ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 111+112 แผนการร้ายของเฉียวฮุ่ยเสแสร้งสำออย
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 111+112 แผนการร้ายของเฉียวฮุ่ยเสแสร้งสำออย
บทที่ 111 แผนการร้ายของเฉียวฮุ่ย
เมื่อเฉียวฮุ่ยเลือกที่จะเดินตามทางที่ตัวเองต้องการ นางจางจึงติดต่อกับเศรษฐีหวัง ซึ่งเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยและแอบพึงใจลูกสาวนางมาโดยตลอด ทันทีที่เขาติดต่อมาเพียงไม่ถึงชั่วยาม เศรษฐีหวังก็มาหาถึงที่
เฉียวฮุ่ยและเศรษฐีหวังนอนเกลือกกลิ้งใต้ผ้าห่มด้วยกันทั้งคืน และเศรษฐีหวังก็ปรนเปรอเงินและสมบัติหลายอย่างให้เฉียวฮุ่ยอย่างดี จากนั้นนางก็พูดกับเศรษฐีหวังว่า ตอนที่นางอยู่กับอวิ๋นหมิงเซียว นางลำบากและโดนรังแกมากมายเพียงใด นั่นจึงทำให้เศรษฐีหวังเสนอตัวล้างแค้นให้นางทันที
เฉียวฮุ่ยได้วางแผนที่จะเอาคืนอวิ๋นหมิงเซียว แต่นางไม่คาดคิดว่าอวิ๋นหมิงเซียวจะมาหานางด้วยตัวเองในวันถัดมา เศรษฐีหวังได้จัดการทุบตีอวิ๋นหมิงเซียว และนั่นทำให้อดีตสามีของนางขอร้องให้เฉียวฮุ่ยช่วยชีวิตเขา โดยเสนอตัวยินยอมที่จะเชื่อฟังและรับใช้นางทุกอย่างเพราะกลัวตาย
เฉียวฮุ่ยกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลอวิ๋นไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพราะนางหมายตาคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋น
นางอาศัยอยู่ที่นี่มาสองสามปีแล้ว และในที่สุดนางก็เป็นอิสระ นางไม่ได้ต้องการคืนดีกับอวิ๋นหมิงเซียว แต่นางต้องการยึดคฤหาสน์แห่งนี้ไว้ในมือ และดูท่าเศรษฐีหวังจะสนใจซื้อมันทันทีหากนางต้องการ
อวิ๋นซิ่วชิงประคองผู้เป็นพ่อกลับไปที่ลานบ้านใกล้ห้องของเขา เมื่อเห็นใบหน้าของพ่อตัวเองซีดเซียว นางก็ถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”
พ่อเฒ่าอวิ๋นถอนหายใจ “ชิงเหนียง ข้าทำอะไรผิดหรือเปล่า?”
“ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดเรื่องไร้สาระ” หญิงสาวขมวดคิ้ว นางกลัวว่าพ่อตัวเองจะคิดมากจนโทษตัวเองในเรื่องวุ่นวายที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นเสียด้วยซ้ำ
พ่อเฒ่าอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองลูกสาวและคิดอะไรบางอย่าง
ตัวเขาเองก็ถึงวัยไม้ใกล้ฝั่งแล้ว แต่อวิ๋นซิ่วชิงนั้นไม่ใช่ เขาจึงไม่สามารถปล่อยให้ลูกสาวตัวเองต้องทนอยู่แบบนี้ได้ เขาต้องหาที่ทางให้นางโดยเร็วที่สุด
“ชิงเหนียง เจ้าไม่ได้บอกว่ากำลังจะเข้าเมืองหรือ? เจ้าจะเข้าเมืองตอนไหน?” พ่อเฒ่าอวิ๋นถามขึ้น
“อีกสองสามวันข้าถึงจะเข้าเมือง แต่พวกเขากลับมาแล้วแบบนี้ข้าก็นึกเป็นห่วงท่าน ท่านพ่อ ทำไมท่านไม่ไปกับข้าล่ะ?” อวิ๋นซิ่วชิงกลัวว่าหากนางเข้าเมือง พวกเขาจะรังแกพ่อของนาง
“ชิงเหนียง เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้ายังเป็นคนคุมทุกอย่างในคฤหาสน์นี้อยู่ และข้ายังมีอาหารทั้งหมดที่เจ้าทำไว้ให้ข้า ดังนั้นข้าไม่หนาวหรืออดตายหรอก เจ้าจะห่วงข้าทำไม?” พ่อเฒ่าอวิ๋นอธิบาย
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะและวางแผนไว้ในใจ นางจะไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านและเช่าเกวียนสำหรับเดินทาง หากเดินทางด้วยวิธีนี้ นางจะต้องกลับมาคฤหาสน์ก่อนมืดแน่นอน พวกอวิ๋นหมิงเซียวจะไม่สามารถสร้างเรื่องใด ๆ ระหว่างที่นางไม่อยู่เป็นแน่
“เอาล่ะ หลังมื้ออาหารเย็น ข้าจะไปบ้านท่านหัวหน้าหมู่บ้านและยืมเกวียนเข็นลาของเขา” หญิงสาวบอกผู้เป็นพ่อ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พ่อของนางก็ลุกขึ้นยืนและทำอาหารเย็นไว้ให้ลูกสาวทันที
เมื่อเห็นการกระทำของพ่อเฒ่าอวิ๋น นางก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสับสน นางเป็นห่วงเขามากเสียจนเขาต้องการให้นางรีบไปจากเขาหรือเปล่า?
พ่อเฒ่าอวิ๋นรีบทำอาหารเย็นให้อวิ๋นซิ่วชิงอย่างรวดเร็ว เขาได้กระตุ้นให้นางไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันทีหลังอาหารเย็น
อวิ๋นซิ่วชิงต้องไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
ครั้นอวิ๋นซิ่วชิงมาถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ป้าจ้าว ผู้เป็นภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ออกมาต้อนรับนาง “ชิงเหนียง เจ้าทานอาหารเย็นหรือยัง?”
อวิ๋นซิ่วชิงตอบกลับทันทีว่า “ข้ากินมาแล้วล่ะ ป้าจ้าว หัวหน้าหมู่บ้านอยู่บ้านหรือเปล่า?”
”อยู่ ๆ เขาอยู่ในสวนหลังบ้าน เจ้าสามารถไปหาเขาได้” ตระกูลจ้าวได้ติดต่อกับอวิ๋นซิ่วชิงหลายครั้ง พวกเขาคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นคนดี ดังนั้นจึงแสดงไมตรีกับนางอย่างมาก
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าและไปที่สวนหลังบ้านตระกูลจ้าว มีสัตว์จำนวนมากในสวนของเขา ไม่ว่าจะเป็นลา หมู และไก่
ในเวลานี้หัวหน้าหมู่บ้านกำลังให้อาหารหมูอยู่ที่สวนหลังบ้าน เมื่อเขาเห็นอวิ่นซิ่วชิงเดินเข้ามา เขาก็วางอาหารหมูลงและเดินมาหานาง
”ชิงเหนียง เจ้ามาที่นี่ทำไม?” หัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยรอยยิ้ม
”อืม หัวหน้าหมู่บ้าน พรุ่งนี้ข้าอยากเข้าเมืองเพื่อซื้อของ ข้าต้องการเช่าเกวียนเข็นลาของท่าน” อวิ๋นซิ่วชิงพูดธุระของนางออกมาตามตรง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าหมู่บ้านก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้ายืมมัน แต่เจ้าต้องบังคับเกวียนลาให้เป็นเสียก่อน เจ้าเคยบังคับเกวียนลาหรือไม่?”
อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัว นางคิดว่ามันง่ายที่จะบังคับเกวียนลา นางเพียงแค่เหวี่ยงแส้บนก้นของลา และปล่อยให้มันเดินไปไม่ใช่หรือ
หัวหน้าหมู่บ้านมองอวิ๋นซิ่วชิงและรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ” ชิงเหนียงเจ้าต้องเคยได้ยินเรื่องลาที่ดื้อรั้นมาก่อน หากลาที่อารมณ์เสียและหยุดอยู่ตรงนั้น เจ้าจะไม่สามารถเข้าเมืองได้ แม้ว่าเจ้าจะใช้เวลาเดินหนึ่งวันเต็มก็ตาม”
…
บทที่ 112 เสแสร้งสำออย
”จริงหรือ?” อวิ๋นซิ่วชิงสงสัยในคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้าน
หัวหน้าหมู่บ้านหัวเราะร่า ก่อนจะกล่าวว่า “ชิงเหนียง เจ้าสามารถลองก่อนได้นะ”
เมื่อเหลือบมองไปที่ลาซึ่งกำลังและเล็มหญ้าอยู่ อวิ๋นซิ่วชิงก็เดินไปหยิบหญ้าในคอก ทว่าก่อนที่นางจะให้อาหารมัน ลาก็จามใส่นางทันที
อวิ๋นซิ่วชิงไม่เคยสัมผัสสิ่งมีชีวิตแบบลา ตอนนี้นางโดนลาเมิน อวิ๋นซิ่วชิงจึงไม่รู้จะทำอะไรต่อไป
ลุงจ้าวมองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงที่กำลังอยู่ในภวังค์ เขาหัวเราะออกมาและกล่าวขึ้นว่า “ชิงเหนียง หากเจ้ามีเรื่องด่วนที่ต้องเข้าเมืองจริง ๆ เจ้าลองไปหาคนในหมู่บ้านที่บังคับเกวียนลาก็ได้”
อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะต้องไปหาผูเว่ยชาง
หลังออกจากบ้านตระกูลจ้าว อวิ๋นซิ่วชิงก็ตรงดิ่งไปที่บ้านของผูเว่ยชาง แต่ทว่าเขากลับไม่อยู่บ้าน
นางเดาว่าเขาต้องไปที่ภูเขาเพื่อล่าสัตว์ นางจึงนั่งลงที่กองหินใกล้ ๆ ประตูบ้านของเขาเพื่อรออีกฝ่าย
วันนี้หลี่ฟู่หลานอารมณ์ดีมาก ยกเว้นเวลาที่นางพบกับหลู่ชีฉาง
นางรู้สึกมีความสุขอย่างมากเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้นางได้มีโอกาสคุยกับผูเว่ยชาง
หลี่ฟู่หลานนึกถึงผูเว่ยชางขณะให้อาหารไก่ มุมปากของนางเผยอขึ้น หลี่ฟู่หลานรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ขณะเดียวกันไก่ที่นางเลี้ยงไว้ก็ออกไข่
หลี่ฟู่หลานถือไข่อุ่น ๆ ไว้ในมือและกำลังจะนำไปมอบให้ชายในดวงใจ แต่เมื่อคิดถึงครั้งที่แล้วที่เขาไม่ยอมรับไข่ของนาง จึงเปลี่ยนใจไปที่ห้องครัวและนำอาหารหายากไปฝากเขาแทน
ทว่าเมื่อหลี่ฟู่หลานมาถึงประตูบ้านของผูเว่ยชาง นางก็เห็นคนที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด อวิ๋นซิ่วชิง!
”อวิ๋นซิ่วชิง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?!” หลี่ฟู่หลานจ้องมองนางด้วยสีหน้าขัดใจ “หน้าไม่อาย!”
อวิ๋นซิ่วชิงกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองจะซื้อในเมือง ครั้นนางได้ยินคำพูดของหลี่ฟู่หลาน ก็หันหลังกลับและเหลือบมองหลี่ฟู่หลานด้วยท่าทีสบาย ๆ “ข้าไปทำอะไรให้เจ้า?”
หลี่ฟู่หลานจ้องมองอวิ๋นซิ่วชิง “ช่างน่าอับอาย! เจ้าเป็นผู้หญิงแท้ ๆ แต่มานั่งให้ท่าอยู่หน้าบ้านผู้ชาย เจ้าช่างไร้ยางอายสิ้นดี! เจ้ารู้จักคุณสมบัติของกุลสตรีหรือไม่?!”
อวิ๋นซิ่วชิงพ่นลมหายใจออกมา และเงยหน้าขึ้นมองหลี่ฟู่หลานหัวจรดเท้า แม้นางจะเป็นหญิงงาม แต่กลับไร้สมองถึงเพียงนี้เชียว!
อวิ๋นซิ่วชิงปรบมือก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปหาอีกฝ่าย นางเหลือบมองผักในตะกร้าของอีกฝ่ายและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “หลี่ฟู่หลาน เรื่องแค่นี้เจ้าคิดไม่ได้หรือ? ข้าแค่นั่งอยู่บนโขดหินนี้ แต่เจ้ากลับมาบอกว่าข้ากำลังเข้ามาให้ท่าผู้ชายเสียแล้ว หากจะถือเอาขนาดนั้น ต่อไปหากข้าเห็นเจ้านั่งอยู่บนเตียงผู้อื่นเฉย ๆ ข้าควรจะหาว่าเจ้าเพิ่งนอกใจด้วยไหม?”
“เจ้า…!” หลี่ฟู่หลานชี้นิ้วใส่อวิ๋นซิ่วชิงด้วยความโกรธจัด ดวงตาของนางวาวโรจน์
”อวิ๋นซิ่วชิง เจ้ามันไร้ยางอาย!”
อวิ๋นซิ่วชิงมองสำรวจร่างกายหลี่ฟู่หลานอย่างใจเย็น “ใช่ ข้ามันไร้ยางอาย แล้วเจ้าทำอะไรกับข้าได้บ้าง?”
หลี่ฟู่หลานอยากจะฉีกปากนังอวิ๋นซิ่วชิงให้เลือดสาด ทันใดนั้นนางก็เห็นผูเว่ยชางกำลังเดินมาหาพวกนางในระยะไกล นางจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเริ่มปล่อยโฮ
อวิ๋นซิ่วชิงเบิกตากว้างขึ้นด้วยความสับสน หลี่ฟู่หลานกำลังตั้งท่าจะด่านางแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับมาทำท่าร้องไห้
”หลี่ฟู่หลาน หยุดเสแสร้งเสียที!” เมื่อได้ยินหลี่ฟู่หลานร้องไห้ อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกคันในหู “ทำไมเจ้าไม่ร้องไห้เร็วกว่านี้ล่ะ? อย่าร้องไห้ อย่าแสร้งทำเป็นสำออยไร้เดียงสาเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อ!”
หลี่ฟู่หลานก้มศีรษะลงและร้องไห้ ดวงตาสีแดงของนางแสดงถึงความโกรธเคือง แต่ในใจกลับคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงในตอนนี้ช่างมีประโยชน์อย่างมาก!
เวลานี้ผูเว่ยชางได้เข้ามาใกล้ เขาเห็นจากระยะไกลว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังรอเขา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้มีความสุข เขาก็เห็นหลี่ฟู่หลานนั่งอยู่บนโขดหินและเช็ดน้ำตาตัวเอง
ผูเว่ยชางขมวดคิ้วเดินไปหาหญิงทั้งสองและถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
อวิ๋นซิ่วชิงตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของผูเว่ยชาง
ในที่สุดนางก็คิดออกแล้วว่าทำไมหลี่ฟู่หลานถึงได้แสร้งทำเช่นนี้ นั่นก็เพราะนางเห็นชายหนุ่มเดินมาตั้งนานแล้ว นางจึงพ่นลมออกมาด้วยความขัดใจ