ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 315 ต้องการเปิดร้านในกรุงปักกิ่ง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 315 ต้องการเปิดร้านในกรุงปักกิ่ง
ตอนที่ 315 ต้องการเปิดร้านในกรุงปักกิ่ง
ในขณะที่จี้เจี้ยนอวิ๋นไปทำงาน เหรินเหรินกับฉีฉีได้พาปู่บุญธรรมของพวกเขาไปเดินเล่นรอบภูเขาที่พักอาศัยอยู่ในตอนนี้
“ตอนแรกคุณย่าของผมบอกว่าอยากปลูกแตงโมกับสตรอว์เบอร์รี่ แต่พ่อของผมบอกว่าเสียงดังวุ่นวายเกินไป พอถึงเวลาที่แตงโมกับสตรอว์เบอร์รี่โตจะเป็นการรบกวนปู่บุญธรรมเลยไม่ยอมปลูก และปล่อยพื้นที่ว่าง ๆ ไว้ให้แกะอยู่น่ะครับ”
ในตอนแรกที่มาถึงพื้นที่เปิดโล่งนี้ ฉีฉีไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นเหล่าจางถามขึ้นมาเองว่าทำไมถึงไม่ปลูกต้นไม้หรือผลไม้? ดังนั้นฉีฉีจึงตอบอย่างไร้เดียงสา
เหตุที่บริเวณนี้ไม่ได้ปลูกต้นไม้ผล เนื่องจากในตอนนั้นมีต้นกล้าไม่เพียงพอ ภายหลังถึงได้มีส่งมาอีก แต่ต้นกล้าทั้งหมดก็ถูกส่งไปปลูกที่ภูเขาฝั่งอ่างเก็บน้ำแทน
คุณแม่จี้บอกว่าจะเก็บที่ดินไว้ปลูกแตงโมและสตรอว์เบอร์รี่ ถึงอย่างไรสองอย่างนี้ก็ขายดี
ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเก็บไว้
แต่หลังจากคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดเสียงดังรบกวนเกินไป เขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่ปลูก
“ที่ออกจะโล่งขนาดนี้ อีกอย่างแถวนี้ก็อยู่ไกลจากที่พักของปู่มาก จะถือว่ารบกวนอะไรกัน? ให้พ่อของหลานมาเปิดหน้าดินปลูกมันเถอะ” เหล่าจางกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นหลังลงจากภูเขาแล้วค่อยไปคุยกับพ่อของผมกันครับ” ฉีฉีพูด
“บนภูเขามีแกะกี่ตัว?” เหล่าจางถามขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องนี้ต้องถามพี่ชายของผมครับ เขารู้” ฉีฉีมองไปที่พี่ชายของเขา
“บนภูเขานี้มีแกะ 36 ตัวครับ” เหรินเหรินพูด
“แล้วที่อื่นล่ะ?” เหล่าจางถาม
“ที่อื่นผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ครับ นี่เป็นเพราะครั้งล่าสุดผมกับพ่อของผมมาเพื่อปล่อยพวกมัน หลังจากนับพวกมันแล้วถึงได้รู้ ส่วนที่อื่นไม่น่าจะน้อยไปกว่านี้ ที่อ่างเก็บน้ำยังมีมากกว่านี้อีกครับ” เหรินเหรินกล่าว
เหล่าจางรับรู้อยู่ในใจ จากราคาเนื้อแกะในปัจจุบัน แกะจำนวนร้อยกว่าตัวนี้ก็คุ้มค่าเงินไม่น้อยแล้ว
และเมื่อเหรินเหรินกับฉีฉีพาเขาลงไปดูกิจการอื่น ๆ เหล่าจางก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าลูกบุญธรรมของเขานั้นเติบโตขึ้นมากแค่ไหน
มีแกะมากกว่า 100 ตัว หมูตัวอ้วนมากกว่า 30 ตัว และฟาร์มไก่ขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
ส่วนผลไม้บนภูเขาทั้ง 4 ลูกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทิวทัศน์ทุกที่ล้วนดูเขียวขจี ได้ยินมาว่าที่อ่างเก็บน้ำยังมีเป็ดและต้นผลไม้อีกหลายต้นบนภูเขา กิจการสวนเหล่านี้ย่อมทำเงินได้มากตลอดทั้งปี เกรงว่าคงมากขนาดซื้อบ้านในกรุงปักกิ่งของเขาได้หลายหลังทีเดียว
เคราะห์ดีที่ตาเฒ่าคู่หูกับภรรยาของเขาแค่กังวลว่าเจี้ยนอวิ๋นจะหมายตาบ้านของเขาไว้ ดูทรัพย์สินภายในการครอบครองของเจี้ยนอวิ๋นเหล่านี้สิ ยังมีตรงไหนไม่ดีพออีกเหรอ?
นอกจากนี้เขาเคยได้ยินมาว่ายังมีร้านค้าอีกหลายแห่งภายใต้ชื่อของเจี้ยนอวิ๋น ตั้งแต่ในตัวเมือง ไปจนถึงเมืองเจียงสุ่ย และเมืองมหาวิทยาลัย ต่างก็มีร้านของเขาอยู่
ในตอนเที่ยงเหล่าจางได้แวะตรงไปกินข้าวกับพ่อคุณและแม่จี้ พอตกตอนเย็นถึงลงจากภูเขาไปกินข้าวที่บ้าน
และยังบอกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นไปเปิดร้านค้าที่กรุงปักกิ่ง
“ฉันได้กินของที่ปลูกบนภูเขาของเธอแล้ว มันยอดเยี่ยมมาก ถ้าส่งไปที่ปักกิ่ง พวกมันต้องขายดีแน่” เหล่าจางกล่าว
“ที่นั่นไกลเกินไป ต่อให้รถไฟจะวิ่งผ่านก็ยังต้องใช้เวลา 4 ถึง 5 วัน ผมคงไม่สามารถขนส่งผลไม้พวกนี้ไปได้ดีนัก” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแม้เขาจะเคยไปปักกิ่งมาหลายครั้ง แต่ก็แค่ไปเที่ยวเล่นและไม่คุ้นเคยกับที่นั่นมากนัก
“มีอะไรเหรอ? เธอกังวลว่าจะไม่มีคนอยู่ที่นั่นใช่ไหม?” เหล่าจางกล่าว
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าตอบพ่อบุญธรรมของเขาอย่างไม่เกรงใจ “ผมไปที่นั่นได้ไม่บ่อย ถ้าแค่ส่งของไปที่นั่นคงปรึกษากับทางการรถไฟก็พอแล้ว แต่ผมคงจัดการต่อไม่ได้ เพราะไม่มีคนที่ไว้ใจได้น่ะครับ”
นี่คือประเด็นสำคัญ
ยังมีของอีกหลายอย่างที่เขาสามารถขนส่งไปได้
ตัวอย่างเช่น แตงโม ที่สามารถเก็บไว้ได้ 3-4 วันหรือ 4-5 วันโดยไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีแอปเปิ้ล ลูกพลับแห้ง หมูแดดเดียว และไข่ไก่ ซึ่งความจริงแล้วสามารถขนส่งไปได้ เพียงแต่ไม่มีใครอยู่รอรับที่นั่นเท่านั้น
“เธอไม่มี แต่ฉันมีนี่” เหล่าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “และฉันไม่ได้คุยโม้กับเธอนะ ถ้าปล่อยให้คู่รักหนุ่มสาวคู่นั้นดูแลเรื่องนี้ก็สบายใจได้”
“คู่รักหนุ่มสาวคู่ไหนกันครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองพ่อบุญธรรมของเขา
“สองสามีภรรยาคู่นั้นมาจากกวางตุ้งเมื่อปีก่อน ทั้งคู่ไม่มีที่อยู่อาศัย ในช่วงหน้าหนาวทั้งสองต้องเบียดเสียดกันอยู่ในสวนสาธารณะ ฉันเห็นเข้าเลยสร้างที่พักเล็ก ๆ ให้กับพวกเขาทั้งคู่เพื่ออาศัยอยู่ตลอดหน้าหนาว ตอนนี้พวกเขาก็ได้ย้ายไปอยู่ในซอยที่ฉันเช่าอยู่แล้ว พวกเขานิสัยดีมาก ด้วยความที่ยังคิดถึงบุญคุณของฉันในครั้งก่อน ภรรยาของเขาจึงซักผ้าให้ฉันตลอดเลย” เหล่าจางยิ้ม
ตอนนั้นเขาแค่ออกไปเดินเล่น จึงเห็นว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นน่าสงสารมาก พวกเขามีอายุไม่มากแค่ 20 กว่าปีเท่านั้น แถมไม่มีเงินติดตัว ได้แต่เบียดเสียดกันอาศัยอยู่ในสวนสาธารณะ
เขาเดินเข้าไปถาม 2 ถึง 3 ประโยค จึงรู้ว่าพวกเขาเบียดเสียดอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ครั้นเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่ดูไม่เหมือนพวกอันธพาล จึงให้พวกเขาไปพักที่สวนหลังบ้านชั่วคราว และค่อยให้ทั้งสองออกไปหลังจากเข้าฤดูใบไม้ผลิ
สองสามีภรรยาไม่ได้ก่อกวน เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิก็ย้ายไปอยู่อาศัยที่บ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งในซอย
เนื่องจากสองสามีภรรยามีที่พักผ่อนชั่วคราวในช่วงฤดูหนาวแล้ว ฝ่ายหญิงจึงไปซักเสื้อผ้าให้คนอื่นในวันที่อากาศหนาวด้วยราคาที่ถูกมาก จนมือของหล่อนบวมแดงอยู่ทุกวัน แค่พอให้ได้เงินมาประทังชีพเท่านั้น
ส่วนฝ่ายชายออกไปหางานทําข้างนอก
สองสามีภรรยาต่างขยันขันแข็ง เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวไปก็สามารถเช่าบ้านเองได้ แต่ในตอนนี้ก็ยังต้องดิ้นรนอยู่กันอย่างยากลำบาก
ปีที่แล้วไม่ใช่ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นส่งของไปให้เขาไม่น้อยหรือ? เขาจึงแบ่งของให้พวกเขาสองสามีภรรยา ทำให้ทั้งสองคนนั้นมีความสุขกับช่วงปีใหม่อย่างหาได้ยาก
“คนกวางตุ้งเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ “กวางตุ้งพัฒนาเร็วมาก ทำไมพวกเขาจะต้องไปที่ปักกิ่งด้วยล่ะครับ?”
“ไม่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะดีเสมอไปหรอกนะ แล้วปักกิ่งของเราไม่ดีตรงไหนล่ะ ถ้าในอดีตเธอเปิดร้านแค่ไม่กี่ร้าน อย่าว่าแต่ธุรกิจจะไม่เลวร้ายเลย ถึงแม้ธุรกิจจะแย่ เธอก็ไม่ขาดทุนหรอกหากเปิดร้านพวกนี้!” เหล่าจางกล่าว
“ที่แรกยังไม่ได้ทำเลย พ่อบุญธรรมคิดไปหลายที่แล้วเหรอคะ” ซูตานหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นี่เป็นสิ่งที่ดี พวกเธออย่ามองว่าตอนนี้ประเทศของเรายังอยู่ในขั้นกำลังพัฒนา พวกเธอยังไม่เคยเห็นมาก่อนว่าปักกิ่งเก่าของเราพัฒนาได้เร็วแค่ไหน มีปีศาจจากต่างแดนจำนวนไม่น้อยได้เข้ามาลงหลักปักฐานแล้ว” เหล่าจางกล่าว
คนวัยเดียวกับเขาเรียกชาวต่างชาติว่าปีศาจ และยังเกลียดชังพวกเขา
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าแล้วพูด “ผมยังต้องดูพวกเขาก่อน ถ้าทำได้ค่อยว่ากันทีหลังครับ”
“งั้นต้องเขียนจดหมายถึงพวกเขาทั้งคู่ ให้พวกเขาเช่าอาศัยต่อ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาย้ายออกไปแล้ว อยากเจอคู่สามีภรรยาที่ซื่อสัตย์และเต็มใจทำงานแบบนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย” เหล่าจางพูด
เขาเองก็เห็นว่าสองคนนั้นเป็นคนที่ดีจริง ๆ ถึงได้มาคุยกับจี้เจี้ยนอวิ๋น ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่พูดแบบนี้อย่างแน่นอน
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เหล่าจางก็ดูทีวีอยู่ที่บ้าน รอจน 2 ทุ่มกว่าก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เขาจึงหยิบไฟฉายเดินขึ้นไปบนภูเขา จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งน้ำแข็งก้อนใหญ่ให้เขาและส่งเหล่าจางขึ้นไปบนภูเขา บนนั้นมีรั้วรอบขอบชิดและประตูเหล็กก็ถูกปิดล็อคไว้ แถมยังเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่ 2 ตัว ซึ่งเป็นลูกของเสี่ยวไป๋ในสวนผลไม้แห่งแรก พวกมันต่างแสนรู้กันทั้งคู่
เพียงวันนี้วันเดียวพวกมันก็จำกลิ่นของเหล่าจางได้แล้ว เจี้ยนอวิ๋นกับเหล่าจางไม่ได้เรียก พวกมันก็มากระดิกหางรอแล้ว