ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 325 เห็ดภูเขา
ตอนที่ 325 เห็ดภูเขา
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาก็การงานรัดตัวทันที จึงต้องรบกวนคุณแม่ซูอีกครั้ง
ครั้งนี้คุณแม่ซูคาบข่าวมาบอกซูตานหง
“ครั้งก่อนฉันไปซื้อเสื้อผ้าในอำเภอใช่ไหม? เลยเห็นว่าร้านของหล่อนขายดิบขายดี ลูกค้าแน่นเชียวล่ะ” คุณแม่ซูบอก
“ฉันเองก็คิดว่าหล่อนแต่งตัวทันสมัยดีค่ะ” ซูตานหงกล่าว
‘ทันสมัย’ เธอเรียนรู้คำนี้มาจากในโทรทัศน์
สิ่งที่เธอพูดไม่ผิดแต่อย่างใด ครั้งนี้จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมาแล้วดูราวกับเกิดใหม่เป็นคนละคน เจ้าหล่อนแต่งตัวเก่งขึ้นมากทีเดียว
หล่อนเคยเป็นเพียงหญิงสาวชนบท ดูหล่อนตอนนี้สิ ทั้งกางเกงสีสันฉูดฉาด รองเท้าส้นสูง พร้อมกระเป๋าสะพายไหล่ เป็นการแต่งตัวยอดนิยมในเซี่ยงไฮ้ แม้จะไม่เป็นที่คุ้นตาในแถบชนบท แต่กลับเป็นที่ต้องการของใครหลายคนในเมือง
อย่างเช่นเฝิงฟางฟาง หล่อนลาออกจากงาน และไปทำงานที่ร้านจี้อวิ๋นอวิ๋น
ซูตานหงไม่ได้บอกเฝิงฟางฟางว่าเมื่อหล่อนมาขอลาออก ซูตานหงจะเป็นคนจัดการเรื่องค่าแรงของหล่อน ก่อนจะให้พวกเขาสิ้นสุดการทำงาน เป็นอันจบกระบวนการ
ส่วนในอนาคตข้างหน้า หากหล่อนไม่สามารถทำงานกับจี้อวิ๋นอวิ๋นได้ และคิดจะกลับมาทำงานกับซูตานหง แน่นอนว่าซูตานหงย่อมไม่มีทางยอมทำตามความต้องการของหล่อน
ห้างสรรพสินค้าเพิ่งรับสินค้าใหม่จำนวนมากมาขาย กิจการเป็นไปได้ราบรื่นมาก กำไรต่อเดือนเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่เฝิงฟางฟางกลับตัดสินใจลาออก อันที่จริงมันไม่ได้ส่งผลกระทบกับห้างแต่อย่างใด ซูตานหงจึงยังไม่คิดจ้างพนักงานเพิ่ม
“ป้าของเหรินเหรินก็ทำงานที่นั่นเหมือนกันนี่?” คุณแม่ซูเอ่ย
“ค่ะ ฉันได้ยินจี้อวิ๋นอวิ๋นบอกว่าทำงานกับฉันเป็นเรื่องเสียเวลาชีวิต หล่อนเลยไปทำงานกับจี้อวิ๋นอวิ๋นแทน” ซูตานหงเอ่ย
“ครั้งก่อนฉันเพิ่งได้ยินหล่อนต่อว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นว่าเป็นคนเลว และหล่อนก็ป่าวประกาศไปทั่วในพริบตาเดียวอีกต่างหาก แต่หล่อนกลับมีหน้ามาทำแบบนี้นี่นะ? แถมดูจะไม่ขัดสนเงินทองเสียด้วย หล่อนไม่กลัวว่าจะทำให้ลูกชายอับอายขายหน้าบ้างเหรอ?” คุณแม่ซูออกอาการไม่พอใจ
คุณแม่ซูนึกเป็นห่วง นางต้องการผลักไสจี้อวิ๋นอวิ๋นไปให้ไกล ไม่ให้มาหาคุณพ่อกับคุณแม่จี้และก่อเรื่องวุ่นวายอีก ไม่เช่นนั้นหลาน ๆ ของนางคงพลอยเดือนร้อนไปด้วยไม่ใช่หรือ?
ใครจะต้องการมีอาหญิงแบบนี้กัน?
คุณแม่ซูจึงหวังว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะไม่กลับมาอีก แต่นางนึกไม่ถึงเลยว่าเฝิงฟางฟางจะเปลี่ยนข้าง เรื่องนี้เป็นความจริงที่ว่าคนใกล้ชาดติดสีแดงคนใกล้หมึกติดสีดำ* ต่อให้คุณแม่ซูไม่รู้หนังสือก็ยังมองออก!
*คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ = คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
ลูกของหล่อนยังเด็ก แต่เฝิงฟางฟางกลับทำแบบนี้ เขาจะคิดเช่นไรหลังจากรู้เรื่องนี้ เพื่อน ๆ ในหมู่บ้านคงเอาไปพูดกันให้ทั่ว
ไม่นานหลังจากคุณแม่ซูพูดถึงเรื่องนี้ เหรินเหรินก็มาบอกว่าจี้เสี่ยวตงทะเลาะกับเพื่อนร่วมห้องที่โรงเรียน เพราะเพื่อนบอกว่าแม่ของเขาเข้าข้างพวกคนนอกใจ ต่อไปคงไม่พ้นคิดคบชู้เหมือนกัน
จี้เสี่ยวตงจึงเริ่มมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น
ซูตานหงทำเพียงพยักหน้าเมื่อรู้เรื่องนี้ เธอไม่ได้ออกความเห็น หากจี้เสี่ยวตงมาหา เธอคงทำได้เพียงทายาให้เขา ต่อให้เขาไม่ได้มาหาเธอในฐานะอาสะใภ้ แต่เขาก็วิ่งมาที่นี่ได้เสมอไม่ใช่หรือ?
ใช่ว่าพ่อแม่เขาไม่อยู่บ้านเสียหน่อย
อย่างไรก็ตามในวันถัดมา ซูตานหงยังบอกให้เหรินเหรินกับจี้เสี่ยวตงมาเอาแอปเปิ้ล พร้อมบอกให้เหรินเหรินห้ามไม่ให้พี่ชายมีเรื่องชกต่อย
เหรินเหรินกลับมาในเย็นวันนั้น เขากลับมาพร้อมกับจี้เสี่ยวตง
ซูตานหงให้เขาอยู่กินมื้อเย็นด้วย จี้เสี่ยวตงกลับไปหลังกินข้าวเสร็จ ตอนที่เขาจะกลับ เขาก็มีท่าทางฝืนใจเล็กน้อย คล้ายไม่อยากกลับบ้านนัก
แต่ในท้ายที่สุดเขาก็กลับไป ตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ เขากำลังอยู่ในวัยนี้ ซูตานหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับเขามากนัก เมื่อใดที่เขาแวะมา เธอมักจะตามใจเขาและให้เขาอยู่ทำการบ้าน พอเขาทำในส่วนของตนเสร็จ ถึงไปสอนน้อง ๆ ต่อ ทั้งหยวนหยวน ฉีฉี และคนอื่น ๆ
ซูตานหงไม่รู้ตัว แต่จี้เสี่ยงตงนึกอิจฉาเหรินเหรินกับพวกเขามาก
อิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องมีพ่อที่เก่งกาจอย่างอาสาม อิจฉาที่มีแม่อย่างอาสะใภ้สาม
“เมื่อก่อนแกอดใจสวาปามทุกอย่างไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่ยอมเชื่อฟังฉันเลย ตอนนี้กลับเรียกคนอื่นมากินข้าว ให้ผักฉัน ส่วนเรื่องหยวนหยวน แกเองก็ยินดีช่วยเลี้ยงให้อีกต่างหาก” คุณแม่ซูบอกลูกสาว
ซูตานหงส่งยิ้มอย่างเป็นกันเอง “เมื่อก่อนฉันยังคิดไม่ได้นี่คะ? ตอนนั้นเจี้ยนอวิ๋นเองก็ได้เงินเดือนน้อย เป็นธรรมดาที่ฉันจะโลกแคบ ตอนนี้เขาสร้างรายได้มากขนาดนี้ได้ ฉันเองจะไม่ปรับตัวตามได้ยังไง? มันควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่คะ? ขืนไม่ทำอะไรเลยฉันคงถูกหัวเราะเยาะใส่ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ” คุณแม่ซูมองหน้าเธอ “คนอย่างเจี้ยนอวิ๋น ควรมีผู้หญิงดี ๆ คอยสนับสนุนเขา ไม่อย่างนั้นถ้าเขาคิดเสี่ยงอะไรคงไม่กล้าทำแน่ แกเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”
ต่อไปพี่น้องเหล่านี้ต้องเติบโตขึ้น พวกเขาจะรักใคร่กลมเกลียวกันหรือไม่? ในอนาคตทั้งเหรินเหริน ฉีฉี และเสียงเสียงจะมีพี่น้องมากมาย แต่พวกเขาจะไม่ชอบหน้าพี่น้องกันเองได้อย่างไรกัน?
เสี่ยวตงดูเป็นเด็กดีไม่น้อย เขาเอ็นดูน้องสาว และปฏิบัติกับเหรินเหรินและน้อง ๆ เป็นอย่างดี
แต่ตอนนี้เขายังเด็ก ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ยังไม่อาจรู้ถึงอนาคตได้ หากเป็นเช่นนี้ไปจนโตคงจะดีไม่น้อย
แม้จี้เจี้ยนอวิ๋นจะงานยุ่งเสียจนไม่มีเวลากลับบ้าน แต่ทุกอย่างที่บ้านยังดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาครั้งนี้ เวลาได้ล่วงเลยจนย่างเข้าเดือนตุลาคมแล้ว
คุณแม่ซูจึงได้กลับบ้านตนเองเสียที
หลังซูตานหงทราบว่าร้านค้าที่ปักกิ่งเกือบเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็ไม่ได้ถามให้มากความอีก
ตอนนี้ถั่วในสวนแห่งที่ 4 แห้งได้ที่แล้ว พวกมันมีจำนวนมหาศาลทีเดียว
“เอาถั่วพวกนี้ไปขายที่ปักกิ่งสิคะ” ซูตานหงบอก
เมื่อครั้งที่ลงปลูกถั่วเหล่านี้ เธอพาฉีฉี เสียงเสียง และหยวนหยวนไปรดน้ำพุวิเศษอยู่บ่อยครั้ง ถั่วพวกนี้จึงมีคุณภาพเยี่ยม
ครั้งนี้ซูตานหงนำกลับมาส่วนหนึ่ง เธอตุ๋นขาหมูกับถั่วเหลืองไว้เมื่อหลายวันก่อน เรียกได้ว่าหอมน่าอร่อย
ทั้งเหรินเหรินกับฉีฉีกินไปไม่น้อย แม้แต่เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างหยวนหยวน เธอยังกินจนหมดทั้งชามเล็ก
มันเป็นที่ถูกใจของเหล่าจางเช่นกัน เดิมทีซูตานหงตั้งใจจะเก็บไว้ไม่กี่ชั่ง แต่เขากลับนำกลับเก็บไว้ที่บ้านถึง 5 ชั่ง
“ได้เลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า
ผ่านไปไม่นานนัก หลินต้าเว่ยก็โทรมาจากปักกิ่ง เขาไปรับสาย บอกวันที่จะกลับไปดูร้าน เขาจะส่งของไปทางรถไฟและคงจะไปถึงในไม่กี่วัน พร้อมบอกให้อีกฝ่ายรอ
วันเวลาถูกกำหนดไว้แล้ว หลินต้าเว่ยติดต่อรถเตรียมไว้เช่นกัน พวกเขามีหน้าที่ช่วยขนสินค้า แน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากมีสินค้ามากมาย เทียบแล้วราคาจึงค่อนข้างถูกกว่า
คนที่เมื่อก่อนเคยส่งแต่ถั่วเหลืองมาให้ ตอนนี้ก็ส่งอย่างอื่นมาด้วย
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงสั่งให้จี้ต้าหย่งไปกว้านซื้อของแห้งจากบริเวณโดยรอบภูเขา
โดยเฉพาะเห็ดต่าง ๆ และเห็ดหูหนู ซึ่งเป็นที่นิยมในปักกิ่งมาก
ไม่ใช่เพียงในปักกิ่ง แต่ซูตานหงเองก็โปรดปรานเช่นกัน ก่อนที่จะส่งไปขายที่ปักกิ่ง เธอได้เก็บส่วนหนึ่งไว้กินเอง
เมื่อรวมทุกอย่างที่เป็นของโปรดของเธอ เช่นเห็ดต่าง ๆ แล้ว ในบ้านจึงมีของกินอยู่ไม่น้อย
หลังเข้าฤดูหนาวแม้จะยังมีผักใบเขียวที่สวนหลังบ้าน แต่ก็มีน้อยชนิดนัก ส่วนใหญ่เป็นผักกาดขาวและหัวไชเท้า
การได้เห็ดมาเพิ่มจึงเป็นเรื่องดีขึ้นมาก แถมพวกมันยังดูน่ากินอีกด้วย