ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 125+126 ป้ายไม้สลักชื่อไปที่โรงหมอ
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 125+126 ป้ายไม้สลักชื่อไปที่โรงหมอ
บทที่ 125 ป้ายไม้สลักชื่อ
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นซิ่วชิงก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ผูเว่ยชางเป็นเพียงคนธรรมดา ในขณะที่เล่ยถิงเป็นโจร และไม่มีคนธรรมดาที่ไหนที่จะไม่กลัวโจร
นอกจากนี้ มันคงจะดีหากผูเว่ยชางไม่ฉวยโอกาสจากอาการบาดเจ็บของเล่ยถิงเพื่อปาก้อนหินใส่ผู้คนอื่น ๆ ในเวลาที่พวกเขามีปัญหา
อวิ๋นซิ่วชิงเปิดเสื้อผ้าของเล่ยถิง ก่อนจะเทผงแก้อาการอักเสบลงบนแผลของเขาแล้วมอบขวดยาให้เขา “ข้าให้เจ้า เจ้าสามารถทามันได้วันละสองครั้งตอนเช้า และอีกหนึ่งครั้งในเวลาเย็น นอกจากนี้ ยาที่ข้าซื้อและทาให้เจ้า ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อต้มให้ในภายหลัง วันนี้เจ้าควรนอนพักก่อน พรุ่งนี้เจ้าจึงจะลุกจากเตียงได้”
ขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงพูด นางก็หยิบเหรียญทองแดงออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะน้ำชาข้างเตียง “พรุ่งนี้เจ้าจะจากไปได้ และเรามีบางอย่างที่ต้องจัดการในวันนี้ เราจะออกเดินทางกลับในช่วงบ่าย เงินเหล่านี้สามารถช่วยเจ้าเรื่องค่าอาหารและยาได้เจ็ดวัน นอกจากนี้ แผลของเจ้าจะฟื้นตัวในเจ็ดวัน เจ้าสามารถตัดด้ายได้ด้วยตัวเอง หากยังมีเลือดออกหรือเปื่อยเน่า เจ้าสามารถใช้ผงยาบางชนิดได้”
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกว่านางทำดีที่สุดแล้ว นางมีอย่างอื่นที่ต้องทำและกำลังจะจากไปหลังจากออกคำสั่งบางอย่างกับเล่ยถิง
”เดี๋ยวก่อน!” เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังจะจากไป เล่ยถิงก็รีบหยุดนาง
อวิ๋นซิ่วชิงหันหลังกลับและมองไปที่เล่ยถิงด้วยความสับสน
เล่ยถิงคลำหาอะไรบางอย่างครู่หนึ่งแล้วหยิบกระดานไม้ที่มีงูเสมือนจริงออกมา มันมีคำว่า ‘เล่ย’ แกะสลักไว้อยู่
“แม่นางอวิ๋น โปรดเก็บตราไม้นี้ไป ขอบคุณที่เจ้าช่วยข้าในวันนี้ ข้าแกะสลักเหรียญตรานี้ด้วยตัวเอง ในอนาคตหากท่านต้องการความช่วยเหลือ ให้ไปที่ป้อมปราการเฮยเฟิงที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบไมล์ ข้าจะช่วยเหลือและตอบแทนแม่นางอย่างเต็มที่”
เล่ยถิงกล่าวอย่างจริงใจ หากไม่ใช่เพราะความเมตตาของอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็คงจะตายไปแล้ว
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้ปฏิเสธ นางรับป้ายไม้มา หลังจากที่ฟังจากน้ำเสียงเล่ยถิง เขาจะต้องมีตำแหน่งใหญ่ในกลุ่มโจร มิฉะนั้นเขาจะไม่หยิ่งผยอง ทุกอย่างคาดเดาไม่ได้ ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่นางจะต้องการความช่วยเหลือจากชายคนนี้
อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวขอบคุณเล่ยถิง แล้วจากไปพร้อมกับผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่พอใจเรื่องที่เล่ยถิงเป็นชายแปลกหน้า
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ จึงทำได้แค่ยับยั้งอารมณ์ไว้
ตอนนี่เที่ยงแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงหิวจนอย่างมาก
เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม นางก็เริ่มสั่งอาหารมากมายและขอให้เสี่ยวเอ้อนำอาหารไปให้เล่ยถิง จากนั้นจึงจิบชาร้อนๆ เพื่อบรรเทาความหิวโหยของนาง
ผูเว่ยชางนั่งอยู่ตรงข้ามอวิ๋นซิ่วชิง เขาเห็นนางดูใจร้อนเพราะความหิวโหย ก่อนจะถามขึ้นว่า “อวิ๋นซิ่วชิง วันนี้เจ้าจะไปหาเหยียนเกอหรือไม่?”
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าคิดว่าเราจะกลับไปได้บ่ายวันนี้ หากเราไปที่นั่นอีกครั้ง คืนนี้เราอาจไม่สามารถกลับไปได้”
อวิ๋นซิ่วชิงยังคงลังเล นางมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องรับมือในวันนี้ เวลานั้นจะยุ่งเล็กน้อย และนางก็ได้ช่วยชีวิตเล่ยถิงที่ได้รับบาดเจ็บไว้ระหว่างทาง ดังนั้นมันจึงล่าช้าเกินไป
ผูเว่ยชางรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ “ทำไมเจ้าไม่ขอให้ใครสักคนบอกพ่อเฒ่าอวิ๋นว่าเจ้าจะกลับพรุ่งนี้ล่ะ?”
”มันง่ายสำหรับเจ้าที่จะพูดอย่างนั้น จะมีใครที่ไหนกันที่สามารถไปถึงหมู่บ้านเราได้ในตอนนี้ นอกจากนี้ข้าจะหาคนได้ที่ไหน?” อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้ว
หลังจากเห็นความวิตกกังวลของอวิ๋นซิ่วชิงมาระยะหนึ่งแล้ว ผูเว่ยชางก็พูดช้า ๆ ว่า “เหยียนเกอไม่เพียงแต่รักษาผู้ป่วยและสอนหมอในโรงหมอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพ่อค้าที่ส่งมอบวัตถุดิบยาด้วย เราสามารถไปที่นั่นเพื่อลองเสี่ยงดูได้ หากมันไม่ได้ผล เราก็สามารถเข้าเมืองได้อีกทีในวันหลัง”
ดวงตาของอวิ๋นซิ่วชิงเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เป็นความคิดที่ดี! ไปดูกันเถอะ!”
ผูเว่ยชางพอใจกับปฏิกิริยาของนาง หากที่นี่มีคนไม่มาก เขาคงจะลูบใบหน้าแป้นแล้นที่น่ารักของนางตรงนี้แล้ว!
ขณะนั้นอาหารของพวกเขาก็มาถึงแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงรีบหยิบอาหารให้ผูเว่ยชางและพูดว่า “กิน! กิน! แล้วเดี๋ยวเราจะรีบไปหาเหยียนเกอกัน!”
…
บทที่ 126 ไปที่โรงหมอ
เมื่อมองหมูทอดที่มีต้นหอมในชามของตัวเอง ผูเว่ยชางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบกินอะไรอย่างเช่นต้นหอม ขิง และกระเทียม
ไม่ใช่เพราะไม่ชอบรสชาติ แต่เป็นเพราะนิสัยของเขา รสชาติของต้นหอม ขิง และกระเทียมนั้นแรงเกินไป
อวิ๋นซิ่วชิงคีบข้าวใส่ปาก ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นก็เห็นผูเว่ยชางที่อยู่ตรงข้ามกับนางมีสีหน้างุนงงและไม่ยอมกินอะไรเลย
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วและถามว่า “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ผูเว่ยชาง? กินเร็ว!”
ผูเว่ยชางเงยหน้าขึ้นมองแก้มที่ตอนนี้กำลังอวบอ้วนของอวิ๋นซิ่วชิง ดูเหมือนกระต่ายน่ารักกำลังกินหัวไชเท้า
ชายหนุ่มไม่คิดต่อต้านอวิ๋นซิ่วชิง เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกินต้นหอมสีเขียวและเนื้อ
เมื่อเห็นว่าผูเว่ยชางใส่ต้นหอมและเนื้อเข้าไปในปาก อวิ๋นซิ่วชิงจึงคิดว่าเขาชอบมัน นางจึงรีบคีบต้นหอมและเนื้อเกือบทั้งหมดบนโต๊ะให้เขาอีก
ผูเว่ยชางไม่ต้องการเปิดปากของตัวเองหลังจากที่กินต้นหอมสับและเนื้อทั้งหมด เขากลัวว่ากลิ่นของมันที่อยู่ในปากของเขาจะทำให้ตัวเองป่วย
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงอิ่มแล้ว นางก็เรอออกมาและลูบท้องตัวเองอย่างสบายอารมณ์
จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ผูเว่ยชาง ไปกันเถอะ”
ผูเว่ยชางพยักหน้าพร้อมขมวดคิ้วก่อนจะยืนขึ้น อวิ๋นซิ่วชิงสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเขา นางจึงมองเขาขึ้น ๆ ลง ๆ
และในที่สุดก็รู้ว่ามีอะไรผิดปกติกับเขา!
อวิ๋นซิ่วชิงเดินไปจ่ายเงินกลับมาพร้อมถั่วลิสง นางมอบถั่วลิสงให้ผูเว่ยชางและพูดว่า “กินถั่วลิสงเข้าไป และจำไว้ว่าให้เคี้ยวนาน ๆ”
ผูเว่ยชางหยิบถั่วลิสงสองสามเม็ดมากินด้วยความไม่แน่ใจ แต่ไม่มีรสชาติใด ๆ ในปากของเขา
”ขอบคุณ” ผูเว่ยชางกล่าว
อวิ๋นซิ่วชิงโบกมืออย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไรจะต้องขอบคุณ ไปกันเถอะ”
การเดินทางไปหาเหยียนเกอด้วยเกวียนลานั้นดูจะช้าเกินไป อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางจึงเช่าเกวียนอื่นด้วยเหรียญทองแดงสองเหรียญ และไปที่โรงหมอทันที
นี่เป็นครั้งที่สองที่อวิ๋นซิ่วชิงไปโรงหมอของเหยียนเกอ คราวนี้มันแตกต่างจากครั้งที่แล้วโดยสิ้นเชิง
พวกเขาจำได้ว่าคราวนั้นที่มาที่นี่ไม่มีใครสนใจนางและผูเว่ยชาง หรือแม้แต่บางคนก็ยังพูดประชดประชัน คราวนี้ทันทีที่ทั้งสองคนเข้ามาในโรงหมอ ผู้ช่วยโรงหมอก็เข้ามาทักทายพวกเขา
”แม่นางกับคุณชายมาซื้อยาหรือมาหาหมอขอรับ?” ผู้ช่วยโรงหมอถามอย่างสุภาพ
”เรามาที่นี่เพื่อพบเจ้านายของเจ้า เหยียนเกอ” ผูเว่ยชางยืนอยู่ข้างหลังนาง เขากลัวว่าจะได้พบกับคนเดียวกันกับเมื่อครั้งที่แล้ว
ผู้ช่วยโรงหมอตกตะลึงและขมวดคิ้ว “คุณชาย ข้าเป็นเพียงผู้ช่วย ข้าไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ข้าคงต้องเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน”
”ตกลง ไปเถอะ” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้ช่วยโรงหมอพยักหน้าและถามเจ้าของร้านที่ยังยุ่งอยู่ว่า “มีชายหญิงคู่หนึ่งข้างนอก และพวกเขาบอกว่าต้องการพบท่านเหยียน”
เจ้าของร้านขมวดคิ้ว เจ้านายของเขาไม่ใช่ใครที่จะสามารถพบได้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองทำผิดเหมือนครั้งที่แล้ว เขาจึงถามว่า “สองคนนั้นอยู่ที่ไหน?”
ผู้ช่วยโรงหมอชี้ไปที่อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางทันที
ครั้นมองไปตามทิศทางดังกล่าว เจ้าของร้านก็จำได้ทันทีว่าทั้งสองคนนี้ได้รับการรับรองอย่างดีที่โรงหมอของพวกเขา
คนงานคนก่อนนั้นประพฤติตัวไม่สุภาพกับทั้งสอง ซึ่งทำให้เจ้านายของพวกเขาโกรธและไล่คนงานคนนั้นออกทันที
เจ้าของร้านจำอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงไปทักทายคนทั้งคู่ “สวัสดีท่านทั้งสอง ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง”
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าอย่างสุภาพให้เจ้าของร้าน และถามว่า “เจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
”เขาอยู่ในห้องปีกบน ข้าจะพาไปเอง” เจ้าของร้านพูดอย่างกระตือรือร้น
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าตอบรับ เจ้าของร้านจึงพาอวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางไปที่ห้องปีกบนชั้นสอง