ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 121+122 เพราะข้ามีเจ้า ข้าถึงกล้าช่วยเขาเล่นละคร
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 121+122 เพราะข้ามีเจ้า ข้าถึงกล้าช่วยเขาเล่นละคร
บทที่ 121 เพราะข้ามีเจ้า ข้าถึงกล้าช่วยเขา
อวิ๋นซิ่วชิงหยิบเสื้อจากมือของผูเว่ยชาง ก่อนจะฉีกเป็นแถบผ้ากว้างประมาณสามนิ้วด้วยสีหน้าเฉยเมย “หากไม่ให้ข้าฉีกเสื้อของเขาเพื่อพันแผล เจ้าจะถอดผ้าของเจ้าเองไหม?”
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงให้คำตอบ ผูเว่ยชางถึงกับพูดไม่ออกทันที เขาพ่นลมหายใจและยืนข้างนางอย่างเงียบ ๆ แต่ดวงตาคมกริบของเขาก็จับจ้องการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของนาง
อวิ๋นซิ่วชิงหยิบผ้าสีแดงออกจากร่างกายของชายคนนั้น และพันแผลที่เปื้อนเลือดไว้ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว นางก็เหนื่อยมากจนเหงื่อออก
”ผูเว่ยชาง พาเขาขึ้นไปที่เกวียนลา” อวิ๋นซิ่วชิงลุกขึ้นยืนและเท้าเอว
เมื่อได้ยินว่าให้เอาโจรขึ้นเกวียนลา ผูเว่ยชางก็ขมวดคิ้วและถามว่า “เจ้าจะพาเขาเข้าไปในเมืองไหม?”
“ใช่ ข้าจะรักษาเขาได้อย่างไรหากไม่พาเขาไปที่เมือง” อวิ๋นซิ่วชิงมองไปที่ผูเว่ยชางเหมือนเขาเป็นคนงี่เง่า
ผูเว่ยชางจึงใช้มือลูบหน้าและพูดว่า “เมื่อเราเข้าไปในเมือง เหล่าทหารรักษาการณ์จะสืบสวน เขาเป็นโจรแถมยังได้รับบาดเจ็บ เราไม่สามารถเข้าไปในประตูเมืองกับเขาได้”
”ข้ามีความคิด เจ้าพาเขาเข้าไปในเกวียนลาก่อน” อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างใจเย็น
ผูเว่ยชางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำตามที่นางสั่งแต่โดยดี เพราะหญิงสาวช่างดื้อรั้นมาก
ผูเว่ยชางหิ้วชายชุดดำขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง แล้ววางร่างของเขาลงบนเกวียน
อวิ๋นซิ่วชิงกลัวว่าเลือดของชายชุดดำจะทำให้เกวียนลาสกปรก นางจึงเก็บหญ้าออกมา และขอให้ผูเว่ยชางยกก้นของชายคนนั้นขึ้นมาเพื่อที่นางจะได้จัดที่นั่งให้ชายที่ได้รับบาดเจ็บ
ขณะนั้นเองที่อวิ๋นซิ่วชิงบังเอิญสัมผัสหญ้าระหว่างขาของชายชุดดำพร้อมกับหญ้าสีเหลืองอ่อน ใบหน้าของนางก็ถึงกับขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความอาย
อวิ๋นซิ่วชิงโยนเสื้อเปื้อนเลือดและปรบมือขึ้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ไปกันเถอะ”
ผูเว่ยชางมองชายชุดดำในเกวียนลาอย่างไร้อารมณ์ เขานั่งข้างหน้า ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงนั่งข้าง ๆ เขา จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มบังคับเกวียนลาเดินทางต่อไป
”อวิ๋นซิ่วชิง บาดแผลของเขายังคงเปิดอยู่ เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะสามารถเข้าเมืองด้วยวิธีนี้?” ผูเว่ยชางถามอย่างจริงจัง
”ไม่ต้องห่วง เมื่อเรามาถึงประตูเมือง เจ้าสามารถเรียกข้าได้ ข้าสัญญาว่าเราจะสามารถเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย” อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างใจเย็น
ผูเว่ยชางสงสัยเรื่องนี้
เขาและอวิ๋นซิ่วชิงเดินทางมาโดยไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมายหรือน่าสงสัย แต่ชายชุดดำไม่มีอะไรแม้แต่จะปกปิดบาดแผลของเขา ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าพวกเขาจะเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย
ผูเว่ยชางมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาและพูดว่า “ไม่เป็นไร เมื่อเรามาถึงประตูเมือง ก็แค่ให้ชุ่ยยี่แจ้งเราก่อน”
ขณะนั้นเอง อวิ๋นซิ่วชิงสังเกตเห็นว่าผูเว่ยชางกำลังจ้องมองอะไรบางอย่าง นางจึงหันไปถามว่า “เจ้ากำลังมองอะไรอยู่?”
เขากระแอมไออย่างงุ่มง่ามและพูดว่า “ไม่มีอะไรเลย ข้าแค่อยากจะถามเจ้าว่า หากเขาตื่นขึ้นมาและต้องการฆ่าเจ้าล่ะ? อย่างไรเขาก็เป็นโจร และโจรสามารถฆ่าคนจำนวนมากได้โดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ”
”ข้าก็ยังมีเจ้า” อวิ๋นซิ่วชิงกะพริบตาให้ผูเว่ยชาง “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะปกป้องข้า”
คำพูดของอวิ๋นซิ่วชิงทำให้ผูเว่ยชางพอใจอย่างมาก เขาถึงกับหลุดยิ้มออกมา
ชายหนุ่มรู้สึกว่าการช่วยโจรคนนี้ก็อาจไม่ใช่เรื่องแย่นัก
อวิ๋นซิ่วชิงมองเขาด้วยความสับสน นางไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติกับผู้ชายคนนี้ เมื่อครู่ผูเว่ยชางเพิ่งจะมีสีหน้าเคร่งเครียดแท้ ๆ แต่ตอนนี้เขากลับยิ้มออกมาหน้าตาเฉย
”ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะปกป้องเจ้า?” ผูเว่ยชางต้องการได้ยินคำพูดดี ๆ จากอวิ๋นซิ่วชิงอีกครั้ง จึงถามต่อไป
อวิ๋นซิ่วชิงกลอกตาใส่เขาที่ถามอะไรแปลก ๆ
”ทำไมเจ้าถึงโง่จัง? นั่นเพราะเจ้าเก่งเรื่องการต่อสู้มาก และชายคนนี้ก็ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ หากเขาคิดจะทำร้ายข้าหลังฟื้นขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ นอกจากนี้ หากไม่มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าก็ไม่กล้าช่วยเจ้าหรอก”
อวิ๋นซิ่วชิงได้คำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนที่นางจะช่วยชีวิตชายคนนี้ แม้ว่านางจะใจดี แต่ชายชุดดำก็ยังเป็นโจรอยู่ดี หากไม่มีผูเว่ยชางมาด้วย นางก็ไม่กล้าช่วยชายคนนี้เหมือนกัน
…
บทที่ 122 เล่นละคร
หลังจากได้ยินสิ่งที่อวิ๋นซิ่วชิงพูด ผูเว่ยชางก็รู้สึกถึงการได้รับคำชมจากคนที่เขารัก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกเช่นนั้น และในที่สุด เขาก็รู้ว่าการได้รับคำชมจากหญิงที่ตนพอใจนั้นมันทำให้รู้สึกดีเพียงใด
เมื่อเห็นว่าผูเว่ยชางก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร อวิ๋นซิ่วชิงก็ยิ้มและถามด้วยความสับสนว่า “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ผูเว่ยชาง?”
ผูเว่ยชางตื่นจากภวังค์และตอบว่า “ไม่มีอะไร”
นางมองไปที่ผูเว่ยชางอย่างสงสัย
ในขณะที่เขากำลังกลัวว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเรื่อง “อวิ๋นซิ่วชิง ข้าคิดว่าเจ้าพันผ้าพันแผลให้โจรอย่างเรียบร้อยแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังต้องกังวลเรื่องเขาอีก”
“เพราะข้ามีทักษะทางการแพทย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เห็นแบบนี้ข้ายังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมาก แต่เหยียนเกอมีทักษะ ความรู้และประสบการณ์ที่มากกว่าข้า ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังต้องการรักษาและช่วยชีวิตผู้อื่นในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นข้าจะต้องขยันเรียนรู้ให้เร็วที่สุดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แม้จะไม่ใช่กับเหยียนเกอ ข้าก็ต้องเรียนรู้จากแพทย์คนอื่นด้วย”
อวิ๋นซิ่วชิงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ทว่านางลืมไปว่าก่อนหน้านี้กำลังจะถามเรื่องที่นางสงสัยในท่าทีของชายหนุ่ม
ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงคุยกันตลอดทาง
เมื่อพวกเขากำลังจะไปถึงประตูเมือง พวกเขาก็หยุดเกวียนลา หกลี้*[1] ต่อมาชายชุดดำยังอยู่ในอาการสาหัส
ผูเว่ยชางแทบอยากจะอาเจียนเป็นเลือด เมื่อเห็นอวิ๋นซิ่วชิงเอาเบาะรองนั่งที่เขาทำขึ้นไปวางไว้บนร่างของโจร มันเป็นหนังที่นุ่มที่สุด เขาเลือกมันเป็นพิเศษสำหรับอวิ๋นซิ่วชิง
หลังจากที่ได้อำพรางชายคนนั้นไว้ในชุดดำ อวิ๋นซิ่วชิงก็หันกลับมาเห็นใบหน้าที่มืดมนของผูเว่ยชาง
นางตบแขนเขาและปลอบโยนว่า “อย่าโกรธไปเลย ไว้ข้าจะเลี้ยงอาหารเย็นเจ้านะ”
“เจ้าเอ่ยปากชวนข้าไปกินอาหารเย็นหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นได้ไปสักครั้ง ยกเว้นตอนที่เกิดเรื่องวุ่นวายคราวนั้น”
ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี อวิ๋นซิ่วชิงจึงได้แต่เกาจมูกและพูดว่า “คราวนี้ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าให้ดี หลังจากที่เรากลับไป ข้าจะทำอาหารให้เจ้าเอง”
ผูเว่ยชางเงยหน้าขึ้น และถามอย่างสงสัยว่า “จริงหรือ?”
“จริงสิ ข้าจะเลี้ยงอาหารเย็นเจ้าทันทีที่กลับไป แล้วไปบ้านเจ้า ดีไหม?”อวิ๋นซิ่วชิงตบหน้าอกเพื่อให้สัญญากับเขา
ผูเว่ยชางกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไว้ “ตกลง”
เมื่อผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงมาถึงประตูเมืองก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว อีกทั้งยังเป็นเวลาเที่ยงของฤดูหนาวนี้ ผู้คนจึงมักจะขี้เกียจและเลือกอยู่แต่ในบ้านมากกว่าจะออกมาเดินข้างนอก แม้แต่ยามเฝ้าประตูเมืองก็เช่นกัน
ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงประตู ยามที่มีอยู่น้อยเต็มทีก็หยุดพวกเขาและถามว่า “มีอะไรในเกวียนของเจ้า?”
โดยไม่ต้องรอคำตอบจากผูเว่ยชาง อวิ๋นซิ่วชิงเดินขึ้นไปหายามและพูดคุยกับเขาว่า “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของข้า วันนี้เขาเหมือนจะไม่ปกติ และเขาก็หมดสติไป พวกท่านดูสิ ลูกพี่ลูกน้องของข้ามีอาการฉี่เป็นเลือด ป้าของข้าขอให้เราพาเขาเข้าไปในเมืองเพื่อรักษา”
เมื่อยามได้ยินว่าคนบนรถเข็นกำลังป่วย เขาก็ตกใจและถอยออกมา
อวิ๋นซิ่วชิงรีบดึงยามไปที่หน้าเกวียนเพื่อให้เขาได้ดูชัด ๆ ทว่าเขากลับรีบโบกมือและพูดว่า “เอาล่ะ ๆ พวกเจ้าไปหาหมอเถอะ”
”ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านช่างเป็นคนดีนัก” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวจบก็ขึ้นเกวียนลา
ผูเว่ยชางจึงขับเกวียนลาเข้าไปในเมืองอย่างราบรื่น
”เป็นยังไงบ้าง พวกเราเข้ามาได้แล้วหรือยัง?” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อมองดูใบหน้าที่เบิกบานของนาง ผูเว่ยชางก็หัวเราะ “เจ้ายอดเยี่ยมมาก!”
เมื่อได้ยินคำสรรเสริญ อวิ๋นซิ่วชิงก็ปิดปากและหัวเราะออกมา
ผูเว่ยชางนึกถึงท่าทางประจบสอพลอของนางจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ เขาก็ได้แต่หัวเราะลั่น
น่ารักจริง ๆ นางสามารถแกล้งทำทีเป็นใครก็ได้! แถมเล่นละครได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย!
”เจ้าไม่เข้าใจ ข้าแค่พูดเรื่องไร้สาระ หากข้าทำธุรกิจในอนาคต ข้าต้องเรียนรู้สิ่งนี้ก่อน”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างจริงจัง
[1] 3 กิโลเมตร