ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 320 ไม่ได้ถามเซียนจิ้งจอกมานานแล้ว
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 320 ไม่ได้ถามเซียนจิ้งจอกมานานแล้ว
ตอนที่ 320 ไม่ได้ถามเซียนจิ้งจอกมานานแล้ว
ใช่แล้ว ซูตานหงไม่เพียงแต่ตั้งใจจะให้ลูกชายเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้น เขาสามารถศึกษาต่อได้ถ้าเขาสนใจ และครอบครัวสามารถจ่ายได้
นอกจากนี้ ด้วยการอบรมช่วยเหลือจากปู่บุญธรรม เธอก็เชื่อว่าลูกชายของตัวเองสามารถทำได้
แต่ดูจากแผนในอนาคตของเขาแล้ว ซูตานหงจะไม่แทรกแซงมากเกินไป
ทว่าเหรินเหรินที่เข้าเรียนชั้นประถมนั้น เห็นได้ชัดว่าขยันหมั่นเพียรมาก อีกทั้งยังรู้ความอยู่ไม่น้อย ราวกับระยะห่างระหว่างเขากับเด็กน้อยฉีฉีถูกดึงห่างออกไปในพริบตา
ตอนนี้เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ปู่บุญธรรมของเขาก็มารับกลับบ้าน ก่อนอื่นเขาจะดูว่าที่บ้านมีงานต้องทําหรือไม่ ถ้ามีก็ช่วยทําให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงไปทบทวนการบ้าน
ปกติแล้วเสียงเสียงจะเข้าไปสร้างปัญหาให้เขา อยากให้เขาเล่นด้วย แต่เหรินเหรินก็อดทนมาก และไม่ตีเสียงเสียง จากนั้นจึงอุ้มเสียงเสียงมาหาปู่บุญธรรมของเขา
ซูตานหงกําลังเตรียมอาหารเย็นในห้องครัว เวลานี้จึงมักไม่ได้ดูแลเสียงเสียง
ดังนั้นหน้าที่คอยดูแลเสียงเสียงจึงตกอยู่กับเหล่าจาง
เหล่าจางยินดีรับภารกิจนี้มาก หลังจากรับเสียงเสียงมาอุ้มก็จับเขายัดใส่รถเข็น แล้วพาออกไปเดินเล่น
เสียงเสียงก็ดีใจมาก ตอนนี้เขาไม่ชอบอยู่บ้าน ทุกวันที่ลืมตาขึ้นมาก็คิดแต่จะวิ่งออกไปข้างนอก
มีปู่บุญธรรมคอยพาเขาออกไป แน่นอนว่าเขาต้องมีความสุขมาก
ตอนนี้กลางวันยาวเกินไป ดังนั้นจึงมักจะกินข้าวเย็นกันตอน 6 โมงเย็น ช้ากว่าเมื่อก่อนครึ่งชั่วโมง จากที่เคยกินกันตอน 5 โมงครึ่ง
อาหารเย็นนี้มีผัดฟักทองกับกระเทียม ปลาตัวใหญ่ กุ้งยัดไส้ หมูทอด และน้ำแกงบวบอีก 1 หม้อ
ถึงไม่หรูหราแต่อาหารทุกจานก็อร่อยมาก ทั้งครอบครัวกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เหล่าจางก็เข็นเสียงเสียง และพาเหรินเหรินกับฉีฉีไปเดินเล่นด้วยกัน ต้าเฮยที่เพิ่งกินเสร็จก็ออกไปเดินเล่นด้วย
ซูตานหงที่กินจนอิ่มรู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะทำความสะอาด จึงส่งต่อให้จี้เจี้ยนอวิ๋น
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มแล้วเก็บจานและตะเกียบไปล้างทำความสะอาด เมื่อล้างจานเสร็จก็เข้าไปเก็บครัวให้สะอาดสะอ้าน
“ภรรยา อีกไม่กี่วันผมก็จะไปปักกิ่งแล้วนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“พ่อบุญธรรมไม่ต้องไปกับคุณด้วยเหรอคะ?” ซูตานหงถาม
“ไม่ต้องหรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหน้า “ผมไปเองได้ ถึงตอนนั้นถ้าสามีภรรยาชาวกวางตุ้งคู่นั้นยังอยู่ผมก็จะจ้าง ผมต้องไปหลายวัน เลยจะไปรับแม่ของเรามาอยู่ที่นี่ด้วย”
“ได้ค่ะ” ซูตานหงพยักหน้า
แม่ของเธอไม่ได้มาสักพักแล้ว เธอเองก็ไม่ได้ไปดู แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งผลไม้ไปให้อยู่หลายครั้ง ความสัมพันธ์กับแม่ยายของเขายังดีเหมือนเดิม
วันรุ่งขึ้นจี้เจี้ยนอวิ๋นหิ้วปลาอ้วน 2 ตัวไปให้แม่ยายของเขา
“ทำไมยังเอามาให้อีก ที่บ้านก็ไม่ได้ขาดแคลนอาหารเลย” คุณแม่ซูพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แม่ครับ อีกไม่กี่วันผมจะไปทำธุระบางอย่างที่ปักกิ่ง เลยอยากมารับคุณแม่ไปอยู่กับตานหง คุณแม่ว่างไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับนางจึงถามขึ้น
“เธอจะไปนานแค่ไหนล่ะ?” คุณแม่ซูถาม
“นับระยะทางไปกลับแล้ว ยังไงก็ต้องใช้เวลาประมาณ 10 วัน ถ้ายาวก็อาจจะต้องใช้เวลาครึ่งเดือนครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“แล้วต้องไปที่นั่นเหรอ?” คุณแม่ซูไม่เข้าใจ
“ผมอยากไปที่นั่นเพื่อดูว่ามีร้านที่เหมาะสมหรือเปล่าน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
ผลไม้ปีนี้ดูดีจริง ๆ เก็บเกี่ยวได้เยอะมาก แต่มีขายเพียงร้านค้า 2 แห่งในเมืองมหาวิทยาลัย และอีกแห่งในเมืองเจียงสุ่ย ซูจิ้นตั๋งกับเหล่าฉินและพ่อค้าเร่อื่น ๆ ก็มีมาบ้าง แต่ก็ยังเหลืออีกมาก
เขาให้สวี่เหอซาน ซูจูเหมา และคนอื่น ๆ ไปตั้งแผงขายของที่ตลาดเมืองเจียงสุ่ยโดยตรง ไม่อย่างนั้นคงขายไม่หมด เนื่องจากตอนนี้มีสวนผลไม้ 4 แห่งบนภูเขา ปีนี้ผลไม้จากภูเขาทั้ง 3 ลูกและในอ่างเก็บน้ำเริ่มออกผลแล้ว ปีนี้ผลที่ออกมายังไม่มาก ปีหน้าคงมีมากขึ้น ถึงตอนนั้นก็จะมีผลไม้เยอะขึ้นแน่นอน
ดังนั้นการเดินทางไปปักกิ่งเพื่อซื้อร้านค้าสัก 1 ถึง 2 ร้าน นับเป็นทางเลือกที่ดี ไม่รู้ว่าทางรถไฟที่สร้างขึ้นใหม่จะแล้วเสร็จเมื่อไร แต่โจวต้าเว่ยบอกเขาว่าดูเหมือนจะเสร็จในเร็ว ๆ นี้
เมื่อคุณแม่ซูได้ยินว่าลูกเขยของนางจะเปิดร้านค้าในกรุงปักกิ่ง ก็ถึงกับตะลึงงัน “ไกลขนาดนั้น ผลไม้สดที่ส่งไปจะไม่สดแล้วน่ะสิ”
“ถ้าไม่ส่งผลไม้พวกนั้นก็ต้องเก็บแตงโมและขนส่งไปทางรถไฟ แบบนั้นถึงจะทำได้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว “นอกจากนี้ยังมีของอย่างอื่น เช่น น้ำผึ้ง ผลไม้ตากแห้ง และของในสวน แม่เคยบอกว่าหมูแดดเดียวอร่อยไม่ใช่เหรอครับ เอาไปขายได้หมดเลย”
คุณแม่ซูได้ยินก็พูดต่อ “แต่นี่ไม่คุ้มเลย ระยะทางยังอยู่ห่างไกล ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการ”
“ผมได้พิจารณาปัญหาพวกนี้แล้วครับ คุณแม่ไม่ต้องกังวล” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“ได้สิ แม่ว่าง จะให้แม่ไปวันไหน?” คุณแม่ซูถาม
“ผมจะมาแวะรับวันก่อนหน้าที่ผมจะไปครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
ในช่วงหลายวันมานี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นได้จัดการเรื่องในครอบครัวแล้ว คนที่ควรส่งไปเมืองมหาวิทยาลัยจะถูกส่งไปยังเมืองมหาวิทยาลัย และคนที่ควรไปขายของก็จะไปขายของกันต่อ น้ำหนักและตัวเลขทั้งสองอย่างนี้ ภายใต้สถานการณ์ปกติจะต้องเท่ากัน ซึ่งจะต้องกระทบยอดทุกวัน
หลังจากจัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อยแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ออกไป
เหล่าจางถามเขาแล้วว่าไม่ต้องให้เขาไปดูด้วยเหรอ ทว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นตอบว่าไม่เป็นไร
เหล่าจางจึงไม่สนใจเขาอีกต่อไป โตขนาดนี้แล้ว ไปซื้อร้านสักร้านก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ร่างกายแก่ ๆ ของเขาก็ขี้เกียจจะเดินทางแล้วเช่นกัน
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นออกไป คุณแม่ซูก็เข้ามาช่วยซูตานหงได้ไม่น้อย ส่วนใหญ่ก็ยังมีการบ่นอยู่บ้าง
เมื่อคุณแม่ซูมาถึง ป้าหยางที่อยู่บ้านข้าง ๆ มักจะมาที่นี่บ่อยครั้ง นางชอบนึกถึงความทรงจำอันแสนหวานกับคุณแม่ซู สองแม่เฒ่านั่งคุยกันเรื่องอดีตขณะเก็บถั่ว ตอนนี้ซูตานหงจะเตรียมขนมให้พวกนางสักจาน เสิร์ฟพร้อมกับชางาดำสักถ้วย ทั้งคู่จะได้คุยกันไปกินขนมไปด้วย
ทันทีที่จี้เจี้ยนอวิ๋นออกไป งานของครอบครัวจะถูกส่งต่อให้ซูตานหง โดยปกติแล้วซูตานหงคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้และจัดการทุกอย่างในชีวิตประจําวันได้เป็นอย่างดี
ผลไม้ที่ส่งออกไปจะถูกบันทึกไว้ และราคาจะมากหรือน้อยก็ส่งให้กับสวี่เหอซานและคนอื่น ๆ โดยตรง ให้พวกเขาไปตั้งแผงขายของและขายมันทันที จะเห็นได้ชัดว่าได้เงินกลับมาเป็นจำนวนเท่าใด แม้จะมีความคลาดเคลื่อนบ้าง แต่ก็มีไม่มาก
เรื่องอื่น ๆ ล้วนดําเนินไปตามปกติ ส่วนเรื่องในบ้านตอนนี้แทบไม่ต้องให้ซูตานหงจัดการ มีเหล่าจางช่วยดูแลลูก ๆ ส่วนงานบ้านก็มีแม่ของเธอคอยช่วยทำ
“เจี้ยนอวิ๋นนี่ก็ชอบความลำบากเหลือเกิน ไปหาร้านอะไรถึงตั้งปักกิ่ง” คุณแม่จี้พูดกับซูตานหงในวันนั้น
นางไม่ได้ถามเซียนจิ้งจอกมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เซียนจิ้งจอกยังอยู่หรือเปล่า
“ร้านในปักกิ่งไม่ขาดทุนอะไรมากหรอกค่ะ ตอนนี้เขาอายุยังน้อย ดูแล้วน่าจะหาเงินได้อีกมาก พ่อบุญธรรมของฉันบอกว่าในอนาคตตอนที่ลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจะต้องใช้เงินไม่น้อย นอกจากนี้ต่อไปยังต้องแต่งงานและต้องมีห้องหออีก ขนาดน้องสี่ยังซื้อห้องชุดหนึ่งไว้หนึ่งห้อง ฉันกับเจี้ยนอวิ๋นก็อยากหาเงินเพื่อซื้อบ้านเก็บไว้ให้ลูกเหมือนกันค่ะ” ซูตานหงกล่าว