ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 101+102 ประจานตัวเอง!เจตนา
บทที่ 101 ประจานตัวเอง!
เมื่อเห็นว่าผูเว่ยชางไม่สนใจใยดีนาง ฮูหยินอวิ๋นก็ยังไม่ยอมกลับไป นางโกรธจัดและทรุดตัวนั่งบนพื้นก่อนจะแหกปากด่าทอเขา
“ผูเว่ยชาง ไอ้คนเนรคุณ! ทั้งที่เมื่อวานเจ้ากินอยู่อาศัยในคฤหาสน์ของข้า แต่ตอนนี้ข้ามาขออาหารกับเจ้าแต่เจ้ากลับให้ไม่ได้! ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ช่างตาบอด! ท่านส่งคนใจดำเช่นนี้ลงมาเกิดได้อย่างไร?!”
เมื่อเพื่อนบ้านได้ยินเสียงร้องโหยหวนของฮูหยินอวิ๋น ทั้งหมดจึงพากันเข้ามามุงดูด้วยความขบขัน
พวกเขาต่างพากันชี้นางและพูดว่า “ดูสิ ๆ ตระกูลอวิ๋นตกต่ำได้ถึงเพียงนี้เชียว! คิดแล้วก็สมน้ำหน้านะ ตอนที่พวกเขารุ่งเรือง พวกเขาทำตัวกร่างและอวดดีไปทั่ว กรรมตามทันจริง ๆ!”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างพากันหัวเราะเยาะสภาพอันน่าสังเวชและพฤติกรรมที่ไร้ยางอายของฮูหยินอวิ๋น
แต่ฮูหยินอวิ๋นกระหยิ่มใจเพราะคิดว่าชาวบ้านกำลังด่าทอและประณามผูเว่ยชาง และเมื่อไอ้หนุ่มนี่มันอับอายหนักเข้า เขาจะต้องให้อาหารกับข้า!
ทันทีที่ผูเว่ยชางเข้ามาในบ้าน เหยียนเกอก็เข้ามาล้อเลียนเขา “ผูเว่ยชาง ข้ากำลังสงสัยว่าเจ้าจะจัดการนางเฒ่าคนนั้นอย่างไร? แล้วดูสิ เจ้าไม่สามารถรับมือนางได้เลย ฮ่า ๆๆๆๆ”
”เจ้ายังไม่ออกไปอีกหรือ?” ผูเว่ยชางเหลือบตามองและถามอีกฝ่าย
“ข้าก็กำลังจะออกไปนี่แหละ แต่ก็เห็นคนมากมายล้อมรอบเต็มไปหมด” เหยียนเกอกำลังเตรียมตัวจะออกเดินทาง แต่เมื่อเขาเดินไปเปิดประตู เขาก็เห็นผ่านช่องว่างที่ประตูว่ามีคนมาล้อมรอบบ้านของผูเว่ยชางเต็มไปหมด
เหยียนเกอว่าพลางขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ เห็นตัวเอง ดังนั้นจึงปีนหน้าต่างเล็ก ๆ ในห้องของผูเว่ยชาง แล้วเดินข้ามรั้วของสวนหลังบ้านไปที่ประตูอีกด้านหนึ่งแทน
คนขับรถม้ารอเหยียนเกออยู่ เมื่อเห็นเหยียนเกอออกมาขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยกม่านขึ้นและจากไปเงียบ ๆ
วันนี้หลี่ฟู่หลานตื่นแต่เช้า และนางกำลังจะซักเสื้อผ้า
แต่แล้วนางก็เห็นหญิงบ้านตรงข้ามซึ่งเป็นสะใภ้ตระกูลจางกำลังวิ่งออกไป หญิงสาวจึงถามด้วยความสงสัย “พี่จาง กำลังจะไปไหน?”
“มีเรื่องสนุก ๆ อีกแล้วน่ะสิ แม่สามีของข้าบอกว่า ฮูหยินอวิ๋น แม่ของอวิ๋นซิ่วชิงกำลังตะโกนด่าทอนักล่าสัตว์ถึงหน้าบ้านของเขาเชียว เจ้าจะไปดูด้วยกันไหม?!”
เสี่ยวจางกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
มีบ้านนักล่าสัตว์เพียงหลังเดียวในหมู่บ้าน และนั่นคือผูเว่ยชาง
ทันทีที่หลี่ฟู่หลานได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มรูปงามที่นางหลงใหล นางก็เกิดความสนใจทันที “ข้าไปด้วย ๆ!”
หลี่ฟู่หลานวางเสื้อผ้าในมือลง และมุ่งหน้าไปที่บ้านของผูเว่ยชาง
เมื่อไปถึงก็เห็นฮูหยินอวิ๋นยังคงด่าทอผูเว่ยชางด้วยความโกรธเกรี้ยว
โดยไม่คิดอายสายตาผู้คน แต่ประตูบ้านของชายหนุ่มยังคงปิดอยู่
หากไม่ฉลาดน้อยจนเกินไปนัก หลี่ฟู่หลานหรือแม้แต่ชาวบ้านคนอื่น ๆ ย่อมรู้ว่าฮูหยินอวิ๋นต่างหากที่เป็นฝ่ายระรานผูเว่ยชาง
หลี่ฟู่หลานรู้สึกโกรธแทนชายในฝันทันที หลังจากสอบถามเรื่องราวทั้งหมดกับคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นแล้ว นางก็หันหลังไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวิ๋น
อวิ๋นซิ่วชิงเลี้ยงไก่อย่างดี และในวันนี้ไก่ก็ออกไข่แล้ว!
หญิงสาวรู้สึกมีความสุข นางเก็บไข่ไว้ในอ้อมแขนและเติมรำข้าวซึ่งเป็นอาหารไก่ลงไปในราง จากนั้นจึงไปดูแลไก่ตัวอื่นต่อ
หลังจากนางให้อาหารไก่จนเสร็จสิ้น อวิ๋นซิ่วชิงก็กวาดตามองไก่ทุกตัวที่กำลังจิกกินอาหารอยู่ พวกมันกำลังอารมณ์ดี และหญิงสาวก็สังเกตว่าพวกมันน่าจะชอบกินผัก นางจึงเริ่มคิดว่าหลังจากนี้นางควรจะให้ผักเป็นอาหารพวกมัน
แต่ปัญหาก็คือ ฤดูกาลนี้จะหาผักได้จากที่ไหน?
นางควรนำกะหล่ำปลีทั้งหมดที่นางปลูกไว้ในพื้นที่มิติส่วนตัวออกมาเพื่อเลี้ยงพวกมันหรือไม่?
ไม่ดีกว่า! เอาไว้หาทางอื่นก็แล้วกัน
หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงก็กลับไปที่ห้องของพ่อเฒ่าอวิ๋นเพื่อดูว่าเขาตื่นแล้วหรือไม่? แต่เมื่อไปถึงลานกว้างของคฤหาสน์ นางก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเคาะประตูและร้องเรียกชื่อนาง
หญิงสาวรีบเปิดประตูก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นหลี่ฟู่หลานที่กำลังเหนื่อยหอบ
ทั้งสองไม่ได้พบกันมาสองสามวันแล้ว แต่หลี่ฟู่หลานก็ประหลาดใจที่เห็นอวิ๋นซิ่วชิงผอมลงและสวยขึ้นมาก!
เป็นไปได้อย่างไร?!
เมื่อเห็นหลี่ฟู่หลานไม่ยอมพูดอะไรออกมา อวิ๋นซิ่วชิงจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “เจ้าต้องการอะไร?”
หลี่ฟู่หลานจึงได้สติจากอาการตกตะลึง นางจ้องอวิ๋นซิ่วชิงและบอกอีกฝ่ายว่า “อวิ๋นซิ่วชิง แม่ของเจ้ากำลังด่าทอและอาละวาดอยู่หน้าบ้านของผูเว่ยชาง เจ้ารีบไปดูนางดีกว่า”
พูดจบ หลี่ฟู่หลานก็แอบเยาะเย้ยอีกฝ่าย
นังอวิ๋นซิ่วชิงหน้าตาสวยขึ้นแล้วอย่างไร? อายุนางก็ไม่ได้น้อย แถมยังมีแม่ที่สันดานเสียไร้มารยาทเช่นนี้ จะมีชายใดอยากแต่งงานกับนางกัน? อีกทั้งการที่นางร้ายกาจกับหลู่ชีฉางในครั้งนั้น ก็ทำเอาชายอื่นผวาไปหมดแล้ว
แม้จะสวย แต่นิสัยแย่เช่นนี้ก็คงไม่มีผู้ชายที่ไหนชอบหรอก!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นซิ่วชิงก็วิ่งออกไปทันทีโดยไม่สนใจว่าหลี่ฟู่หลานจะพูดอะไรต่อ
หลี่ฟู่หลานกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเยาะเย้ยอวิ๋นซิ่วชิง แต่ยังไม่ทันได้ปากยื่นปากยาวเยาะเย้ย กลับเป็นตัวนางเองที่ต้องกระทืบเท้ากับพื้นด้วยความขัดใจ เมื่อคนที่นางต้องการเยาะเย้ยไม่อยู่ที่นี่แล้ว…
…
บทที่ 102 เจตนา
ครั้นสงบสติอารมณ์ลงแล้ว หลี่ฟู่หลานก็หัวเราะคิกคัก…
เป้าหมายของนางสำเร็จแล้ว! ที่เหลือก็แค่ให้นางเฒ่าอวิ๋นสร้างเรื่องวุ่นวายให้มากขึ้น ยิ่งปัญหาใหญ่เท่าไหร่ยิ่งดี นางต้องการให้ชาวบ้านและผูเว่ยชางเห็นกับตาว่าฮูหยินอวิ๋นเป็นคนอย่างไร!
อวิ๋นซิ่วชิงรีบวิ่งไปที่ประตูบ้านซึ่งตอนนี้มีคนเกือบทั้งหมู่บ้านมามุงดู เสียงแหลมของฮูหยินอวิ๋นดังลั่นไปทั่วบริเวณ
นางเฒ่าหน้าเหม็น! เจ้าเอาอีกแล้วหรือ?!!
อวิ๋นซิ่วชิงโกรธจนตัวสั่น นางพุ่งตัวแหวกชาวบ้านไปพร้อมกับไม้ท่อนหนึ่ง
“ช่างไร้ยางอาย!” อวิ๋นซิ่วชิงตวาดดังลั่นพลางกัดฟันกรอด นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้นับตั้งแต่ทะลุมิติมา
ฮูหยินอวิ๋นถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเห็นลูกสาวตัวเองปรากฏตัวด้วยใบหน้าดุร้ายราวกับยักษ์มาร แต่เมื่อเห็นว่ามีชาวบ้านรายล้อมอยู่มากมาย ฮูหยินอวิ๋นก็ยิ้มกริ่มพลางคิดว่านังลูกเลวคนนี้คงไม่กล้าตีนางแน่
นางจึงเริ่มแผดเสียงโหยหวนให้ดังกว่าเดิม
“ดูสิ! ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ช่างใจร้ายกับข้ามากที่ส่งลูกอกตัญญูมาเกิดกับข้าเช่นนี้! นางไม่ยอมให้อาหารข้าเลย! นางไม่มีมโนธรรม นังลูกเลว!! สมควรแล้วที่ไม่มีชายคนใดต้องการเจ้า!! เจ้าจะไม่มีวันได้แต่งงานออกเรือนไปตลอดชีวิต!! ฮือ ๆๆๆๆ!!!”
ฮูหยินอวิ๋นชี้นิ้วไปที่อวิ๋นซิ่วชิงและสาปแช่งนางไม่หยุด
ผูเว่ยชางซึ่งอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นซิ่วชิง เขาผุดตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะแง้มประตูมองดูสถานการณ์ข้างนอกแล้วก็ต้องรู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก เพราะเห็นดวงตาที่แดงก่ำด้วยความโกรธระคนเสียใจของหญิงสาวที่กำลังจ้องแม่ของตัวเอง
เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้
“ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับชายใดอยู่แล้ว!”
ผัวะ!!!
ทันทีที่อวิ๋นซิ่วชิงพูดจบ นางก็เงื้อไม้ในมือขึ้นมาและตีฮูหยินอวิ๋นด้วยความโกรธเกรี้ยว ฮูหยินอวิ๋นส่งเสียงร้องโอดโอยอย่างทุกข์ทรมาน
ผูเว่ยชางพุ่งเข้าไปหยุดหญิงสาว แต่อวิ๋นซิ่วชิงในยามนี้ถูกความโกรธครอบงำจนแทบไม่หลงเหลือสติอยู่
นางหันไปมองชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่แล้วตวาดว่า “ปล่อยข้า! วันนี้ข้าจะตีนางให้ตายคาไม้!!!”
ผูเว่ยชางจับนางไว้และตะโกน “อวิ๋นซิ่วชิง! เจ้าตั้งสติก่อนได้ไหม?!”
แม้ผูเว่ยชางจะนึกเกลียดชังฮูหยินอวิ๋นเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้อวิ๋นซิ่วชิงทุบตีนางได้ เพราะหญิงสาวต้องการที่จะเป็นแพทย์หญิงในอนาคต เส้นทางของนางกำลังสวยงาม หากใครรู้ว่านางเคยทุบตีแม่ของตัวเอง ต่อให้เป็นแพทย์หญิงที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ก็คงไม่มีใครกล้ามารักษากับนางเป็นแน่…
คนส่วนมากยังยึดถือเรื่องบุตรที่ดีควรกตัญญูต่อบิดามารดา การที่นางทุบตีแม่ตัวเองเช่นนี้ สังคมคนนอกบ้านที่ไม่รู้เรื่องภายในครอบครัวนางคงตราหน้าอวิ๋นซิ่วชิงว่าเป็นคนอกตัญญูไปแล้ว และหนทางชีวิตในภายภาคหน้าของนางจะลำบากยิ่งขึ้น!
“อวิ๋นซิ่วชิง เจ้าจะทุบตีแม่ของเจ้าต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านไม่ได้” ชายหนุ่มกระซิบเตือนสตินาง
อวิ๋นซิ่วชิงที่สภาพจิตใจใกล้แตกสลายจนเกือบทำอะไรหุนหันพลันแล่น ครั้นนางได้ฟังคำเตือนของผูเว่ยชาง หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเขา จากนั้นจึงปล่อยไม้ในมือ
ผูเว่ยชางหยิบไม้ขึ้นมา ในขณะที่อวิ๋นซิ่วชิงก็เริ่มได้สติมากขึ้น
“โอ้สวรรค์!! ท่านโปรดดูเถิด นังลูกสาวอัปลักษณ์และนอกคอกคนนี้นอกจากจะไม่ให้อาหารข้าแล้ว ยังมาทุบตีข้าที่มาขออาหารอีกด้วย ฮือ ๆๆๆๆๆ”
ฮูหยินอวิ๋นแสร้งทำเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ แต่แท้จริงแล้วกำลังสะใจเป็นอย่างยิ่ง
อวิ๋นซิ่วชิงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเข้าไปนั่งยอง ๆ ข้างแม่ตัวเองที่ยังคงโหยหวนไม่หยุด นางเหลือบมองอีกฝ่ายแล้วกระซิบว่า “ท่านแม่…หากท่านยังคงสร้างปัญหาที่นี่อีก กลับไปคฤหาสน์อวิ๋น ข้าจะเผาห้องของท่าน แล้วเมื่อหมิงเซียว พี่เลวของข้ากลับมา ข้าจะจ้างชายฉกรรจ์หลายคนมาจับเขาไปขายเป็นทาสให้ครอบครัวที่ร่ำรวยไปตลอดชีวิต!”
สำหรับฮูหยินอวิ๋น คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนางคือลูกชาย เพียงแค่อวิ๋นซิ่วชิงเอาอวิ๋นหมิงเซียวมาขู่นาง นางก็ยินยอมเชื่อฟังทุกอย่าง
อวิ๋นหมิงเซียวเป็นลูกชายบังเกิดเกล้า…และยังเป็นจุดอ่อนเดียวของนางอีกด้วย!
เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นซิ่วชิง ฮูหยินอวิ๋นก็กังวลและถามกลับไปว่า “เจ้ากล้าหรือ?!”
“ข้าจะกล้าหรือไม่ ท่านจะลองดูก็ได้! หลังจากที่ข้าทำตามที่ขู่เจ้า คฤหาสน์ก็ถูกขายไปแล้ว ข้าก็มีเงินพอที่จะพาท่านพ่อไปอยู่ที่อื่นที่ไม่มีพวกท่าน แล้วท่านล่ะ? ลูกชายสุดที่รักของท่านล่ะ?”
อวิ๋นซิ่วชิงพูดอย่างเย็นชา แต่แววตาฉายความโหดเหี้ยม
เมื่อพูดถึงอวิ๋นหมิงเซียว ฮูหยินอวิ๋นก็นึกกลัวขึ้นมา นางจึงได้แต่กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ก็ได้…ข้าจะกลับ”
ทันทีที่ฮูหยินอวิ๋นพูดจบ นางก็ลุกขึ้นยืนและหยิบชามใบใหญ่ที่ตกพื้นขึ้นมาด้วยสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง อีกทั้งตามตัวยังเปื้อนไปด้วยฝุ่น จากนั้นก็วิ่งหนีไปราวกับคนบ้า ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะไล่หลังของชาวบ้าน
อวิ๋นซิ่วชิงมองชาวบ้านโดยรอบด้วยสายตาเย็นชา เมื่อชาวบ้านสบตานาง พวกเขาทั้งหมดก็หัวเราะแห้ง ๆ และแยกย้ายกันไปทันที
“อวิ๋นซิ่วชิง…นี่เจ้า…” ผูเว่ยชางมองอวิ๋นซิ่วชิงด้วยความเป็นห่วง เขาต้องการถามนางว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่สามารถที่จะถามออกมาได้…