ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 333 กลับไปบ้านแม่!
ตอนที่ 333 กลับไปบ้านแม่!
หลังได้ฟังคำที่มารดาเล่า จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่พอใจมากเช่นกัน
ตอนนี้หล่อนมีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะว่าหล่อนหาเงินได้เอง ทั้งยังมีรายได้ก้อนโตด้วย
ผิดกับเมื่อก่อนในตอนที่หล่อนหย่ากับโจวจื่อ ตอนนี้หล่อนไม่จำเป็นจะต้องสนใจใครหน้าไหนอีกแล้ว!
ปีนี้หล่อนตั้งใจจะกลับไปร่วมมื้อเย็นฉลองปีใหม่ที่บ้าน แต่เพราะซูตานหงไม่แม้แต่จะช่วยเกลี้ยกล่อม หล่อนจึงไม่อาจกลับไปได้
หากจี้อวิ๋นอวิ๋นได้กลับไปบ้านตระกูลจี้ หล่อนจะต้องไปฉีกหน้าซูตานหงให้รู้แล้วรู้รอด!
ส่วนพี่สามของหล่อนผู้ที่ขึ้นชื่อว่ากตัญญูนักหนา ตอนนี้กลับหลงภรรยาอย่างซูตานหงหัวปักหัวปำ จนถึงขั้นคิดต่อต้านแม่ตนเอง
ด้วยเหตุนี้ จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงมาหาถึงหน้าประตู
หล่อนมาถึงในจังหวะที่ซูตานหงกำลังป้อนน้ำแกงเนื้อกับของว่างให้เสียงเสียง ตอนนี้อากาศยังหนาวเย็นอยู่บ้าง เสียงเสียงยังใส่เสื้อหลายชั้น ตากลมโตเข้ากับรูปร่างจ้ำม้ำ ชวนให้เอ็นดูไม่น้อย
“พี่ใหญ่ของลูกไปเรียนหนังสือ ส่วนพี่รองก็ซนซะเหลือเกิน ตอนนี้มีแต่ลูกที่อยู่กับแม่นะ” ซูตานหงบอก
เธอรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย และตั้งใจไว้ว่าจะมีลูกสาวสักคนให้ได้ ดูลูกชายเหล่านี้สิ พวกเขายังเล็กนัก และยังไม่มีครอบครัวเลยสักคน
ขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ยกมือเคาะประตู
ซูตานหงพลันถาม “ใครคะ?”
“ฉันเอง!” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
ซูตานหงมุ่นคิ้วอย่างแปลกใจ หลังจากกินข้าวหมดคำ เสียงเสียงก็ลุกไปเปิดประตูอย่างไม่รีบร้อน
จี้อวิ๋นอวิ๋นว่าเหยียดพลางมองหน้าเธอ “ฉันคิดว่าเธอจะทำตัวดีกว่าแต่ก่อน แต่นึกไม่ถึงว่าจะยิ่งอวดดี และกล้ายุยงให้พี่สามของฉันหัวแข็งกับแม่ขนาดนี้!”
“เธอประเมินฉันสูงเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก พูดถึงเรื่องความสามารถ เกรงว่าฉันคงเทียบ 1 ใน 10 ของเธอไม่ได้ เธอไปทำเรื่องงามหน้ากับคนอื่น แล้วยังกล้ากลับมาที่หมู่บ้าน ไม่รู้เหรอว่าชาวบ้านเขาพูดถึงเธอยังไงบ้าง? เธอยังมีหน้ากลับมาได้ยังไงกันนะ?” ซูตานหงตอกกลับเสียงเรียบ
“เธอไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันหรอก!” จี้อวิ๋นอวิ๋นขึ้นเสียงไม่พอใจ
“แล้วเธอมายุ่งอะไรกับเรื่องของฉัน” ซูตานหงบอก
“เธอก็ได้แต่เกาะพี่ชายฉันกิน ไม่มีพี่สามสักคน คนอย่างเธอจะอยู่ยังไง? คิดว่าตัวเองเก่งนักหนาสินะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าวเย้ย
หล่อนคิดว่ามันเป็นปมในใจของซูตานหง
ทว่าซูตานหงกลับไม่ได้สะทกสะท้านกับเรื่องนี้ เธอทำเพียงยิ้มและบอก “ไปร้องแรกแหกกระเชอกับแม่เธอ พ่อเธอ พี่ใหญ่ พี่รอง หรือแม้แต่พี่สี่ของเธอเถอะ ฉันคร้านจะพูดถึงเรื่องไร้สาระแบบนี้เต็มทน จี้อวิ๋นอวิ๋น ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ครอบครัวของเราคงมาไม่ได้ถึงขนาดนี้หรอก ครอบครัวของฉันถึงได้สุขสบายดี ถ้าไม่มีฉันสักคน พ่อแม่เธอ รวมถึงพี่สี่ พี่ใหญ่ และพี่รองของเธอ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง เธอกลับมาบอกฉันว่าฉันเอาแต่เกาะครอบครัวเจี้ยนอวิ๋นกินอย่างนั้นเหรอ? ก่อนจะพูดออกมา สำเหนียกก่อนเถอะว่าใครกันแน่ที่พึ่งพาใคร!”
“ตอนนั้นที่จี้เจี้ยนหวินกับอวิ๋นลี่ลี่เอาเงินพ่อแม่เธอไปซื้อบ้านตั้ง 500 หยวน แล้วเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานโวยวายในวันปีใหม่ ใครกันที่เอาเงินให้?”
“ตอนที่สวนถูกโอนมาเป็นของครอบครัวฉัน ใครที่เป็นคนจ่ายเงินค่าสวน?”
“ค่าบริหารจัดการทั้งหมด ใครเป็นคนจ่าย!”
“ตอนแรกทั้งพ่อและแม่เธอเหนื่อยและไม่คิดจะทำสวนต่อ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คิดว่าสวนจะงอกงามได้ขนาดนี้เหรอ? โดยเฉพาะแม่เธอ คิดว่าฉันกตัญญูแล้วจะข่มเหงยังไงก็ได้เหรอ ฉันเป็นลูกสาวตระกูลซู ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม*! ในเมื่อแม่เธอเอาเปรียบกัน ก็อย่าโทษว่าฉันอกตัญญูเลย!”
*คนที่มีบุคลิกอ่อนแอ เป็นเป้าให้คนอื่นข่มเหงรังแกได้
หลังจากร่ายยาวจนจบ ซูตานหงไม่แม้แต่ชายตามองจี้อวิ๋นอวิ๋น เธอปิดประตูใส่หน้าทันที
จี้อวิ๋นอวิ๋นซึ่งไม่มีจังหวะพูดแทรกโกรธเสียจนหน้าดำหน้าแดง
เดิมทีหล่อนคิดว่ามีอะไรมาเข้าสิงซูตานหง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางมารร้ายก็ยังเป็นนางมารร้ายอยู่วันยังค่ำ ชีวิตนี้คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงสันดานนางมารร้ายของหล่อนได้!
คุณแม่จี้เดินออกมาจากมุมหนึ่ง สีหน้าตอนนี้ฉายแววหม่นหมอง
โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของซูตานหง ชวนให้นางปวดร้าวในใจเหลือเกิน!
“แม่ ทีนี้ก็เห็นแล้วสินะคะ แม่คิดว่าหล่อนดีกับแม่ ความจริงแล้วเป็นการเสแสร้งของหล่อนทั้งนั้น!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันกรอด
“แม่นึกไม่ถึงเลย ว่าลับหลังแล้วซูตานหงจะกลายเป็นคนแบบนี้!” คุณแม่จี้เอ่ยอย่างรวดร้าว
“หล่อนต้องขอบคุณแม่ที่ทำงานหนักที่สวนด้วยซ้ำ หล่อนทำแบบนี้กับแม่ได้ยังไงกัน?” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
คุณแม่จี้หน้าเสียและนิ่งเงียบ
นางตื่นแต่เช้าตรู่มาเก็บไข่ทุกวัน ก่อนจะไปทำอาหารให้พวกเขา กว่าจะมาถึงวันนี้เป็นเรื่องง่ายเสียที่ไหน?
หากแต่คิดไม่ถึงว่าสำหรับซูตานหง นางจะไม่ได้ยินคำพูดดี ๆ เลยแม้แต่น้อย ทำให้นางเจ็บปวดมากเหลือเกิน!
“แม่ ไปอยู่ในเมืองกับฉันเถอะ จะได้มาช่วยฉันดูแลร้านด้วย ฉันงานยุ่งมาก แต่ยังไม่คิดจ้างใครใหม่ในตอนนี้” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
“แต่พ่อของแก…” คุณแม่จี้ลังเลใจ
“พ่อก็เข้าข้างพวกเขานั่นแหละ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แม่ไปเก็บเสื้อผ้าแล้วตามฉันไปเดี๋ยวนี้เลย!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย
“ได้สิ!” คุณแม่จี้พยักหน้ารับ
คุณแม่จี้จึงขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าที่สวน แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าเสื้อผ้าของนางถูกเก็บเข้ากระเป๋าเรียบร้อยแล้ว รวมถึงเงินสด ทั้งหมดวางอยู่รวมกัน
“ตั้งแต่รู้ว่าคุณกับจี้อวิ๋นอวิ๋นแอบไปพบกัน ผมก็รู้ว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ คุณเอาของพวกนี้ไปซะ ไปแล้วไปลับ อย่ากลับมาอีก ไปอยู่กับจี้อวิ๋นอวิ๋นเถอะ ที่นี่ไม่ต้องการคุณอีกแล้ว เราดูแลกันเองได้” คุณพ่อจี้บอก
คุณแม่จี้ไม่ปริปากสักคำ นางจากไปพร้อมข้าวของและเงินสด 800 หยวนที่นางออมไว้มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมา เขาก็พบว่าแม่ของตนไปอยู่กับจี้อวิ๋นอวิ๋นในเมืองแล้ว
ซูตานหงสารภาพและบอกจี้เจี้ยนอวิ๋นแต่โดยดี เรื่องที่จี้อวิ๋นอวิ๋นมาหาเธอ และบอกเขาว่าเธอพูดอะไรกับจี้อวิ๋นอวิ๋นไปบ้าง
“ถ้าแม่คุณมีเหตุผล ถ้าฉันเนรคุณจริง ฉันก็ยอมรับว่าตัวเองเลวเหมือนปีศาจ แต่ถ้าแม่คุณช่วยลูกสาวให้มารังแกฉัน ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วย ซูตานหงคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันง่าย ๆ ฉันรู้ว่าคุณแม่อยู่ด้วยตอนที่จี้อวิ๋นอวิ๋นมาหา แค่ซ่อนตัวและไม่ยอมออกมาเท่านั้น คำพูดพวกนั้นฉันตั้งใจบอกคุณแม่ค่ะ” ซูตานหงบอกเสียงเรียบ
“อย่าอารมณ์เสียด้วยเรื่องพวกนี้เลย ปีนี้ผมเลี้ยงหมูตั้ง 40 ตัว งานคงยุ่งมากแน่ ๆ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ภรรยาของเขาดูอ่อนโยน แต่ด้วยนิสัยใจคอแบบนี้ เธอก็ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบเธอได้เช่นกัน
“ฉันหยาบคายกับแม่ของคุณมาก คุณไม่โกรธฉันเหรอคะ?” ซูตานหงถามขึ้นพลางสบตาเขา
“ไม่สำคัญหรอกครับ แม่อยากไปอยู่ที่ไหนก็ตามใจท่านเถอะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพลันบอก
“ฉันเก็บข้าวของแล้ว ว่าจะพาเสียงเสียงกลับไปอยู่บ้านแม่สัก 2 วัน ฝากคุณดูแลที่เหลือด้วยนะคะ!” ซูตานหงเอ่ย