ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 338 คุณค่าของลูกผู้ชาย
ตอนที่ 338 คุณค่าของลูกผู้ชาย
ตอนนี้มีร้านค้าอยู่ทั้งที่เมืองเจียงสุ่ย เมืองมหาวิทยาลัย ในตัวอำเภอ และปักกิ่ง
ร้านค้าที่ปักกิ่งยังคงส่งเพียงธัญพืชและของแห้งไปขาย ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้ส่งหมูแดดเดียวไป ได้รับความนิยมมากทีเดียว
ส่วนของอื่น ๆ นั้นยังไม่มีเพิ่มเติม สินค้าจึงยังไม่หลากหลายมากนัก
หากแต่จำต้องเป็นเช่นนั้น ด้วยตอนนี้การรักษาคุณภาพสินค้าเมื่อส่งไปขายได้ไม่ง่ายนัก
มันน่าจะมีทางรถไฟอย่างที่โจวต้าเว่ยกล่าวไว้เกิดขึ้นแล้ว แต่จนถึงป่านนี้ เขาก็ยังไม่เห็นว่าจะมีวี่แววเลย
เขาจำเป็นต้องส่งของไปยังร้านค้าที่เหลือเช่นกัน ในทุก ๆ วันจึงมีงานต้องทำไม่จบไม่สิ้น หากทำเสร็จสิ้นคืนนี้ พรุ่งนี้ก็ยังมีงานให้ทำต่อ
โชคดีที่มีคนงานเพียงพอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานหลวมตัวลงมากขนาดนั้น
จี้เจี้ยนอวิ๋นงานยุ่ง ซูตานหงซึ่งอยู่ที่บ้านจึงมีหน้าที่ช่วยให้เขาสบายใจ ทุกวันเธอจะเปลี่ยนอาหารไม่ให้เขาเบื่อ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่เคยรู้สึกเครียดแม้จะงานยุ่ง
ด้วยความที่เขางานรัดตัว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่มีเวลาคิดเรื่องที่คุณแม่จี้หนีไป
คุณแม่ซูแวะมาหา นางช่วยซูตานหงดูแลงานบ้าน เนื่องจากถึงช่วงที่แตงโมที่สวนจะสุกแล้ว
สวนมีพื้นที่กว้างขวาง ตอนนี้มีพืชผลในสวนแห่งที่ 4 เป็นจำนวนมาก เห็นทีคงจะงานยุ่งกว่าเดิม
เมื่อคุณแม่ซูมาถึง นางก็บอกว่าครอบครัวซูกำลังจะสร้างบ้านหลังใหม่ปีนี้
“มีเงินพอเหรอคะ?” ซูตานหงถาม
“พอสิ สร้างบ้าน 2 ชั้น ให้พี่ใหญ่กับพี่รองอยู่ไปคนละ 1 ชั้น สะใภ้ใหญ่บอกว่าอยากอยู่ชั้น 2 ส่วนสะใภ้รองบอกว่าขออยู่ชั้นล่าง ฉันเองก็จะอยู่ชั้นล่างเหมือนกัน” คุณแม่ซูบอก
ซูตานหงพยักหน้าและไม่ได้ออกความเห็นอีก
หากพี่สะใภ้รองอยู่แถบชนบท เธอคงไม่แนะนำให้อยู่ร่วมชายคากัน แต่ตอนนี้พี่สะใภ้รองของเธอตั้งรกรากในเมืองแล้ว เพียงแค่กลับมาในช่วงปีใหม่เท่านั้น จึงไม่มีปัญหาให้ต้องกังวล
จนกระทั่งช่วงนี้พวกหล่อนก็ยังเข้ากันไม่ค่อยได้นัก
“แม่สามีแกยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” คุณแม่ซูกระซิบถาม
“ยังค่ะ น่าจะยังอยู่สุขสบายดีในอำเภอ” ซูตานหงตอบ
แม้จี้อวิ๋นอวิ๋นจะใช้การไม่ค่อยได้ หล่อนก็คงไม่ปฏิบัติแย่ ๆ กับแม่ของตนแน่นอน
คุณแม่ซูเม้มปากและบอก “ฉันเคยให้ของนางหมาป่าตาขาวนี่ไปตั้งมาก แถมแกยังเคยซื้อทองให้หล่อนด้วยนี่!”
ซูตานหงส่งยิ้ม “ช่างมันเถอะค่ะ เงินทองของนอกกาย คิดดูสิคะ ความสุขเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว”
“งั้นแกก็ต้องมีเงินก่อนถึงจะมีความสุขได้ ถ้าไม่มีเงิน ต่อให้พยายามแค่ไหนก็คงไม่มีความสุขหรอก” คุณแม่ซูปรายตามอง
ซูตานหงพยักหน้า สิ่งที่แม่ของเธอพูดมาก็มีเหตุผล
แต่อย่างไรก็ตาม ขอเพียงครอบครัวเธอเป็นเช่นนี้ต่อไป เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความสุข
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาลงบัญชีและสรุปรายได้ต่อเดือนเมื่อวาน
เธอนั่งเย็บกางเกงพลางเหลือบมองอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้เมื่อหักค่าแรงแล้ว รายได้ต่อเดือนของครอบครัวเธอก็คงที่อยู่ที่ราว 4,000 หยวน
ยังมีบัญชีของพ่อค้าขาจรจำนวนมากที่ยังไม่ได้นับรวม เนื่องจากพวกเขาเที่ยวสรรหาสินค้าไปทั่ว จึงค่อนข้างอยู่อย่างกระจัดกระจาย แต่หลังจากคำนวณแล้ว คงทำรายได้อยู่ที่ราว 100 หยวน
ตอนนี้ฐานะทางการเงินของครอบครัวเธอจึงมั่นคงมาก
เมื่อถึงคราวสิ้นปี กำไรสุทธิจากการขายหมูและแกะอาจสูงได้ถึงประมาณ 70,000 ถึง 80,000 หยวน
เงินจำนวนนี้ในยุคสมัยนี้ เรียกได้ว่าเป็นจำนวนเงินที่มากจนคาดไม่ถึง
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แกอยากจะสร้างบ้านไว้ที่นี่บ้างสักหลังไหม?” คุณแม่ซูถาม
“อยู่แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ” ซูตานหงบอก
แม้ว่าบ้านจะเล็กไปเสียหน่อย แต่ยังอยู่ได้สบายดี
“เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็หันมาสร้างบ้านกัน ราคาปูนกับอิฐเลยกำลังขึ้น ต่อไปบ้านก็คงจะแพงขึ้นมาก” คุณแม่ซูเอ่ย
ตอนที่นางคิดอยากจะสร้างบ้าน ก็ได้คิดไว้แล้วว่าต้องใช้เงินจำนวนมาก
“ไว้คุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะค่ะ” ซูตานหงกล่าว
“แกต้องซื้อที่ดินเก็บเอาไว้ให้เหรินเหรินบ้างนะ รวมถึงฉีฉีกับเสียงเสียงด้วย ควรซื้อให้คนละผืน” คุณแม่ซูเสริม
ซูตานหงฟังแล้วเก็บมาคิด เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาถึงบ้าน เธอจึงเล่าให้เขาฟัง
“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า
เขาจึงไปหาผู้ใหญ่บ้านและซื้อที่ดิน 3 แห่งไว้ทันทีที่มีคนประกาศขาย ตอนนี้สามารถซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กันได้แล้ว พอดีกับลูกชายทั้งสามของเขาอยู่ที่นี่ เขาจึงตัดสินใจซื้อ
หากไม่มีลูกชาย ต่อให้มีเงินก็คงไม่รู้จะซื้อไปเพื่ออะไร
ตอนนี้ราคาที่ดินยังไม่สูง ตกอยู่ที่แปลงละ 300 หยวนเท่านั้น ซื้อทั้งหมด 3 แปลง ใช้เงินไปเพียง 900 หยวน
จี้เจี้ยนอวิ๋นจ่ายเงินก้อนนี้ในคราวเดียว
ที่ดินทั้ง 3 แห่งล้วนตั้งอยู่ในทำเลดี แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่คิดสร้างบ้านในตอนนี้ หลังจากได้โฉนดมา เขาสั่งให้จี้ต้าหย่งเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านมาทำงาน จี้เจี้ยนอวิ๋นจ้างพวกเขาเป็นคนงานรายวัน ตกวันละ 2 หยวน หลายคนจึงยินดีมาทำงานให้ โดยได้รับค่าจ้างรายวัน
ที่ดินทั้ง 3 แปลงมีการเพาะปลูกทั้งถั่วเขียว ถั่วเหลือง งา และถั่วลิสง
เขาไม่ปล่อยให้ที่ดินในตอนนี้ต้องเสียเปล่าเลย
พื้นที่ทำการเกษตรไม่ได้ถูกจัดสรรว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ แต่สามารถนำไปต่อยอดได้อย่างไม่มีปัญหา หากต้องการสร้างบ้านในภายภาคหน้า ก็สามารถทำได้ทันที
ก่อนหน้านี้จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดจะซื้อสวนอีก ใช่แล้ว เขาไม่คิดจะหยุดพัก แม้งานจะล้นมือ แต่เขายังต้องการสร้างสวนผลไม้ใหม่อีก
ไม่นานนักจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเริ่มลงมือจัดการเรื่องนี้
ในครั้งนี้ เขาซื้อภูเขามาถึง 2 ลูก
เนื่องจากพวกเขาคุ้นเคยกันดี จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ได้ไปด้วยตนเองด้วยซ้ำ เขาทำเพียงบอกให้อีกฝ่ายส่งเมล็ดพันธุ์ชั้นดีมาให้
ต้นเชอร์รี่ถูกปลูกเป็นส่วนใหญ่ อีกส่วนคือต้นพุทรา และที่เหลือไม่มากคือต้นไม้ผลชนิดอื่น
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ายอดขายเชอร์รี่และพุทราล้วนดีมาก จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเลือกปลูกพืช 2 อย่างนี้ โดยมีเชอร์รี่ยืนพื้นเป็นหลัก
ซูตานหงรู้ว่าสามีเป็นคนกล้าเสี่ยง แต่ก็ช่วยไม่ได้ นี่คงเกือบจะเป็นสวน 2 แห่งสุดท้าย เพราะถ้าขยับออกไปอีกนิดก็จะพ้นเขตหมู่บ้านของพวกเขาไปแล้ว
ระหว่างที่จ้างคนไปรดน้ำ ซูตานหงได้เริ่มพาเสียงเสียงไปรดน้ำพุวิเศษเหมือนเช่นเคย
ตอนนี้เสียงเสียงวิ่งกระโดดโลดเต้นได้แล้ว อยู่ในวัยกำลังซน แต่เขากลับตั้งใจรดน้ำต้นไม้มาก เพราะรู้สึกว่าการได้ช่วยผู้ใหญ่แบบนี้ทำให้เกิดความภาคภูมิใจไม่น้อย
ที่สวนเหนืออ่างเก็บน้ำ ผลไม้มากมายสุกงอมและพร้อมเก็บเกี่ยวแล้วเช่นกัน
หน้าร้อนนี้จึงมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย
แต่ซูตานหงได้เห็นท่าทางมีความสุขของสามีในทุกวัน มันชวนให้รู้สึกดีตามไปด้วย
งานที่ยุ่งทั้งวันช่วยเติมเต็มชีวิตของสามีเธอได้ ราวกับว่าเขาค้นพบคุณค่าของตัวเอง
ในหน้าร้อนปีนี้ จี้เจี้ยนเหวินกับเยียนเอ๋อร์ได้กลับมาที่นี่
ส่วนอวิ๋นลี่ลี่นั้นไม่ได้กลับมาด้วย หล่อนอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ย จี้เจี้ยนเหวินบอกว่าหล่อนมีสอนหนังสือชดเชย
ซูตานหงเห็นท่าทางไม่สบายใจของเขา ก็รับรู้ชัดว่าสิ่งที่เขาพูดไม่เป็นความจริง จี้เจี้ยนเหวินมักไม่ค่อยโกหก บางทีอาจเป็นอวิ๋นลี่ลี่ที่เป็นต้นคิด
หากซูตานหงคิดไม่ผิด อวิ๋นลี่ลี่ก็น่าจะเปิดร้านร่วมกับจี้อวิ๋นอวิ๋นแล้ว
เนื่องจากไม่กี่วันก่อน เธอได้ยินมาว่าร้านของจี้อวิ๋นอวิ๋นในตัวอำเภอถูกทุบทำลายราบคาบ หล่อนจึงพาคุณแม่จี้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่จี้คือขยันสุด ๆ ยิ่งได้ทำงานยิ่งมีไฟ แถมยังกล้าเสี่ยงมากด้วย
ลี่ลี่เริ่มเห็นผลของการไปร่วมมือกับนังสองอวิ๋นแล้วสินะ จากที่สบายอยู่ดี ๆ กลายเป็นลำบากเลย
ไหหม่า(海馬)