ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 352 ปัญหาเรื่องการอบรมสั่งสอน
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 352 ปัญหาเรื่องการอบรมสั่งสอน
ตอนที่ 352 ปัญหาเรื่องการอบรมสั่งสอน
อย่างเช่นอวิ๋นลี่ลี่ที่รู้สึกเสียใจมาระยะหนึ่งแล้ว
เนื่องจากก่อนหน้านี้หล่อนได้ลาออกจากการเป็นครู และตอนนี้ตําแหน่งนั้นถูกแทนที่โดยคนอื่นแล้ว นั่นหมายความว่าไม่มีที่สำหรับหล่อน
อันที่จริงก่อนที่หล่อนจะลาออกจากโรงเรียน ทางโรงเรียนก็ได้รั้งไว้ด้วยความจริงใจ เพราะอย่างไรหล่อนก็สอนมาหลายปีแล้วและยังรู้จักกันเป็นอย่างดี
จ้างคนใหม่อย่างไรก็ไม่ดีเท่าคนมีทักษะ
ทว่าอวิ๋นลี่ลี่กลับปฏิเสธ แน่นอนว่าตอนนี้ต่อให้หล่อนอยากกลับไป แต่ทางโรงเรียนก็แจ้งว่าขณะนี้ยังไม่มีตำแหน่งว่าง
อันที่จริงโรงเรียนไม่มีแผนที่จะจ้างหล่อนแล้ว เพราะโรงเรียนก็ไม่ใช่ที่ที่หล่อนอยากมาก็มา อยากไปก็ไป นั่นไม่เท่ากับตลาดสดเหรอ?
แต่ประสบการณ์การสอนของอวิ๋นลี่ลี่นั้นยังคงมีอยู่ ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่สามารถไปสอนที่โรงเรียนได้ ทุกเย็นหล่อนจึงไปสอนพิเศษที่โรงเรียนเก่า แม้ว่าจะได้เงินไม่มากนัก แต่ก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้กับจี้เจี้ยนเหวินได้
อวิ๋นลี่ลี่รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากหล่อนรู้แต่แรก หล่อนควรจะฟังคําพูดของเจี้ยนเหวิน หล่อนสอนหนังสืออย่างสบายใจและมีรายได้ที่มั่นคง สองสามีภรรยามีชีวิตที่ผ่อนคลายและสะดวกสบายมากกว่าใคร ๆ
จำเป็นต้องเป็นแบบตอนนี้เสียที่ไหน ทั้งครอบครัวต้องพึ่งพาเจี้ยนเหวินคนเดียว แถมยังเป็นหนี้อีกมากมาย
แน่นอนว่าหล่อนจะไปหาคนอื่นเพื่อเอาเงินก้อนนี้กลับมา และจะไม่ปล่อยให้ครอบครัวของหล่อนต้องชดใช้!
คนที่เสียใจไม่ได้มีเพียงแค่อวิ๋นลี่ลี่ เฝิงฟางฟางก็เช่นกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้านเกิด เฝิงฟางฟางก็มีท่าทางเหมือนสุนัขตกน้ำ* จี้มู่ตานจึงมาเยี่ยมหล่อนโดยเฉพาะ “พี่สะใภ้ ได้ยินว่าธุรกิจเสื้อผ้าของพวกพี่ทําไม่ได้แล้วแถมยังเสียเงินไปก้อนใหญ่ด้วย เป็นเรื่องจริงหรือเท็จคะ?”
* สุนัขตกน้ำ เปรียบกับคนชั่วที่ตกอับ
นี่เป็นการตั้งใจมาเพื่อปาหินใส่คนที่ตกบ่อ* แต่เมื่อจี้มู่ตานได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น ก็พ่นลมหายใจอย่างฉุนเฉียว
* ซ้ำเติม หรือตรงกับสำนวนไทยที่ว่าได้ทีขี่แพะไล่
สมควรแล้วที่ธุรกิจจะล้มเหลว!
ตอนแรกหล่อนก็อยากตามไปด้วย แต่พวกหล่อนไม่ยอมให้หล่อนตามไป โดยบอกว่าหล่อนจะทำเรื่องเลวร้ายและจะไม่ปล่อยให้หล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง หล่อนจึงไม่สนใจอีกต่อไป
โชคดีที่ตอนแรกไม่ได้เข้าร่วม ไม่อย่างนั้นครอบครัวหล่อนคงต้องสูญเงินทั้งหมด!
และยังโชคดีมากที่หล่อนบอกให้จี้เจี้ยนเยี่ยไป แต่จี้เจี้ยนเยี่ยบอกว่ามันไม่น่าเชื่อถือ จึงต้องฟังสามีของตัวเอง ดูสิ ไม่ใช่ว่าครอบครัวของหล่อนรอดพ้นจากหายนะหรอกเหรอ?
ตอนนี้เฝิงฟางฟางหมดแรงแล้ว ครั้งนี้หล่อนสูญเสียเงินที่เก็บออมเอาไว้ก่อนหน้านี้เป็นจำนวนไม่น้อย จนเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวไม่มีเหลือ จึงไม่มีแรงทะเลาะกับจี้มู่ตาน
หลังจากที่หล่อนไล่จี้มู่ตานกลับไป จึงได้รีบตรงไปหาซูตานหงทันที
“เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งเลิกจ้างคนงานออกไป 2 คน ตอนนี้ในห้างคนไม่ขาด พี่สะใภ้ใหญ่ไปช่วยพี่เขยทำงานเถอะค่ะ พี่เขยไม่สะดวกสบายเลย”
ห้างสรรพสินค้าเลิกจ้างพนักงาน 2 คน ทว่าความจริงแล้วทั้งคู่ออกไปแต่งงานใช้ชีวิตด้วยกัน ซูตานหงจึงบอกไปว่าพวกเขาถูกเลิกจ้าง แต่ไม่มีความตั้งใจจะให้เฝิงฟางฟางกลับมาทำงาน
“ตานหง ทุกคนต่างก็เป็นญาติกัน…”
เฝิงฟางฟางยังกล่าวไม่ทันจบ ซูตานหงก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว เพราะทุกคนเป็นญาติพี่น้องกัน ดังนั้นตอนที่พี่สะใภ้ใหญ่ออกไปทํางานข้างนอก ฉันเลยมักจะบอกให้เหรินเหรินส่งซี่โครงหมูตุ๋นไข่ให้เสี่ยวตงกับพี่เขยกิน พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้กลับมาตั้งนาน ปีใหม่ก็ยุ่งจนไม่มีเวลากลับมา เห็นหรือไม่คะว่าเสี่ยวตงไม่ได้ผอมลงเลยสักนิด?”
ไม่เพียงเท่านั้น จี้เจี้ยนอวิ๋นยังพาจี้เสี่ยวตงไปทํางานกับเหรินเหรินและคนอื่น ๆ เป็นครั้งคราว ถือว่าช่วยดูแลหลานชายคนนี้ เพื่อไม่ให้เสียการเรียน
ด้วยวัยของเขาในตอนนี้ หากไม่ได้รับอบรมสั่งสอน ย่อมส่งผลกระทบได้ทันทีไม่ใช่เหรอ?
ยังดีที่แม้จี้เสี่ยวตงจะดื้อรั้นอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเด็กดี เขาไม่ได้เรียนรู้อะไรแย่ ๆ ในระหว่างที่เฝิงฟางฟางไม่อยู่
ซูตานหงรู้สึกว่าเฝิงฟางฟางนั้นวางเกวียนไว้หน้าม้า* และบอกว่าเพื่ออนาคตที่ดีของลูก แต่ถ้าคุณไม่อยู่กับลูก ในตอนที่เขาต้องการผู้นำในสิ่งที่ถูกต้องและเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ดี แม้ว่าคุณจะมีเงินมากกว่า 100 ล้าน มันก็เท่ากับศูนย์
* จัดลำดับความสำคัญสลับกัน
โดยเฉพาะเฝิงฟางฟางที่ยังไม่มีเงินเกิน 100 ล้านหยวน และยังสูญเสียเงินทั้งหมดของครอบครัวไปด้วย ทุกคนล้วนลงทุนไปกับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งนั้น
ฉับพลันเฝิงฟางฟางก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูด เสี่ยวตงเติบโตได้ดีมากและยังเรียนเก่งอีกด้วย เมื่อหล่อนเห็นสื่อการเรียนพวกนั้น หากไม่ใช่ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนซื้อมัน ก็ต้องเป็นทางนี้ที่ให้เงินลูกชายหล่อนไปซื้อเอง
ยังมีเสื้อผ้าใหม่อีก 2 ชุด ซึ่งน่าจะเป็นในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่บ้านสามซื้อให้
ปีนี้ซูตานหงซื้อเสื้อผ้าให้ ทั้งเสี่ยวเจินและเสี่ยวอวี้สองพี่น้องต่างก็มีคนละ 2 ชุดเช่นกัน
จี้เสี่ยวตงตอนนี้กำลังสวมชุดใหม่ เมื่อไปโรงเรียน เขาสามารถเชิดหน้าชูคอได้ ไม่ต้องทำให้คนอื่นรู้สึกว่าครอบครัวของเขายากจนและมองเขาด้วยสายตาที่น่าอึดอัดใจแบบนั้น
เด็กในช่วงวัยนี้ จะมีความนับถือตนเองสูงและรู้สึกอ่อนไหวเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม จี้เสี่ยวตงก็ยังยอมรับสิ่งที่ซูตานหงกับจี้เจี้ยนอวิ๋นมอบให้ เขาไม่ปฏิบัติตัวกับอาสามและอาสะใภ้สามของเขาเหมือนคนนอกเลย
และเมื่ออยู่ในโรงเรียน ทั้งเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้สองพี่น้อง รวมถึงเหรินเหรินกับสือโถวลูกชายพี่รองซู ต่างก็ไม่มีรุ่นพี่คนไหนกล้ารังแก เพราะมีเขาคอยปกป้อง!
“วันนี้ฉันทำขนมงาตัดไว้นิดหน่อย พี่สะใภ้ใหญ่เอากลับไปให้เสี่ยวตงกินสิคะ ปีนี้เขาโตขึ้นมาก ขนมงาตัดนี้มีคุณค่าทางโภชนาการ ให้เขากินมากขึ้นอีกหน่อยจะได้ประโยชน์ไม่น้อยเลยค่ะ” ซูตานหงเดินเข้าไปห่อขนมงาตัดด้วยกระดาษไขแล้วยื่นให้เฝิงฟางฟาง
เฝิงฟางฟางไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกลับมาพร้อมกับขนมงาตัด
จี้เสี่ยวตงกลับมาจากโรงเรียนก็เห็นขนมงาตัดวางอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าอาสะใภ้สามของเขาเอามาให้จึงไม่เกรงใจ หยิบมากินทันที เมื่อกินเสร็จก็แวะไปหาซูตานหง
“อาสะใภ้สามมีงานอะไรต้องทำไหมครับ อาสามบอกว่าเอวของอาไม่ค่อยดี เลยบอกให้ผมมาช่วยงานวันนี้” จี้เสี่ยวตงพูด
สีหน้าของซูตานหงดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย เมื่อคืนนี้เธอถูกจี้เจี้ยนอวิ๋นเคี่ยวกรำจนเอวของเธอยังปวดเมื่อยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดความกระตือรือร้นของจี้เสี่ยวตง “ในครัวมีซุปเห็ดหูหนูขาว เธอเอาไปให้คุณปู่บุญธรรมและคนอื่น ๆ กินเถอะจ้ะ แล้วเธอก็เอาขนมที่เหลือไปด้วยเลย”
จี้เสี่ยวตงเรียกเหล่าจางว่าปู่บุญธรรมตามพวกเหรินเหริน
“ได้ครับ” จี้เสี่ยวตงรับคํา แล้วเดินไปยังห้องครัวด้วยตัวเอง จากนั้นจึงเก็บกล่องอาหารแล้วขึ้นไปบนภูเขา
แน่นอนว่าเขาก็มีส่วนของเขาด้วยเช่นกัน พุทราแดงหวานฉ่ำกินกับซุปเห็ดหูหนูขาวแล้วช่างอร่อยนัก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังฤดูใบไม้ผลิ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้เข้าสู่ความวุ่นวายรอบใหม่และงานมากมายที่ต้องทำ
ปีนี้เลี้ยงแกะกับหมูไว้ไม่น้อย นอกจากสองอย่างนี้แล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นยังเพิ่มเป็ดอีก 50 ตัว ทั้งยังซื้อลูกวัวมาเลี้ยงอีก 2 ตัว เขาวางแผนที่จะเลี้ยงพวกมันจนโตแล้วเอาไปใช้ไถนา
หลังจากซื้อลูกวัวกลับมา เสียงเสียงก็มีความสุขมาก และรีบไปต้อนวัวกับพี่ชายคนรองของเขา ตอนนี้เขาไม่ไปไหนแล้ว ทุกวันต้องขึ้นภูเขาไปดูวัว ให้อาหารวัว และให้น้ำวัว
วัวทั้ง 2 ตัวได้รับการดูแลจากเขา ฉีฉีได้ลงมือบ้างเป็นครั้งคราว แต่บางครั้งเสียงเสียงก็ไม่ยอม เจ้าเด็กนี่ยังไม่โตก็จริง แต่มีนิสัยเอาแต่ใจมาก
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลังโลภแล้วหมดตัวจากโรงงานผ้าของยัยสองอวิ๋นก็น่าจะเข็ดกันแล้วล่ะนะ ทีนี้งานก็ไม่มี แถมยังใช้หนี้กันหัวฟูเลย
ส่วนบ้านสามก็เจริญรุ่งเรืองต่อไป มันเป็นที่ทัศนคติการทำธุรกิจอะ
ไหหม่า(海馬)