ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 117+118 กะหล่ำปลีเริ่มงอกแล้ว!เข้าเมืองอีกครั้ง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 117+118 กะหล่ำปลีเริ่มงอกแล้ว!เข้าเมืองอีกครั้ง
บทที่ 117 กะหล่ำปลีเริ่มงอกแล้ว!
หลังจากปิดประตูแล้ว พ่อเฒ่าอวิ๋นก็หยิบกล่องไม้สีดำออกมาจากใต้เตียงและมอบให้อวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงเปิดกล่องไม้สีดำและมีเพียงกระดาษสีเหลืองอยู่ในนั้น หญิงสาวพบว่ามันเป็นโฉนดที่ดินที่มีตราประทับอย่างเป็นทางการ
”เจ้าจะยังคิดว่าพ่อโกหกอยู่ไหม?” พ่อเฒ่าอวิ๋นถามด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและคืนโฉนดให้พ่อเฒ่าอวิ๋น “ท่านพ่อ ท่านควรรักษาโฉนดที่ดินนี้ให้ดี”
หลังจากเก็บโฉนดแล้ว พ่อเฒ่าอวิ๋นก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเขาจะไม่พบมัน”
”ชิงเหนียง คราวนี้โล่งใจแล้วใช่ไหม?” พ่อเฒ่าอวิ๋นถามลูกสาว
”ใช่ ข้าโล่งใจ แต่ข้าก็ยังต้องระวังอยู่ดี ท่านพ่อ ข้าจะไม่บอกใคร ข้าจะกลับไปที่ห้องเพื่อเก็บของของข้า” พูดจบ นางก็วิ่งออกจากห้องของพ่อเฒ่าอวิ๋น
พ่อเฒ่าอวิ๋นรู้สึกมีความหวัง วันพรุ่งนี้ เขาจะต้องไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน และตัดสินใจเลือกที่อยู่ใหม่ให้นางหลังจากที่นางกลับมาจากเมืองแล้ว
หลังจากกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะออกไปข้างนอกแต่อย่างใด นางลงมือจัดสัมภาระของตัวเองเพื่อเตรียมตัวเข้าเมือง
นางอยากออกจากคฤหาสน์นี้เพื่อพบกับอิสระข้างนอก แต่นางก็ยังเป็นห่วงว่าพ่อของนางจะถูกคนในบ้านนี้รังแก แต่ในที่สุดผู้เป็นพ่อก็แสดงให้เห็นว่าเขามีโฉนดคฤหาสน์อยู่กับตัว ดังนั้นพวกแม่ของนางย่อมไม่กล้ารังแกเขาแน่ และจะไม่มีใครระรานเขาได้
แต่นางก็ยังคงลังเล เพราะแม้ว่าตอนนี้นางจะออกไปคนเดียว แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร การเรียนแพทย์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในสองหรือสามวัน นางไม่สามารถพึ่งพาทักษะทางการแพทย์อย่างเดียวได้ นางจึงต้องคิดอย่างรอบคอบ
ในฐานะคนที่เดินทางผ่านกาลเวลา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้นางยังคงวิตกจนถึงตอนนี้ เพราะนางเองก็มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ทุกสิ่ง
ทว่าอวิ๋นซิ่วชิงคิดว่าการยอมแพ้นั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก หากนางยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แล้วต่อไปนางจะทำอะไรได้อีก?
อวิ๋นซิ่วชิงใช้เวลาครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หัวก็ยิ่งปวดมากขึ้นเท่านั้น นางจึงหลับตาลงและเข้าไปในพื้นที่มิติส่วนตัว
อากาศในมิติส่วนตัวให้ความรู้สึกสดชื่น อวิ๋นซิ่วชิงหายใจเข้าลึกและรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางไปที่เชิงเขาซึ่งมีน้ำพุแห่งจิตวิญญาณเพื่อดูผักที่ตัวเองปลูก กะหล่ำปลีที่นางปลูกได้เติบโตขึ้นแล้ว มันมีสีเขียวและดูน่าอร่อย
อวิ๋นซิ่วชิงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาทันที นางสามารถปลูกผักในพื้นที่และขายได้ กะหล่ำปลีสามารถรับประทานได้ภายในสามวัน ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ดังนั้นนางจะต้องปลูกและขายได้ในราคาที่ดีแน่
แต่หากมีคนถามนางว่านำมาจากไหนล่ะ?
อวิ๋นซิ่วชิงขมวดคิ้วและรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง นางปีนขึ้นไปบนภูเขาและล้างหน้าด้วยน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ
หลังจากล้างหน้าแล้ว อาการปวดหัวก็ทุเลาลง ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่านางสามารถเปิดร้านอาหารและปรุงอาหารด้วยสูตรอาหารของตัวเอง
ครั้นนึกถึงเงินในกระเป๋าของนาง อวิ๋นซิ่วชิงก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อนางทำเงินได้เพียงพอแล้ว นางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดแคลนอาหารอีกในอนาคต และในเวลานั้นนางจะศึกษาทักษะทางการแพทย์เพื่อเป็นหมอ!
อาชีพนี้ช่างยิ่งใหญ่และมีเกียรติทั้งในยุคปัจจุบันและยุคโบราณ
เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงออกมาจากพื้นที่มิติส่วนตัว นางก็ได้ยินเสียงพ่อของนางเคาะประตู อวิ๋นซิ่วชิงรีบเปิดประตูและถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือท่านพ่อ?”
พ่อเฒ่าอวิ๋นกวาดสายตามองนางขึ้น ๆ ลง ๆ หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าอวิ๋นซิ่วชิงสบายดี เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เจ้าทำอะไรอยู่? ข้าเรียกตั้งนานทำไมเจ้าไม่ตอบเลย?”
”เมื่อครู่ข้านอนหลับสนิทเกินไป ก็เลยไม่ได้ยินเสียงท่าน” อวิ๋นซิ่วชิงตอบอย่างรีบร้อน นางมัวแต่ซึมซับการอ่านหนังสือทางการแพทย์มากจนลืมเวลาไปเสียหมดสิ้น
”เจ้าทำให้ข้ากลัว ข้าคิดว่าเจ้าป่วย” พ่อเฒ่าอวิ๋นยังคงบ่นด้วยความห่วงใย ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นกระถางดอกไม้มากมายในห้องของนาง เขาจึงถามด้วยความสับสนว่า “ชิงเหนียง ทำไมถึงมีกระถางดอกไม้มากมายในห้องของเจ้า”
อวิ๋นซิ่วชิงรีบเปิดประตูให้พ่อของนางและพูดว่า “ข้าปลูกกะหล่ำปลีไว้ในกระถางดอกไม้ ข้าไม่รู้ว่าพวกมันจะขึ้นมาได้หรือไม่?”
พ่อเฒ่าอวิ๋นเดินเข้ามาและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “มันงอกแล้ว!”
…
บทที่ 118 เข้าเมืองอีกครั้ง
ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อ นางก็รีบเข้าไปดูที่กระถางทันที นางพบว่ามีกะหล่ำปลีอยู่ในกระถางดอกไม้และมันงอกออกมาเล็กน้อย
อวิ๋นซิ่วชิงสับสนยิ่งนัก มันงอกเร็วเกินไป! นางเพิ่งปลูกเมื่อวานนี้เองนะ!
ใช้เวลาหนึ่งวัน กว่ากะหล่ำปลีในพื้นที่มิติส่วนตัวจะแตกหน่อและเป็นสีเขียว ดังนั้นมันจึงใช้เวลานานกว่ากะหล่ำปลีในกระถางดอกไม้นี้มาก หรือบางทีน้ำพุแห่งจิตวิญญาณอาจได้ผล กะหล่ำปลีจึงแตกหน่อออกมาได้เร็วขนาดนี้!
อวิ๋นซิ่วชิงใส่ดินลงในกระถางดอกไม้อีกครั้ง นางโยนเมล็ดสามเมล็ดลงไปในกระถางเดียว แม้ว่าจะเป็นเพียงการปลูกครั้งแรก แต่นางก็มีความสุขมาก
”ข้าไม่คิดว่าเมล็ดจะงอกในช่วงเวลานี้ของปี” พ่อเฒ่าอวิ๋นส่ายหัวด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่าเขาทำอาหารไว้ให้อวิ๋นซิ่วชิง “ชิงเหนียง ไปกินอาหารเถอะ ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว…”
อวิ๋นซิ่วชิงเพิ่งสังเกตดูเวลาให้ชัดเจนก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
วันนี้พ่อเฒ่าอวิ๋นทำอาหารสี่จานและน้ำแกงหนึ่งอย่างให้นาง แต่ละอย่างมีเนื้ออยู่ในนั้น
เมื่อมองไปที่เนื้อในจาน อวิ๋นซิ่วชิงก็อดไม่ได้ที่จะหยิกใบหน้าอวบอ้วนของตัวเอง โชคดีที่นางดื่มน้ำพุแห่งจิตวิญญาณทุกวัน ไม่เช่นนั้นนางคงจะดูผอมลงเร็วมากจนผิดปกติ
”ดูเจ้าสิ เจ้าผอมลงไปมากแล้ว รีบไปกินข้าวกันเลย” พ่อเฒ่าอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองนางและขมวดคิ้ว
”ท่านพ่อ ข้าอ้วนเหมือนหมู ใครจะกล้ามาสู่ขอข้าไปแต่งงานออกเรือน?” อวิ๋นซิ่วชิงไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เมื่อได้ยินพ่อของนางบอกว่านางผอมลง
”นั่นเป็นเพราะพวกเขาตาบอด ลูกสาวของข้าเป็นผู้หญิงที่ดี คนที่คู่ควรกับลูกสาวของข้าย่อมต้องเป็นชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว” ในสายตาของพ่อเฒ่าอวิ๋น อวิ๋นซิ่วชิงเป็นลูกสาวที่ยอดเยี่ยมเสมอ
พ่อเฒ่าอวิ๋นมั่นใจเกินไป แต่เมื่ออวิ๋นซิ่วชิงได้ยินสิ่งนี้ นางก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะอย่างน้อยก็มีพ่อของนางที่มองว่านางนั้นดีที่สุด
หลังอาหารเย็น อวิ๋นซิ่วชิงและพ่อของนางก็เดินออกจากบ้าน และเห็นว่าอวิ๋นหมิงเซียวพาชายแปลกหน้าไปที่ลานด้านข้าง นางจึงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย และเดินตามพวกเขาไป
อวิ๋นซิ่วชิงหยุดที่ประตูสนาม นางเห็นว่าอวิ๋นหมิงเซียวพาชายร่างใหญ่ไปที่ห้องครัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงเทน้ำ
อวิ๋นซิ่วชิงขบริมฝีปากอยากขุ่นเคือง เฉียวฮุ่ยไม่ได้อยู่ที่นี่ในสองวันนี้ หญิงสาวจึงไม่รู้ว่านางรวยไปถึงไหนแล้วเพราะถึงกับต้องจ้างพ่อครัว!
อวิ๋นซิ่วชิงเหลือบมองไปที่ห้องครัวและกำลังจะกลับไปที่ห้องของนาง
เมื่อหญิงสาวหันหลังกลับ นางก็ได้ยินฮูหยินอวิ๋นวิ่งไปที่ห้องครัวและตะโกนใส่ลูกชายและพ่อครัว
อวิ๋นซิ่วชิงยักไหล่และเดินจากไป เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของนาง
หลังจากกลับมาที่ห้อง อวิ๋นซิ่วชิงก็พลิกกระถางดอกไม้ทั้งยี่สิบใบ มีสามกระถางที่ยังไม่งอก อีกสองกระถางกำลังแตกหน่อ ส่วนกระถางที่เหลือก็งอกออกมาหมดแล้ว
ตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงมีข้ออ้างในการขายผักในเมืองโดยไม่ให้คนสงสัยถึงที่มาของผักแล้ว!
อวิ๋นซิ่วชิงถึงกับตื่นเต้น ช่วงเวลาทั้งวันนี้จึงผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นของนาง
วันต่อมา อวิ๋นซิ่วชิงตื่นแต่เช้า ส่วนพ่อของนางก็ตื่นเร็วกว่านาง คราวนี้พ่อเฒ่าอวิ๋นทำขนมปังนึ่งยัดไส้ให้นาง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับใบหน้าของนาง
เขาทำขนมปังนึ่งทั้งหมดสองชิ้น เพราะอีกชิ้นหนึ่งสำหรับผูเว่ยชาง
อวิ๋นซิ่วชิงไม่เอาอะไรเลยนอกจากขนมปังนึ่งยัดไส้สองชิ้น ก่อนจะไปพบกับผูเว่ยชางที่รออยู่ทางเข้าหมู่บ้าน
ผูเว่ยชางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านในตอนเช้า และรอให้อวิ๋นซิ่วชิงออกมา เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นเสื้อผ้าบาง ๆ ของอวิ๋นซิ่วชิง
เขาขมวดคิ้วและถามว่า “อวิ๋นซิ่วชิง ทำไมเจ้าถึงใส่เสื้อผ้าบางเช่นนี้?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นซิ่วชิงก็ยกมือสัมผัสใบหน้าของตัวเอง “ข้าไม่หนาว ข้าใส่เสื้อผ้าที่เป็นผ้าฝ้ายสองชุด” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวขณะยื่นขนมปังยัดไส้ให้เขา
จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เขา ผูเว่ยชางจึงเอาเบาะขนสัตว์ออกมา เพราะกลัวว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะรู้สึกเจ็บเมื่อนั่งอยู่บนเกวียน
นางมองลงไปยังเบาะรองนั่งที่ก้นของตัวเอง ก่อนจะหันหลังกลับและพูดกับผูเว่ยชางด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณ”
ผูเว่ยชางยกขนมปังในมือขึ้นและตอบกลับไปว่า “ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้าด้วย”
หลังจากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมา
เมื่อผูเว่ยชางเริ่มบังคับเกวียนลาออกไป อวิ๋นซิ่วชิงก็หันหน้าไปมองทางเข้าหมู่บ้านพลางกัดขนมปังในมือ
พ่อเฒ่าอวิ๋นออกมาส่งนาง และตอนนี้เขาก็อยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน