจะหันไปทางเหยียนเกออย่างเย็นชา
ครั้นผูเว่ยชางจ้องมองเหยียนเกอ อีกฝ่ายก็ถึงกับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวและไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักพัก
อวิ๋นซิ่วชิงไม่รู้ว่านางกำลังพูดอะไรผิด นางจึงมองไปที่เหยียนเกอและผูเว่ยชางอย่างสงสัย “เจ้าสองคนเป็นอะไรไป?”
”ไม่เป็นไร” เขาพูดพร้อมกับยิ้มแห้ง
ผูเว่ยชางดื่มเหล้าโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
คราวนี้นางมั่นใจมากว่าผูเว่ยกำลังชางโกรธอยู่เป็นแน่
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นซิ่วชิงก็ต้องงงงวยอีกครั้ง ดูเหมือนว่านางไม่ได้ยั่วโมโหผูเว่ยชางสักหน่อย เขาจะโกรธอะไรขนาดนั้น!
อวิ๋นซิ่วชิงกลอกตาและพูดเบา ๆ ว่า “หัวใจของชายคนหนึ่งก็เป็นเหมือนเข็มในท้องทะเล”
…
บทที่ 134 ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครรังแกพ่อของข้า
เมื่อเห็นอวิ๋นซิ่วชิงเงียบ เหยียนเกอก็ถามขึ้น “ชิงเหนียง เจ้าเป็นคนที่มีทักษะทางการแพทย์สูง แต่ทำไมเจ้าถึงยังต้องการเรียนรู้จากข้าล่ะ? ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเจ้า เจ้าสามารถรักษาผู้คนได้เลย!”
“ไม่หรอก ข้ารู้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น อย่างที่บอกไปคราวก่อน ข้ายังจับชีพจรไม่เป็นเลย ซึ่งการจับชีพจรถือเป็นพื้นฐานแรกในการวินิจฉัยหาโรค หากวินิจฉัยโรคไม่ได้ ข้าจะรักษาผู้อื่นได้อย่างไร?!”
แท้จริงแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงอ่านหนังสือจากพื้นที่มิติส่วนตัวมาเกี่ยวกับการจับชีพจร ซึ่งทั้งหมดล้วนมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่นางก็ไม่ได้ใช้งานจริงเสียที นางจึงไม่แน่ใจเกี่ยวกับทักษะการจับชีพจรของตัวเอง
เมื่อฟังคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง เหยียนเกอก็ยิ่งสงสัย “ในเมื่อเจ้าไม่สามารถจับชีพจรได้ แล้วเจ้าล้างพิษของผูเว่ยชางได้อย่างไร?”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถล้างพิษของผูเว่ยชางได้ นางเพียงแค่ตรวจร่างกายของเขาครั้งแรกแล้วพบว่าเขาถูกยาพิษ จากนั้นจึงจ่ายยาจากโรงพยาบาลในพื้นที่มิติส่วนตัว ใครจะไปรู้ว่าจะมีปัญหาเช่นนี้ตามมาภายหลัง!
“พี่เหยียนกำลังพูดถึงข้าอีกแล้ว อย่างที่ข้าพูด ข้าจะบอกท่านเมื่อข้าเริ่มเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากท่าน!” อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกเริ่มที่จะเหงื่อตก แต่นางไม่ได้แสดงออกบนใบหน้าของตัวเอง จึงพูดติดตลกและข้ามคำถามไป
เหยียนเกอถูกขัดโดยคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิงจนถามอะไรออกมาไม่ทัน เขามีคำถามที่ต้องการถามนางอีกมาก แต่ก็ไม่สามารถถามอะไรจากนางได้เลย
เหยียนเกอรู้สึกว่ากว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะมาเรียนแพทย์ เขาก็คงนอนไม่หลับเป็นแน่!
ผูเว่ยชางที่ไม่ค่อยจะชอบหน้าเหยียนเกอ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงถามคำถามมากเกินไป เขาก็พูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนกินข้าวกันเสร็จแล้ว และตอนนี้ก็ค่ำมืดเต็มที แถมข้ายังลากเกวียนลามาทั้งวันก็รู้สึกเหนื่อยมาก แยกย้ายกันไปพักเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่อยากจะโดนอีกฝ่ายซักไซ้มากไปกว่านี้ เพราะอาจเผลอหลุดพูดถึงพื้นที่มิติส่วนตัวออกมาได้
แม้นางกับเหยียนเกอจะเป็นสหายที่ดีต่อกัน แต่หญิงสาวก็ไม่กล้าไว้ใจใคร แม้จะมีผลประโยชน์มหาศาลกองอยู่ตรงหน้าก็ตาม
“ใช่ ตอนนี้ข้าง่วงแล้ว วันนี้ข้าเดินไปเดินมาทั้งวัน” อวิ๋นซิ่วชิงเห็นพ้องกับผูเว่ยชางเป็นอย่างมากในครั้งนี้
เมื่อผูเว่ยชางได้ยินอวิ๋นซิ่วชิงเอ่ยมาเช่นนี้ ก็ชวนให้ความรู้สึกราวกับฝนตกลงบนพื้นที่อันแห้งแล้ง หัวใจของชายหนุ่มพองโตและเป็นประกายราวกับดวงดาวที่ส่องระยับบนท้องฟ้า
เหยียนเกอยังต้องการถามคำถามอื่น ๆ เกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของอวิ๋นซิ่วชิง แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งง่วงนอนและเหนื่อยล้า เขาก็มียางอายเกินกว่าจะถามอะไรต่ออีก เขาจึงรีบเรียกหาเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านรออยู่นอกประตู ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของเหยียนเกอ เขาก็รีบเข้ามาทันที
เมื่อมองไปที่เจ้าของร้านอาหาร เหยียนเกอก็อธิบายว่า “เจ้าของร้าน โปรดนำชิงเหนียงและพี่ผูไปที่ห้องพักที่ได้จัดเตรียมไว้”
เจ้าของร้านขานรับอย่างรวดเร็ว และรีบพาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปที่ห้องพัก
ห้องของอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางถูกกั้นออกจากกันด้วยกำแพง
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงกลับมาที่ห้อง ผูเว่ยชางก็เคาะประตูห้องนาง
อวิ๋นซิ่วชิงกำลังวางแผนที่จะเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัว เมื่อนางได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบเดินไปเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าเป็นผูเว่ยชาง นางจึงเชิญให้เขาเข้าไป
หลังจากที่ผูเว่ยชางเข้ามาในห้องของอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็จ้องไปที่นาง หญิงสาวจึงหันกลับมามองผูเว่ยชางด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“เจ้าเพิ่งบอกข้าเมื่อวันก่อนว่าไม่ต้องกังวลเรื่องพ่ออวิ๋น วันนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อปรึกษากับเหยียนเกอว่าจะจัดเวลาอย่างไร แต่ทำไมวันนี้เจ้าบอกว่าเจ้าจะอยู่ในเมืองแค่อีกไม่กี่วัน?”
ผูเว่ยชางกลับไปที่ห้องของเขา เมื่อเขาคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะอาศัยอยู่ในเมืองและยังไม่กลับไปที่หมู่บ้าน ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะเบา ๆ และนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ นางพูดกับผูเว่ยชางว่า “ตอนแรกข้าไม่อยากทิ้งพ่อไว้ตามลำพังในหมู่บ้าน สิ่งที่ข้ากลัวคืออวิ๋นหมิงเซียวและคนอื่น ๆ จะรังแกพ่อของข้า จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ท่านพ่อให้ข้าดูโฉนดคฤหาสน์ที่ยังอยู่ในมือของเขา”
หลังจากฟังคำอธิบายของอวิ๋นซิ่วชิง ผูเว่ยชางก็สงสัยว่า “แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับชื่อในโฉนดคฤหาสน์ของเจ้า?”
อวิ๋นซิ่วชิงเห็นว่าผูเว่ยชางดูเหมือนจะไม่อยากให้นางจากหมู่บ้านไปตอนนี้ นางจึงอธิบายให้เขาฟัง
”ตอนนี้ครอบครัวของข้าไม่มีอะไรนอกจากคฤหาสน์ อวิ๋นหมิงเซียวและเฉียวฮุ่ยโลภมากและต้องการจะครอบครองคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋น ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาจะไม่ทำร้ายท่านพ่อแน่นอน ข้าจึงสามารถออกมาได้อย่างสบายใจ”