ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 305 การแจกปลาหรือจะสู้การสอนจับปลา
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 305 การแจกปลาหรือจะสู้การสอนจับปลา
ตอนที่ 305 การแจกปลาหรือจะสู้การสอนจับปลา
จี้เจี้ยนอวิ๋นเล่าถึงสถานการณ์ของเพื่อนในกองทัพของเขาให้เธอฟัง
สหายของเขามีภารกิจเร่งด่วนในช่วงปีใหม่ และไม่ได้กลับมา จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาก็กลับมาพร้อมกับข่าวน่าเศร้า
โชคร้ายมากที่สหายร่วมรบของเขาถูกตัดขา สาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของบาดแผล แต่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ไม่เช่นนั้น ชีวิตของเขาคงจะไม่รอด
สหายเก่าคนนี้อยู่ไกลจากเขาไปพอสมควร เพราะอยู่ในมณฑลใกล้เคียง ถ้าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะไปหาสหายคนนี้ เขาจะต้องนั่งรถไป 3 ถึง 4 ต่อกว่าจะไปถึง
“ทางกองทัพให้เงินช่วยเหลือครอบครัวมา 1,000 หยวน แต่เงินนี้ก็ถูกภรรยาของเขาหอบหนีไปแล้ว ตอนนี้เขาต้องเลี้ยงลูกชายสองคน” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่า
ได้ฟังเรื่องราวของผู้ชายตัวใหญ่คนนี้แล้ว มันช่างโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือเกิน ซูตานหงเองก็เกิดความรู้สึกเห็นใจร่วมไปด้วย
“ไปเถอะค่ะ เอาเงินไปให้เขาเยอะหน่อย” ซูตานหงกล่าวต่อ
“เอาไปเท่าไหร่ดี?” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธอ
“คุณก็ลองคำนวนดูเอาเองเถอะค่ะ เงินส่วนของคุณก็ยังมีอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ซูตานหงเอ่ยถาม
“ก็ใช่อยู่ครับ แต่เงินส่วนนั้นเป็นเงินของครอบครัวเรานะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
ซูตานหงยิ้มแล้วมองไปที่เขา “คุณตั้งใจจะหอบเงินไปเท่าไหร่กันคะ?”
“สัก 4,000 หยวนได้ไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองภรรยาของเขาอย่างระมัดระวัง
“4,000 หยวนมันเยอะเกินไป คุณเอาไปแค่ 500 หยวนก็พอแล้วค่ะ” ซูตานหงกล่าว
“500!” จี้เจี้ยนอวิ๋นตกใจ
“ใช่ค่ะ ส่วนที่เหลือคุณก็ลองถามเขาว่าจะเอาลูกชายมาฝากเราเลี้ยงก่อนไหม คุณอยากจะเปิดร้านใหม่ในเมืองอยู่ไม่ใช่หรือคะ? ถ้าเชื่อใจได้ ก็ให้พวกเขามาเฝ้าร้านกันทั้งพ่อทั้งลูก แล้วที่บ้านของเขายังมีคนแก่อยู่บ้างไหมคะ?” ซูตานหงเอ่ยถาม
“มี เขามีแม่ที่แก่เฒ่าอยู่” จี้เจี้ยนอยู่ตอบกลับไป
“งั้นก็ให้พวกเขาย้ายมาให้หมด ให้มาตั้งตัวกันเสียที่นี่ การแจกปลาหรือจะสู้การสอนจับปลา คุณเข้าใจความหมายของมันไหมคะ?” ซูตานหงเอ่ย
“ภรรยา ผมต้องขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธอ และเอ่ยขอบคุณอย่างจริงจัง
“ขอบคุณอะไรกันคะ แต่ฉันจะขอบอกเรื่องที่คุณอาจจะไม่ชอบให้เข้าใจก่อน ฉันจะดูแลเรื่องบัญชีเอง คุณอย่าทำตัวไม่ดีล่ะ ถ้าคุณไม่จำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ ฉันจะไม่ตกลงนะคะ” ซูตานหงเอ่ย
“ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นหรอก ต้าจวินไม่ใช่คนแบบนั้น” จี้เจี้ยนอวิ๋นรีบเอ่ยบอก
“รอให้เขามาก่อนค่อยว่ากันเถอะค่ะ” ซูตานหงโบกมือ
แม้เธอรู้สึกเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น แต่คนผู้นั้นก็ต้องเป็นคนที่ควรค่าแก่การช่วยเหลือด้วย ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ยอมแม้แต่สบตาด้วยซ้ำ
สำหรับเงิน 500 หยวนนั้น อันที่จริงเงิน 500 หยวนก็ถือว่าเยอะมาก และสามารถจ่ายเป็นค่ามิตรภาพได้อีกเช่นกัน
เงิน 4,000 หยวนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดถึงนั้นเธอไม่ตอบตกลงแน่นอน เธออาจไม่เข้าใจในเรื่องมิตรภาพลูกผู้ชายนัก แต่เรื่องการสู้รบเธอเข้าใจมันดี
อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่ชายโสด เขามีครอบครัว มีพ่อแม่ที่ต้องดูแล และมีเหล่าลูก ๆ อีกสามคนที่ต้องห่วงใย แม้ว่าธุรกิจจะดำเนินไปด้วยดี แต่การเอาเงินไปให้ในจำนวน 500 หยวนก็นับว่าดีมากแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้เห็นคุณค่าในมิตรภาพของกันและกัน
เมื่อภรรยาของเขามีความคิดเช่นนี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็จัดการทุกอย่างที่บ้านจนเสร็จ และหาเวลาว่างนำเงิน 500 หยวนขึ้นรถไฟไปยังมณฑลถัดไป
ในการเดินทางครั้งนี้ เขาต้องเปลี่ยนรถไฟอยู่หลายต่อกว่าจะถึงอำเภอที่ต้าจวินอาศัยอยู่ หลังจากนั้นเขาก็จะต้องนั่งรถต่อไปอีกจนกระทั่งถึงหมู่บ้านในชนบทของต้าจวิน
มันช่างทุรกันดารเหลือเกิน ลำบากยากจนยิ่งกว่าหมู่บ้านชนบทที่เขาอาศัยอยู่เสียอีก
ในช่วง 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าบ้านเกิดของเขาจะเป็นเช่นไร มันก็มีโรงงานหลายแห่งทยอยมาตั้งเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ พูดได้ว่าเข้าขั้นเฟื่องฟูเลยทีเดียว ไม่เหมือนกับที่นี่ที่ไม่มีโรงงานสักแห่ง และมีกลิ่นอายความเป็นชนบทมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นมา ก็มีคนในหมู่บ้านไม่น้อยที่จ้องมองมาทางเขา แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ใช่คนที่หวาดกลัวผู้คน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาหาต้าจวินด้วยตัวคนเดียวหรอก
เขาเอ่ยถามว่าบ้านของต้าจวินอยู่ที่ไหน?
“คุณเป็นใคร?” ชายชราที่ยืนสูบบุหรี่มวนใหญ่ถามเป็นภาษาจีนกลางด้วยสำเนียงที่ไม่ค่อยชัดนัก
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนรู้ความอยู่ ไม่อย่างนั้นก็คงพูดภาษากลางไม่ได้
“ผมเป็นสหายในกองทัพของเขาครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยตอบไปกลับไปอย่างชัดถ่อยชัดคำ
“ฉันว่าก็ดูคล้ายอยู่ คนเป็นทหารมักมีท่าทางเช่นนั้น” ชายชราพยักหน้า
ต่อให้จี้เจี้ยนอวิ๋นจะเกษียณจากกองทัพมาหลายปี แต่เขาก็ยังคงความเรียบง่ายและความเป็นระเบียบเรียบร้อยจากสมัยที่ยังเป็นทหารเอาไว้ได้ ดูแล้วน่าประทับใจนัก
ชายชราชี้นิ้วไปยังทางหนึ่ง “เดินไปทางนั้น บ้านหลังสุดท้ายที่มีเถาน้ำเต้าขึ้นอยู่หน้าบ้าน”
“ขอบคุณมากครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยขอบคุณ
และเขาก็เดินไปทางที่ว่านั้น เมื่อเขาเดินออกไป คนในหมู่บ้านก็เริ่มพูดถึงจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นภาษาถิ่น
“นั่นสหายในกองทัพของต้าจวินเหรอ?”
“ดูท่าทางสง่างามดีจัง!”
“เป็นทหารเหมือนกันก็จริง แต่ทำไมเขาดูแข็งแรงจัง?”
“บางทีเขาอาจจะเป็นหัวหน้าหน่วยล่ะมั้ง?”
“เหมือนหัวหน้าสุด ๆ!”
“ฉันคิดว่าเขาต้องมาที่นี่เพื่อแสดงความเสียใจกับต้าจวินแน่ ๆ เลยถูกไหม?”
“ภรรยาต้าจวินก็หอบเงินหนีไปแล้ว เขาจะต้องมาเพื่อแสดงความเสียใจแน่นอน น่าจะนำเงินมาให้ด้วย”
“อย่างนั้นชีวิตของต้าจวินก็คงดีขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะภรรยาของเขาเอาเงินของที่บ้านไปจนหมดแล้วหนีไปกับคนอื่น!”
“เหมือนตัดแขนตัดขาเขาเลย ต้าจวินดีกับหล่อนขนาดนั้น หล่อนยังกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ลงอีก!”
“ไม่ใช่สาวซีซานคงทำไม่ได้ ผู้หญิงแถวนั้นหาที่ดีไม่ค่อยจะมีหรอก”
“…”
จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินไปตามทาง ไม่นานก็เจอกับบ้านของต้าจวิน ซึ่งแม่ของต้าจวินกำลังยืนรดน้ำให้เถาน้ำเต้าอยู่หน้าบ้าน
“คุณแม่ต้า นี่ใช่บ้านของต้าจวินไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว เธอเป็นเพื่อนในกองทัพของต้าจวินใช่ไหม?” คุณแม่ต้าตกใจ เมื่อเห็นท่าทางของเขาที่คล้ายกับลูกชาย จึงเอ่ยปากถามออกไป
“ครับ ผมชื่อจี้เจี้ยนอวิ๋น” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยแนะนำตัว
“เธอคือจี้เจี้ยนอวิ๋นนี่เอง ฉันเคยได้ยินต้าจวินพูดถึงอยู่สองสามครั้ง” แม่ของต้าจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้มและรีบพูดต่อ “เข้ามาสิจ๊ะ เข้ามาก่อน”
นางเชิญให้จี้เจี้ยนอวิ๋นเข้ามาให้บ้าน และหันตะโกนกลับไปในตัวบ้าน “ต้าจวิน เพื่อนของแกมาหา!”
ต้าจวินเดินมาพร้อมไม้เท้าค้ำยันกาย มองจี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ชั่วครู่ แล้วชายหนุ่มที่สูงราว 185 เซนติเมตรและมีรูปร่างเหมือนกับชายทางตอนเหนือก็ทำท่าจะร้องไห้!
“ไม่ได้เจอกันหลายปี นายอย่ามองฉันด้วยตาแดง ๆ แบบนั้นสิ ตอนนั้นที่รับพวกทหารใหม่เข้ามา นายยังด่าว่าไอ้ไก่อ่อนจนพวกเขาร้องไห้อยู่เลยนี่” จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นอดีตสหายของเขากลายเป็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกแสบร้อนดวงตาขึ้นมา
“ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่ขาข้างหนึ่งมันใช้การไม่ได้แล้ว แต่อีกข้างยังใช้ได้อยู่นะ” ต้าจวินหัวเราะเสียงดัง
ขาข้างหนึ่งของเขาถูกตัดจนเหลือเพียงต้นขา ซึ่งทางกองทัพก็ให้การดูแลอย่างดีก่อนจะส่งตัวกลับมา ต้องขอบคุณในเรื่องที่ว่าเขาได้รับการดูแลจากทางกองทัพ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อาจฟื้นตัวขึ้นมาได้จนถึงตอนนี้
หลังจากนั้นไม่นาน จี้เจี้ยนอวิ๋นยื่นเงินให้กับเขา แต่ต้าจวินกลับส่ายหัว “เจี้ยนอวิ๋น นายเอากลับไปเถอะ ที่บ้านหลังนี้ยังมีน้องชายน้องสาวอยู่ แถมยังมีหลานอีกสามคน เงินที่นายให้ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก ที่ฉันเองก็ยังพอมีอยู่บ้าง”
“พอมีอยู่อะไรกันล่ะ? โดนขโมยไปหมดแล้วไม่ใช่หรือไง?” จี้เจี้ยนอวิ๋นวางเงินไว้ตรงหน้าเขา “เงินนี้ฉันไม่ได้ให้นายเฉย ๆ นะ แต่ให้นายยืมต่างหาก อีกอย่างหนึ่งฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายด้วย นายอย่าพูดถึงสิ่งที่นายไม่มีมันอยู่จริงเลย รอให้ฉันพูดจบก่อน แล้วนายค่อยพูดต่อ”
“ว่ามาสิ” ต้าจวินเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ฉันขาดลูกมือ ขาดคนที่ไว้ใจได้อยู่ ฉันตั้งใจจะเปิดร้านอีกแห่งในเมือง ก่อนหน้านี้เปิดไว้หนึ่งร้านแล้วล่ะ ร้านนี้เป็นร้านที่สอง การจะดูแลร้านนี้ต้องหาคนที่ไว้ใจได้ ซึ่งตอนนี้ยังหาไม่ได้ ดังนั้นนายสามารถพาแม่กับลูก ๆ ของนายไปอยู่ที่นั่นได้นะ ที่นั่นดีกว่าที่ที่นายอยู่ในตอนนี้มาก มีทางเลือกให้นายมากมาย มาทำงานกับฉันสิ ฉันให้เงินเดือน 50 หยวนต่อเดือน” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย