ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 105+106 ความเกลียดชังเจ้าไม่ได้ช่วยข้า! แต่เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่!
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 105+106 ความเกลียดชังเจ้าไม่ได้ช่วยข้า! แต่เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่!
บทที่ 105 ความเกลียดชัง
ระหว่างที่อาศัยอยู่ในถ้ำ หลู่ชีฉางได้บากหน้าไปหาญาติพี่น้องและคนรู้จักของเขาทุกคนเพื่อขอยืมเงินหรือขอที่อยู่อาศัย แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ขับไล่เขาออกมา
หลู่ชีฉางรู้สึกเสียใจมากที่แม่ของเขาตาย และหลี่ฟู่หลานเป็นคนที่เขารักและไว้ใจที่สุด เขาจึงมาหาหลี่ฟู่หลานเพื่อพูดคุยเรื่องนี้
”แม่ของเจ้าตายแล้วหรือ?” หลี่ฟู่หลานประหลาดใจ
หลู่ชีฉางพยักหน้าและเลียริมฝีปากที่แห้งผาก
หลี่ฟู่หลานหลงรักหลู่ชีฉางมาหลายปีแล้ว และสาเหตุที่เขาถูกไล่ออกจากหมู่บ้านในครั้งนี้ก็เป็นเพราะนาง นั่นจึงทำให้นางรู้สึกผิดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หลู่ชีฉางในยามนี้ไม่หลงเหลือความมีสง่าราศีของบัณฑิตซิวไฉอีกต่อไป สภาพของเขาดูสกปรกเหมือนขอทาน หลี่ฟู่หลานจึงเริ่มรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้เขา
ขณะเดียวกัน นางหลี่ แม่ของหลี่ฟู่หลานก็กำลังกลับมาถึงบ้านพร้อมตะกร้าบนหลัง และก่อนที่นางจะเข้าไปในบ้าน นางก็เห็นชายที่ดูสกปรกกำลังคุยกับลูกสาวของนางที่ประตู
สามีของนางเสียชีวิตไปก่อนแล้ว ทิ้งไว้เพียงหลี่ฟู่หลานที่เป็นลูกสาวคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นนางและลูกสาวจึงผูกพันกันเป็นอย่างมากเพราะอยู่ด้วยกันเพียงสองคนแม่ลูก แน่นอนว่านางหลี่ไม่อาจปล่อยให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับชายที่ไม่คู่ควรได้
หลี่ฟู่หลานเป็นหญิงงาม นางมีผิวขาวและรูปร่างอรชร ซึ่งถือว่าตรงตามอุดมคติเป็นอย่างมาก รูปโฉมที่งดงามของนางย่อมมัดใจชายจากตระกูลร่ำรวยได้แน่
แม้นางจะไม่สามารถเป็นภรรยาเอกที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่นางก็สามารถเป็นอนุภรรยาได้ นางหลี่ได้คิดไว้แล้วว่าสำหรับช่วงชีวิตที่เหลือนี้ นางต้องพยายามหาทางให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยให้ได้!
นางหลี่กลัวว่าหลี่ฟู่หลานจะหนีตามไปอยู่กินกับชายที่ยากจนข้นแค้น หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ จะทำอย่างไร?!
ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ นางหลี่ก็เริ่มวิตกกังวล นางจึงรีบก้าวไปหาลูกสาวตัวเองและดึงนางไปอยู่ข้างหลัง ก่อนจะมองไปยังชายที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างเย็นชา
หลู่ชีฉางในเวลานี้มีสภาพไม่ต่างจากขอทานที่ทั้งกระเซอะกระเซิง อีกทั้งยังดูสกปรก นางหลี่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็จำได้ทันที
“หลู่ชีฉาง เป็นเจ้านี่เอง! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? เจ้าไม่ได้อยากจะหลอกอวิ๋นซิ่วชิง แต่อยากจะมาหลอกหลี่ฟู่หลานลูกสาวข้างั้นหรือ? ข้าขอบอกเจ้าเลยนะ อย่าฝันไปหน่อยเลยที่จะได้แต่งงานกับลูกสาวข้า! ออกไปซะ!”
นางหลี่ด่าทอหลู่ชีฉาง ก่อนจะดึงหลี่ฟู่หลานกลับเข้าไปในบ้าน
หลี่ฟู่หลานที่ก่อนหน้านี้กำลังคิดหาวิธีที่จะไล่หลู่ชีฉางออกไป แต่เมื่อแม่ของนางกลับมาเห็นเข้าพอดี นางก็รู้สึกโล่งอก
นางหลี่ดึงตัวลูกสาวเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็ขมวดคิ้วและดุว่า “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าเจ้าไม่สามารถคุยกับผู้ชายคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า? ทำไมเจ้าไม่ฟังข้าล่ะ?!”
“ข้าไม่ได้อยากจะคุยกับเขานะ เขามาหาข้าเองต่างหาก!” หลี่ฟู่หลานอธิบายพลางก้มศีรษะลง
นางหลี่พ่นลมออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะสั่งออกมาว่า “ไปเย็บปักถักร้อยได้แล้ว”
หลี่ฟู่หลานจึงได้แต่ขานรับและกลับไปที่ห้องของนาง
…
ในขณะเดียวกัน หลู่ชีฉางที่ยืนอยู่นอกประตูก็นึกเกลียดชังทั้งนางหลี่และอวิ๋นซิ่วชิง
หากไม่ใช่เพราะอวิ๋นซิ่วชิง ครอบครัวของเขาคงไม่ต้องโดนขับไล่ออกจากหมู่บ้าน และแม่ของเขาคงจะไม่ต้องมาตายเช่นนี้!
หลู่ชีฉางกำหมัดแน่น เขาตะโกนสาบานกับตัวเองว่าจะหาทางแก้แค้นนางให้ได้ จากนั้นจึงออกจากหมู่บ้านไปด้วยความโกรธแค้น
หลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง ผูเว่ยชางก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาขึ้นภูเขาไปในตอนเช้าและพบไก่ฟ้าที่มีชีวิต รวมถึงกระต่ายที่ตายแล้วภายในกับดักที่เขาตั้งเอาไว้เมื่อวานนี้
เมื่อลงจากภูเขาแล้ว ชายหนุ่มก็รีบมุ่งหน้าไปหาอวิ๋นซิ่วชิงทันที
ในขณะเดียวกัน อวิ๋นซิ่วชิงก็กำลังกินอาหารเย็นกับพ่อของนาง วันนี้พ่อเฒ่าอวิ๋นลงมือทำขนมแป้งทอดจากมันฝรั่งและไข่
อารมณ์ของหญิงสาวจากที่เคยเศร้าโศกและขุ่นเคืองก็แปรเปลี่ยนเป็นความหิวทันทีเมื่อได้กลิ่นขนมแป้งทอด นางถึงกับกินขนมแป้งทอดไปสามชิ้นติดต่อกันจนอิ่ม
“ค่อย ๆ กิน ยังมีขนมแป้งทอดเหลืออยู่อีกมาก” พ่อเฒ่าอวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวเรอออกมา และพูดด้วยความพอใจว่า “ท่านพ่อของข้าทำอาหารอร่อยที่สุด”
หลังจากได้ยินดังนี้ พ่อเฒ่าอวิ๋นก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ หากนางชอบ เขาก็มีความสุข
หลังจากมื้ออาหารเย็นเสร็จสิ้นลง อวิ๋นซิ่วชิงและพ่อของนางก็มานั่งอยู่ที่ลานคฤหาสน์
หญิงสาวพูดกับพ่อของนางว่า “ท่านพ่อ เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้ข้าจะเข้าเมืองนะ”
”เจ้าจะไปเรียนทักษะทางการแพทย์ใช่ไหม?” เมื่อนึกถึงการจากไปของอวิ๋นซิ่วชิง พ่อเฒ่าอวิ๋นก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
…
บทที่ 106 เจ้าไม่ได้ช่วยข้า! แต่เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่!
อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัว “ข้าจะเข้าเมืองก็จริง แต่ยังไม่ได้ไปเรียนวิชาแพทย์ ข้าจะไปซื้อเตาถ่านในเมือง ตอนนี้ใกล้ฤดูหนาวแล้ว ห้องของเราจะได้อุ่นขึ้น”
ทว่าแท้จริงแล้วอวิ๋นซิ่วชิงต้องการไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักในเมือง นางต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์สมุนไพร นางคิดว่าหากนำมาปลูกในพื้นที่มิติส่วนตัว นางจะได้ไม่ต้องกังวลกับเรื่องข้าวปลาอาหาร และยังสามารถต่อยอดทำเงินให้นางได้
“แล้วการเรียนแพทย์ของเจ้าล่ะ?” พ่อเฒ่าอวิ๋นถามบุตรสาว
“ข้าจะเข้าเมืองแวะไปหาท่านเหยียนที่โรงหมอเพื่อหารือและจัดเวลาเรียน” อวิ๋นซิ่วชิงอธิบาย
“หากเจ้าไปก็อย่าลืมบอกข้าด้วย” แม้เขาจะไม่อยากห่างจากลูกสาว แต่เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับอนาคตของอวิ๋นซิ่วชิง พ่อเฒ่าอวิ๋นจึงต้องระงับความรู้สึกของตัวเองไว้
อวิ๋นซิ่วชิงพยักหน้าตอบรับ ทว่าขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวจึงรีบไปเปิดประตูทันที
ครั้นเปิดประตูออกก็ถึงกับต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าเป็นผูเว่ยชางที่ยืนอยู่หน้าประตู นางจึงถามขึ้นว่า “เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
ผูเว่ยชางไม่ตอบ
หญิงสาวจึงไล่สายตามองผูเว่ยชาง ก็เห็นว่าเขาอุ้มไก่ฟ้าและกระต่ายอยู่ นางจึงขมวดคิ้วและถามว่า “เจ้าจะทำอะไร? เอาของมาให้ข้าหรือ?”
การเป็นหนี้บุญคุณนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่อวิ๋นซิ่วชิงต้องการ เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นง่าย แต่ชดใช้กลับคืนไปได้ยาก
ผูเว่ยชางเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนาง แล้วนางจะปล่อยให้เขาช่วยเหลือตลอดเวลาได้อย่างไร?
นางไม่ใช่ฮูหยินอวิ๋นที่เป็นตัวภาระ!
“อวิ๋นซิ่วชิง ข้าไม่ได้มาให้อาหารเจ้า แต่ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษเจ้า”
ระหว่างทางที่ชายหนุ่มเดินมา เขามีเรื่องที่อยากจะพูดกับนางมากมาย แต่เมื่อพบอวิ๋นซิ่วชิงต่อหน้าเช่นนี้ เขากลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
“ขอโทษเรื่องอะไร? เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดกับข้า ข้าต่างหากที่ควรขอโทษเจ้า” อวิ๋นซิ่วชิงมองผูเว่ยชางด้วยความสับสน
ผูเว่ยชางขมวดคิ้วและเตรียมที่จะอธิบาย แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าอวิ๋นซิ่วชิงกำลังจ้องเกวียนลาที่หยุดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋น ก่อนจะพบว่าคนที่ลงมาคือ อวิ๋นหมิงเซียวกับเฉียวฮุ่ยพร้อมสัมภาระสองสามอย่างในมือ
หลังลงจากเกวียนแล้ว เฉียวฮุ่ยก็เดินบิดเอวไปหาอวิ๋นซิ่วชิง นางพ่นลมใส่อีกฝ่ายด้วยความสะใจ จากนั้นก็เดินผ่านไป
ส่วนอวิ๋นหมิงเซียวก็รีบเดินตามภรรยาต้อย ๆ
อวิ๋นซิ่วชิงมองตามหลังอวิ๋นหมิงเซียวและเฉียวฮุ่ย นางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
นางไม่ได้เจอสองคนนี้มาสองสามวันแล้ว แต่ทำไมพวกเขาดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป?
อวิ๋นซิ่วชิงไม่สนใจพวกเขาอีก และหันไปมองไก่ฟ้ากับกระต่ายในมือผูเว่ยชาง นางรู้ว่าเขากำลังเหนื่อยมากและคงมีบางอย่างที่อยากจะพูดกับนาง ดังนั้นนางจึงเอ่ยกับเขาว่า “เข้ามาคุยข้างใน”
ผูเว่ยชางพยักหน้าและเดินตามนางเข้าไป อวิ๋นซิ่วชิงพาเขาเข้าไปที่ลานบ้านของนางทันที ก่อนจะเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่ง
ผูเว่ยชางตอบรับ เขาค่อย ๆ วางสิ่งของลงที่พื้นและนั่งบนเก้าอี้ไม้
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งข้าง ๆ ผูเว่ยชาง ทันใดนั้นนางก็นึกถึงฮูหยินอวิ๋นที่นางพบระหว่างทางไปบ้านของเขาเมื่อวานนี้
อวิ๋นซิ่วชิงจึงหันไปหาชายหนุ่มและถามว่า “เมื่อคืน แม่ของข้าไปบ้านเจ้าเพื่อขออาหารใช่หรือไม่?”
ผูเว่ยชางถึงกับชะงัก แต่เมื่อรู้ว่าไม่สามารถปกปิดนางได้แล้ว เขาจึงพยักหน้าตอบ
“แล้วทำไมเจ้าถึงให้อาหารกับนางล่ะ?” อวิ๋นซิ่วชิงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
ผูเว่ยชางเป็นคนฉลาด เขาจะทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ข้าแค่อยากช่วยเจ้า แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์มันจะเป็นเช่นนี้”
ขณะนั้นเองที่ผูเว่ยชางเริ่มรู้สึกได้ว่าการอธิบายสิ่งที่ตัวเองทำให้นางเข้าใจนั้นยากกว่าการสังหารข้าศึกในสนามรบเสียอีก
เขาต้องการช่วยอวิ๋นซิ่วชิง แต่มันกลายเป็นเรื่องยากขนาดนี้ได้อย่างไร?!
“ช่วยข้าหรือ? นี่เรียกว่าช่วยข้าได้อย่างไร? เจ้าจะเลี้ยงดูหญิงชราแบบนั้นไปได้ตลอดชีวิตหรือ?! หากเจ้าต้องการดูแลและเลี้ยงดูนาง ทำไมเจ้าไม่ให้อาหารกับนางเมื่อเช้านี้ล่ะ?! ผูเว่ยชาง เจ้าไม่ได้ช่วยข้า! แต่เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่!”
อวิ๋นซิ่วชิงต่อว่าออกมาด้วยความโกรธจัด