ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 347 จดทะเบียนสมรสหากเห็นว่าเหมาะสม
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 347 จดทะเบียนสมรสหากเห็นว่าเหมาะสม
ตอนที่ 347 จดทะเบียนสมรสหากเห็นว่าเหมาะสม
“ถึงหล่อนจะหูไม่ค่อยดี แต่หล่อนก็เอาเต้าหู้มาให้พ่อผมบ่อย ๆ เลยนะครับ พ่อเองก็ให้ปลากับเนื้อกลับไปด้วย” เซียวจวิ้นกระซิบบอก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เข้าใจได้ทันที
เขามองหน้าเซียวจวิ้นและถามขึ้น “แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
“ถ้าพ่ออยากแต่งงานก็แต่งไปเถอะครับ ผมว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แล้วพ่อของผมก็ไม่ควรอยู่คนเดียวด้วย” เซียวจวิ้นว่าอย่างกระตือรือร้น
พ่อของเขามีขาไม่ค่อยดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าผู้เป็นพ่อยังสมชายชาตรีอยู่ ปีนี้พ่อของเขายังอายุไม่มาก สมควรมีคู่ชีวิต ส่วนแม่ของเขา เขาไม่ได้คิดว่ามีหล่อนอยู่อีกแล้ว
เขาจึงสนับสนุนให้พ่อแต่งงานอีกครั้ง ต่อไปในภายภาคหน้าจะได้มีคนคอยช่วยเหลือพ่อของเขา จริงไหม?
จี้เจี้ยนอวิ๋นตบบ่าเขา “ดูจากท่าทางของพ่อเธอแล้ว ถ้าเขาอยากแต่งงาน ก็คงจะได้แต่งในอีกไม่นานหรอก แล้วเธอก็ไม่ต้องกังวลกับฝั่งตระกูลเฉินหรอกนะ ในเมื่อพ่อของเธอแต่งงานกับลูกสาวของทางนั้น คนทางนั้นคงดูแลเธอได้ไม่เลว”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ ผมโตแล้ว ใครจะมารังแกผมได้?” เซียวจวิ้นเลิกคิ้ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “กินให้เยอะ ๆ เข้าสิ พอโตขึ้นอาจะส่งเธอไปเป็นทหารเอง”
“ครับ!” เซียวจวิ้นตาลุกวาว
เซียวต้าจวินถูกตาต้องใจเฉินซวงซวงซึ่งขายเต้าหู้อยู่ร้านข้าง ๆ แต่เขายังลังเลใจครั้งแล้วครั้งเล่า
คนอย่างเขาถึงแม้จะหาเลี้ยงครอบครัวได้ แต่ก็มีร่างกายไม่สมประกอบดี ผู้คนอาจคิดดูถูกเขา แถมเขายังมีอายุมากกว่าหล่อนหลายปี
ระหว่างตกอยู่ในภวังค์ความรู้สึกว่าตนเองช่างต่ำต้อย เขาก็อดจะมีความหวังขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเขาให้ปลาหล่อนไปกิน แล้วหล่อนมอบเต้าหู้ตอบแทนเขามา นี่ไม่ได้หมายความว่าหล่อนเองก็ใจตรงกับเขาเหมือนกันหรอกเหรอ?
แม้แต่เซียวจวิ้นยังรู้เรื่องนี้ นับประสาอะไรกับแม่ของเขา
เมื่อคุณแม่ต้าจวินกลับมาจากข้างนอก นางก็เห็นของขวัญปีใหม่ที่จี้เจี้ยนอวิ๋นนำมาให้ ก่อนส่งยิ้ม “เจี้ยนอวิ๋นมาที่นี่เหรอ?”
“ใช่ครับ” ต้าจวินพยักหน้ารับ
คุณแม่ต้าจวินเริ่มลงมือแบ่งเนื้อและปลา รวมถึงน้ำตาลทรายแดง “เอาของพวกนี้ไปให้ซวงซวงสิ”
“แม่ พูดอะไรน่ะครับ?” ต้าจวินว่าตะกุกตะกัก “จะให้ของขวัญปีใหม่เพื่อนบ้านเยอะขนาดนี้ได้ยังไงกัน”
“คิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรเหรอ?” คุณแม่ต้าจวินมองค้อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ผม ผมคิดอะไรเหรอครับ?” ต้าจวินเอ่ยขึ้นอย่างขัดเขิน
“ฉันเจอแม่หนูซวงซวงแล้ว หล่อนนิสัยดีจะตายไป แล้วครอบครัวหล่อนก็สนใจในตัวแกด้วย ฉันคิดว่าพ่อแม่หล่อนคงประทับใจในตัวแก ถึงยังไงแกก็เคยเป็นทหารมาก่อน ไม่อย่างนั้นครอบครัวเราคงไม่ได้โอกาสแบบนี้” คุณแม่ต้าจวินเอ่ย
ช่วงนี้นางออกไปทักทายผู้คนบ่อยครั้ง นางย่อมคาดคิดไว้แล้วว่าต้องมีคนถามถึงเรื่องขาของลูกชายนาง
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย มันเป็นหลักฐานแห่งการรับใช้ชาติ ทุกคนต่างมองด้วยความชื่นชม และข่าวนี้ได้ลอยไปถึงครอบครัวเฉิน
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้อาวุโสตระกูลเฉินทั้งสองยิ่งรู้สึกชื่นชมต่อลูกชายนางขึ้นไปอีก
ส่วนเฉินซวงซวงนั้นมีใจให้ลูกชายนางตั้งนานแล้ว นางเห็นกับตาตัวเองมาตลอด
“แม่ครับ อย่าไปพูดอะไรไร้สาระเลยครับ ไม่ต้องให้คนไปคุยกับทางตระกูลเฉินด้วย” ต้าจวินบอก
“ไม่ได้ไร้สาระนะ รีบไปเร็วเข้า แกเอาไปให้เอง ตระกูลเฉินคงรู้เจตนาของเราดี แล้วนี่แกได้บอกเรื่องนี้กับเจี้ยนอวิ๋นตอนที่เขามาที่นี่หรือเปล่า?” คุณแม่ต้าจวินถาม
“ยังไม่มีอะไรสักหน่อยครับ ผมจะไปบอกอะไรได้ล่ะ” ต้าจวินส่ายหน้า
“เอาล่ะ ครั้งหน้าแกก็เชิญเจี้ยนอวิ๋นมางานแต่งของแกด้วยแล้วกัน”คุณแม่ต้าจวินบอก
ต้าจวินไม่อาจขัดอะไรกับความคิดของแม่ตนได้ แต่เขายังออกไปมอบของขวัญปีใหม่ และทางตระกูลเฉินก็ได้รับเอาไว้
“แม่คะ ใครเป็นคนเอามาให้เหรอคะ?” เฉินซวงซวงลูกสาวที่ยังเหลืออยู่ในบ้านเดินออกมาจากห้อง และเห็นข้าวของบนโต๊ะ
“ต้าจวินเอามาให้น่ะ” คุณแม่เฉินมองหน้าลูกสาวขณะบอก
เฉินซวงซวงพลันดีใจขึ้นมา “เขา… เขาส่งของดี ๆ มากมายขนาดนี้มาทำไมกันนะ”
คุณพ่อเฉินไม่ได้กล่าวอะไร ทำเพียงหยิบถั่วขึ้นมา เป็นคุณแม่เฉินที่เอ่ย “ต้าจวินเขาสนใจในตัวลูกนะ”
เฉินซวงซวงหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
สำหรับผู้หญิงอายุเท่าหล่อน ย่อมมีน้อยคนที่จะได้แต่งงาน หากแต่เฉินซวงซวงไม่คิดดูถูกตัวเองเพียงเพราะอายุของหล่อน หล่อนจึงเลือกผู้ชายที่เหมาะสมจะร่วมชีวิตด้วย
สำหรับเซียวต้าจวิน หล่อนตกหลุมรักเขาเข้าเต็มเปา
ทั้งกล้ามแขนใหญ่โต ดูแข็งแรงกำยำเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะชำแหละหมู ไก่ หรือปลา เขาล้วนทำได้ช่ำชองทั้งนั้น
ที่น่าประทับใจที่สุดคือตอนที่หล่อนไปขนถั่วแล้วเจอเขาเป็นครั้งแรก มันหนักเสียจนขยับไม่ได้ แต่ถั่วพวกนั้นกลับถูกเขาแบกขึ้นมาให้
เขาแบกมาส่งให้หล่อนถึงหน้าประตู ก่อนจะกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ตั้งแต่ครั้งนั้น ผู้ชายคนนี้ก็ทำให้หล่อนประทับใจเหลือเกิน
แม้เขาจะใช้ขาได้ไม่สะดวกนัก เขายังเป็นผู้ชายอกสามศอก ต่อให้ต้องใช้ไม้เท้า แต่เขายังคงสมชายชาตรี!
หลังจากเฝ้าลอบมองเขา หล่อนก็ตกหลุมรักชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว
เพียงแค่หล่อนขาดความมั่นใจในตนเอง เนื่องจากตนมีปัญหาด้านการได้ยิน ทั้งยังพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ถึงได้แต่ต้องอยู่แบบนี้มาจนถึงตอนนี้
เรื่องนี้เพื่อนบ้านต่างรู้กันดี และพวกเขาไม่รู้ว่าต้าจวินจะมีใจให้หล่อน หรือคิดดูถูกหล่อนหรือไม่
แต่ตอนนี้ต้าจวินกลับส่งของขวัญปีใหม่มาให้ถึงขนาดนี้ รวมถึงคำพูดของผู้เป็นแม่ด้วย ชวนให้หล่อนยินดีเหลือเกิน
“ซวงซวง บอกแม่มาตามตรงนะ ใจลูกคิดยังไงกันแน่?” คุณแม่เฉินถาม
“แม่คะ คือฉัน…ฉันไม่รู้ค่ะ” เฉินซวงซวงก้มหน้างุด
หล่อนตอบว่าไม่รู้ แต่การกระทำของหล่อนมันยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ?
คุณแม่เฉินจึงบอก “อย่างนั้นก็ช่าง ให้เขาไปคบผู้หญิงคนอื่นเถอะ แม่จะคืนของพวกนี้ไปแล้วกัน”
“แม่คะ” เฉินซวงซวงรีบเงยหน้า และท้วงขึ้นทันที
เมื่อเห็นรอยยิ้มของแม่ หล่อนก็รู้ว่าแม่หยอกหล่อนเล่น ใบหน้าพลันขึ้นสีระเรื่อ
“ต้าจวินก็ใช้ได้เลยนะ” คุณพ่อเฉินผู้เงียบขรึมว่าขึ้น
“ไม่แย่เลย แต่ว่าเขามีลูกชายแล้วนะ เขาอายุมากขนาดนั้นแล้วนี่นา” คุณแม่เฉินบอก
“แล้วมันยังไงล่ะ?” คุณพ่อเฉินเอ่ยอย่างไม่คิดมาก
“มันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ครอบครัวเขามีลูกชายแล้ว เป็นความหวังให้สืบสกุล ครอบครัวเรายังไม่มีสักคน ฉันเลยตั้งใจว่าเมื่อไหร่ที่ซวงซวงมีลูกเป็นของตัวเอง ครอบครัวเฉินของเราก็จะยกมรดกให้หลาน ส่วนฝั่งครอบครัวเขา ก็ยกให้เซียวจวิ้นไป อย่างนั้นจะได้ไม่มีเรื่องบาดหมางกัน” คุณแม่เฉินบอก
คุณพ่อเฉินชะงัก ก่อนเผยท่าทางซาบซึ้งออกมา
เฉินซวงซวงท้วง “แม่คะ แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอคะ?”
“จะเป็นอะไรไปล่ะ? เรายกมรดกให้ลูกชายของลูกในอนาคต จะไปมีปัญหาอะไรกัน?” คุณแม่เฉินเสริม “นี่เป็นเพียงเงื่อนไขเดียวที่แม่ขอจากต้าจวิน ลูกไปเจอเขาเป็นการส่วนตัว บอกเงื่อนไขของครอบครัวเราให้เขารู้ตามนี้ ถ้าเขาตกลงก็รีบจดทะเบียนกัน ถ้าไม่ตกลงก็ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย”
ใช่แล้ว การแต่งงานในสมัยนี้ช่างรวดเร็ว หากคิดว่าเหมาะสมก็สามารถไปจดทะเบียนกันได้ทันที ซึ่งทะเบียนสมรสนี้มีอายุตลอดชีพ ให้พวกเขาอยู่สนับสนุนจุนเจือกันไปตลอดชีวิต
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คู่นี้ก็น่ารักนะคะ แถมลูกชายยังสนับสนุนเต็มที่ด้วย จริง ๆ แล้วการแต่งงานใหม่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ขอแค่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันก็อยู่กันได้ไม่แพ้คู่แต่งงานที่ยังไม่เคยใช้ชีวิตแต่งงานเลยล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)