ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 328 เถ้าแก่ผู้ใจดี
ตอนที่ 328 เถ้าแก่ผู้ใจดี
ป้าหลี่หัวเสียแทบบ้าแต่เช้าตรู่เพราะลูกชาย
สามีให้เงินนางก็จริง แต่เขาได้ขึ้นเงินเดือนไม่น้อย กลับให้นางเพียง 20 หยวนต่อเดือน แน่นอนว่านางย่อมไม่พอใจ จึงโวยวายออกมา เขาเลยทำเพียงไม่ส่งเงินมาให้นาง
1 เดือนให้หลังนับจากก่อเรื่อง ตาแก่นั่นก็ไม่ได้ส่งเงินมาให้
เขาไม่ได้ให้จนกระทั่งเดือนที่ 2 หากแต่ไม่ได้ให้เงินชดเชยของเดือนก่อนมาด้วย
นางตั้งใจจะขึ้นไปโวยวายกับเขาที่สวน แต่ติดอยู่ที่ไม่อาจเข้าไปได้ ด้วยมีสุนัขตัวโตคอยเฝ้าอยู่
ครั้งก่อนที่ขึ้นไป นางเกือบถูกลากไปกับพื้น เคราะห์ดีที่หยางอ้ายเซินห้ามมันไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นมันคงพุ่งเข้ามากัดขานางแล้ว
แต่เท่านั้นก็ทำให้นางกลัวแทบตาย
ป่วยการจะพูดถึงสามีนาง มาพูดถึงลูกชายนางดีกว่า เงินเดือนของลูกชายนางเท่ากับสามีนาง นี่คือสิ่งที่ต่างออกไป!
“แม่ ไม่ต้องมาพูดกับผมหรอก เงินผมอยู่กับเจวียนจื่อหมด ถ้าแม่ขัดสนนักก็ไปเอาจากหล่อนเองเถอะครับ” จี้เจี้ยนเหอเอ่ย
ป้าหลี่อยากจะก่นด่าเหลือเกิน
หากซูเจวียนเป็นคนกตัญญู นางคงไม่ต้องมาหาลูกชาย นังหมาป่านั่นไม่ใช่คนดี ไม่แปลกที่หล่อนจะไม่มีวาสนาได้มีลูกชาย!
ป้าหลี่แบ่งเนื้อมาเพียงนิดเดียว แต่เมื่อเห็นว่าลูกชายมีเหลือเกือบ 1 ชั่งหลังจากแบ่งมา นางก็ตัดแบ่งไปอีกครึ่ง
นี่มันอะไรกัน แต่ถึงอย่างนั้นจี้เจี้ยนเหอก็ยังยอมให้ไป
ผิดกับซูเจวียนที่ไม่พอใจในทันทีที่กลับบ้าน หล่อนจึงออกไปพูดจาตีวัวกระทบคราด*
*ตีวัวกระทบคราด หมายถึง โกรธคนหนึ่งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ ไพล่ไปรังควานอีกคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องและตนสามารถทำได้
มีหรือที่ป้าหลี่จะไม่เป็นเดือดเป็นร้อน?
เช้าตรู่วันนี้ พวกชาวบ้านจึงได้ดูละครสดครั้งใหญ่
จี้เจี้ยนเหอคร้านจะใส่ใจเรื่องนี้ หลังกินอาหารเสร็จเขาก็ออกไปรับซื้อของป่ากับจี้ต้าหย่ง
ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว เพิ่งจะเข้าช่วงต้นเดือน ต่อไปคงไปรับซื้อไม่ได้อีก หากหิมะตกมันจะเดินทางไม่ง่ายนัก
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงต้องให้พวกเขางานยุ่งไปสักพัก และให้หยุดหลังผ่านช่วงนี้ไป
ช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นค่อนข้างว่าง เนื่องจากเขาจัดการมอบหมายงานให้คนงานแล้ว จึงมีเวลาว่างไม่น้อย ตอนนี้เหรินเหรินยังมีปู่ไปรับส่ง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่เข้าไปแทรกแซง
ส่วนฉีฉีนั้นถูกจี้เจี้ยนอวิ๋นอบรมอยู่ที่บ้าน
ฉีฉีไม่กลัวซูตานหง เขากลัวผู้เป็นพ่อมากกว่า อย่างไรก็ตามเขาออดอ้อนคนเป็นพ่อได้ง่ายกว่า เขาจึงมักอ้อนพ่อมากกว่าแม่
ขอเพียงไม่ใช่เรื่องเกินกว่าเหตุ พ่อเขามักยอมตามใจเสมอ
แต่ถ้าพ่อโกรธขึ้นมาแล้ว เขาไม่คิดกล้าเถียงเด็ดขาด
เขาถูกบังคับให้อ่านหนังสืออยู่หลายวัน พอถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงขับรถพาภรรยาและลูก ๆ รวมถึงหยวนหยวนไปซื้อเสื้อผ้าในเมือง
ในเมืองยังสมเป็นเมืองอยู่วันยังค่ำ หลายปีที่ผ่านมามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีโรงงานผุดขึ้นมากมาย คนงานจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย พวกเขาต่างมีรายได้มั่นคง อีกทั้งหลายครอบครัวยังย้ายมาอยู่ที่นี่
เนื่องจากที่นี่มีโรงเรียนประถมเปิดใหม่ 2 แห่ง รวมกับที่มีอยู่ก่อนหน้าอีก 2 แห่ง รวมแล้วมีถึง 4 โรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องดีมาก
ยังมีโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายอีก 2 แห่ง
หนึ่งในนั้นคือโรงเรียนมัธยมอันดับ 1 ของเมือง ในขณะที่โรงเรียนอื่น ๆ ยังอยู่ในช่วงทดลอง
ส่วนเรื่องการเรียนการสอน นับได้ว่าเป็นโรงเรียนมัธยมอันดับ 1 ในเมืองนี้
ทั้งครอบครัวเข้ามาในเมือง จี้เจี้ยนอวิ๋นอุ้มเสียงเสียง ขณะจับมือหยวนหยวนเอาไว้ เหรินเหรินกับฉีฉีลงเดินเอง เป็นภาพครอบครัว 6 คนอยู่กันพร้อมหน้า
พวกเขาซื้อเสื้อผ้าใหม่โดยใช้เงินปีใหม่ที่ได้มา เหรินเหรินไม่ได้สนใจอยากซื้อมากนัก เขาเพียงชอบออกมาข้างนอกกับพ่อแม่
ฉีฉีกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เขาถูกปล่อยให้เลือกเสื้อผ้าเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปคงไม่อยากใส่ซ้ำอีก
แน่นอนว่าซูตานหงเพียงตามคอยดูเขา มันทำให้เธอสบายขึ้นมากไม่ใช่หรือ?
นอกจากฉีฉีแล้ว ในส่วนเสื้อผ้าของเหรินเหริน ซูตานหงก็ปล่อยให้เขาเลือกเอง พวกเขาโตกันหมดแล้ว ตัดสินใจได้เองว่าต้องการใส่อะไร
ส่วนหยวนหยวนกับเสียงเสียงเธอยังต้องเลือกให้เอง เธอเลือกตัวที่คิดว่าเหมาะสมให้กับเสียงเสียง สำหรับหลานอย่างหยวนหยวน เธอถามเจ้าตัวก่อนว่าชอบเสื้อผ้าตัวไหน เมื่อเห็นเด็กน้อยพยักหน้าเหนียมอายเป็นสัญญาณว่าชอบ เธอจึงเลือกซื้อมา
เธอซื้อจำนวนไม่มาก เพียงแค่คนละ 2 ตัวเท่านั้น
สำหรับเสื้อผ้าของจี้เจี้ยนอวิ๋น ซูตานหงเองเป็นคนเลือกซื้อให้เช่นกัน
ที่เหลือเป็นส่วนของคุณพ่อกับคุณแม่จี้ และยังมีของเหล่าจางและแม่ของเธอ
“ตัวนี้เหมาะกับคุณดีนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยขณะอุ้มเสียงเสียง และหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาให้เธอดู
ซูตานหงบอก “ฉันมีที่บ้านเยอะแล้วค่ะ” เธอไม่คิดซื้อเพิ่มหรอก
“ซื้อเพิ่มสัก 2 ชุดเถอะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ทั้งครอบครัวได้เสื้อผ้ากันถ้วนหน้า แต่ภรรยาของเขากลับไม่ซื้อ เขาจะยอมได้อย่างไรกัน?
ซูตานหงส่งยิ้มกว้างให้เขา ไม่คิดปฏิเสธอีกต่อไป จึงเลือกซื้อเสื้อกันหนาวและชุดชั้นในอีก 2 ชุด ไม่ได้มีอย่างอื่นอีก เสื้อผ้าที่บ้านมีมากมายอยู่แล้ว ทั้งหมดล้วนยังใหม่เอี่ยมอยู่
หลังซื้อเสื้อผ้าเสร็จ เขานำพวกมันขึ้นรถ ก่อนจี้เจี้ยนอวิ๋นจะขับรถพาแม่ลูกไปกินขนม
สมัยนี้มีขนมมากมาย เขาซื้อขนมสายไหมให้เหรินเหริน ฉีฉี และหยวนหยวน เสียงเสียงอยากกินเช่นกัน เขาจึงซื้ออย่างอื่นให้ และนำไปป้อนเขา
ครั้นเจ้าเด็กตัวเหม็นได้กินขนมสายไหมหวานฉ่ำ เขาก็กระโดดลิงโลดในอ้อมแขนพ่ออย่างเริงร่า
ทั้งครอบครัวออกมาหลังมื้อเที่ยง จนกระทั่ง 4 โมงเย็นจึงเดินทางกลับบ้าน
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้าน พอดีกับที่หลี่จื้อขี่จักรยานมาถึง ปกติเขามักกลับมาไม่เย็นนัก แต่วันนี้มีสอนชดเชย ทำให้เขามาถึงช้ากว่าเดิม
“เสื้อผ้าสวยมากเลยค่ะ” หยวนหยวนรู้ว่าเขาเป็นพ่อ เมื่อเห็นเขามาถึง เธอก็หยิบเสื้อผ้าให้เขาดู
“สวยจังลูก หยวนหยวนใส่แล้วต้องน่ารักมากแน่ ๆ” หลี่จื้อเอ่ยชม
หยวนหยวนยิ้มตาหยีอย่างที่คาดไว้ จี้เจี้ยนอวิ๋นให้หลี่จื้ออยู่รับประทานมื้อเย็นด้วยกัน ตอนนี้อากาศเย็น เขาคงไม่ค่อยได้กินข้าวที่บ้าน เนื่องจากอาหารจะชืดเร็ว
วันนี้มีเกี๊ยวกวางตุ้งไส้เนื้อ เป็นอาหารแบบฉบับทางใต้ พวกเขาเคยกินแบบทางเหนือมาก่อน แต่เกี๊ยวกวางตุ้งไส้เนื้อนี้ก็นุ่มลิ้นและอร่อยมากเช่นกัน
แป้งเกี๊ยวบางพร้อมไส้แน่น เสริมเคียงด้วยเห็ดแสนอร่อย ทำให้กินกันหมดชามอย่างรวดเร็ว
แต่ละคนถึงกับยกชามและซดจนหมดเกลี้ยง
อาหารเรียบง่ายและอร่อยแบบนี้ สำคัญอยู่ที่ต้องกินตอนยังร้อน
เพื่อไม่ให้คนในบ้านเบื่อกัน ซูตานหงจึงมักทำอาหารในรูปแบบต่างกันไป บ้างเป็นก๋วยเตี๋ยว บ้างเป็นเกี๊ยว* หรือเกี๊ยวกวางตุ้ง**
*เป็นเกี๊ยวแบบที่เรียกว่า เจี่ยวจึ(饺子) หรือเกี๊ยวของคนจีนภาคเหนือ แป้งที่ใช้ห่อจะหนาและเป็นแผ่นกลม
**เป็นเกี๊ยวแบบที่เรียกว่า หุนทุน(馄饨) หรือเกี๊ยวของคนจีนภาคใต้ แป้งที่ใช้ห่อจะเป็นแป้งแผ่นบางสี่เหลี่ยม
อีกทั้งยังมีแป้งทอด โดยปกติจะกินแป้งทอดให้ยิ่งอร่อย ต้องมีน้ำแกงเคียงด้วย แม้ตัวมันเองจะอร่อยอยู่แล้วก็ตาม
เดี๋ยวนี้ทุกคืนที่เหล่าจางขึ้นไปที่สวน เขามักจะนำชาพุทราเก๋ากี้ใส่กาขึ้นไปด้วย เป็นธรรมเนียมดั้งเดิม ที่ซูตานหงจะชงชานี้ในช่วงหน้าหนาว
มันถูกต้มด้วยน้ำพุวิเศษ ซึ่งช่วยบำรุงร่างกายได้ดี
เมื่อถึงกลางเดือนพฤศจิกายน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็อนุญาตให้จี้ต้าหย่งกับจี้เจี้ยนเหอไม่ต้องไปทำไร่ และให้พวกเขาหยุดพักผ่อนที่บ้าน 1 วัน ค่อยกลับไปทำงานในวันต่อมา ชดเชยที่พวกเขาต้องเดินทางไปมาก่อนหน้านี้
แม้เถ้าแก่ของพวกเขาจะใจดี แต่ก็ยังต้องการให้พวกเขาทำงานอยู่