ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1540 แขนเสื้อเปียก
บทที่ 1540 แขนเสื้อเปียก
…………….
บทที่ 1540 แขนเสื้อเปียก
ฮูหยินซูพยักหน้า ดูเหมือนว่าทักษะการเล่นฉินของท่านอาจารย์คนนั้นคงจะดีมาก ไม่อย่างนั้นนางคงไม่เก่งขนาดนี้
ถานอวี้ซูมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างภาคภูมิใจ พี่สาวของนางคนนี้เก่งกาจเหลือเกิน!
หลังจากตอนนี้ งานเลี้ยงได้ดำเนินต่อไป และเป็นการแสดงร้องเพลงและเต้นรำ
แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนจะยังคงสนใจดูการร้องเพลงและการเต้นรำได้อย่างไร บางคนมองไปที่กู้เสี่ยวหวานเป็นครั้งคราว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย และไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่
นอกจากนี้ยังมีคนใจดีที่แอบมองหมิงตูจวิ้นจู่ที่อยู่ด้านบน และจากนั้นก็หันไปมองที่กู้เสี่ยวหวานที่มีท่าทางนิ่งสงบ ไม่แย่แสต่อสิ่งรอบข้างเป็นครั้งคราว สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา
หากทำให้หมิงตูจวิ้นจู่ขุ่นเคือง มาดูกันว่าคนผู้นี้จะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกได้ถึงสายตามุ่งร้ายที่จ้องมองมาที่ตนเองเป็นครั้งเป็นคราว นางก้มหน้าลง ทำเป็นกินขนมตรงหน้าและดูการแสดงโดยไม่สนใจสิ่งรอบกายราวกับว่าสิ่งของและผู้คนรอบตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอง
นางเพียงต้องการดูการร้องเพลงและการเต้นรำ ต้องการเอาตัวเองออกไปให้ห่างจากคนพวกนั้นให้ได้มากที่สุด หากแต่พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้นางมีเวลาที่ดี
“โอ้ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ เสี้ยนจู่อันผิง ข้าขอโทษ”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเพียงว่าข้อมือของนางเย็นวาบ จากนั้นก็เห็นสาวรับใช้ของบ้านตระกูลซูกำลังเทน้ำลงบนแขนเสื้อตนด้วยเหตุผลบางอย่าง และพยายามช่วยเช็ดน้ำออกจากแขนเสื้อของนาง ขณะเดียวกันเอาแต่ตำหนิตัวเอง
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นสิ่งนี้จึงไม่ได้สนใจมันมาก แต่สาวใช้กลับคอยเตือนนางว่า “เสี้ยนจู่ คนรับใช้คนนี้ทำเสื้อผ้าของท่านเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ เหตุใดท่านถึงไม่ไปเปลี่ยนเสื้อกับข้าล่ะ ถ้ามีคนเห็นรูปลักษณ์ที่น่าอับอายนี้คงถูกคนอื่นเยาะเย้ย แล้วข้าคงจะต้องตายจริง ๆ”
ก็แค่แขนเสือเปียกเท่านั้น กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้ใส่ใจมากนักและเอ่ยปากย้ำหลายรอบแล้วว่าไม่เป็นไร แต่สาวรับใช้คนนั้นก็ยังไม่ยอมและกำลังจะร้องไห้ออกมา “เสี้ยนจู่อันผิง ได้โปรด ได้โปรดไปกับข้าเถอะ นายท่านของข้าเข้มงวดมาก ถ้ารู้ว่าคนรับใช้ทำเสื้อผ้าของเสี้ยนจู่อันผิงเปียก เขาจะลงโทษข้าได้”
สาวรับใช้พูดอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นยืนและพยักหน้าให้สาวใช้นำทางไป
มีคนไม่มากที่เห็นการกระทำของกู้เสี่ยวหวานที่นี่ แม้ว่าจะมีบางคนเห็นการกระทำนี้ พวกเขาคิดแค่ว่านางกำลังจะไปห้องสุขา จึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ซูจือเยว่มองเห็นเหตุการณ์นั้นและรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสาวใช้คนนั้น เหตุใดสาวใช้คนนั้นถึงดูไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย นางดูไม่เหมือนคนรับใช้ในลานของท่านแม่เลย
งานเลี้ยงในครั้งนี้ สาวรับใช้ที่ในบ้านได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากท่านแม่ และส่วนใหญ่เป็นสาวใช้จากลานของฮูหยินซู แล้วนางจะกล้าเทน้ำลงบนแขนเสื้อของแขกอย่างอุกอาจเช่นนี้ได้อย่างไร
ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าสาวรับใช้คนนั้นจะแต่งตัวเหมือนกับสาวรับใช้ที่จวน แต่ท่าทางของนางก็แปลกประหลาดยิ่งนัก
ซูจือเยว่มองอย่างระมัดระวังมากขึ้น และสั่งให้คนใช้ตามนางไป
ซูหมิ่นมองไปทางกู้เสี่ยวหวานตลอดเวลา เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกไปพร้อมกับสาวรับใช้คนนั้น นางก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากแต่สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่งและแอบชำเลืองมองไปด้านข้าง ซูจือเยว่กำลังเพลิดเพลินกับเพลงและการเต้นรำ และไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของกู้เสี่ยวหวานเลย
ซูหมิ่นจึงรู้สึกมีความสุขอีกครั้ง นางหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นจิบและซ่อนรอยยิ้มไว้เบื้องหลังถ้วยชาใบสวย
กู้เสี่ยวหวานนะกู้เสี่ยวหวาน เจ้าเก่งนักไม่ใช่หรือ?
มาดูกันว่าวันนี้เจ้าจะชอบของขวัญชิ้นใหญ่ที่ข้ามอบให้หรือเปล่า?
กู้เสี่ยวหวานเดินตามสาวรับใช้จากลาน เพราะนางต้องการหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย โดยออกทางประตูด้านข้างแทนประตูหลัก
กู้เสี่ยวหวานเกิดความคิดหนึ่งในใจ จึงเอ่ยกับสาวรับใช้ที่นำทาง “เสื้อผ้าของข้าอยู่กับสาวรับใช้คนสนิทของข้า โปรดพาข้าไปที่นั้นที”
สาวรับใช้ที่นำทางไม่ได้หยุดเดิน นางยังคงก้าวเท้าต่อไปไม่หยุด พลางหันศีรษะกลับมาพูดว่า “ท่านอย่ากังวลไปเลย ข้าน้อยคนนี้เพิ่งส่งคนไปแจ้งสาวรับใช้ของท่านแล้ว และนางจะตามมาทีหลัง”
เมื่อครู่สาวรับใช้คนนี้อยู่กับนางตั้งแต่ต้นจนจบ นางจะไปบอกคนอื่นได้เมื่อไรกัน?
เมื่อได้ยินดังนั้น กู้เสี่ยวหวานเองเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก และเดินตามสาวรับใช้ต่อไป ยิ่งเดินไปไกล นางก็ยิ่งพบว่ามันออกห่างจากงานเลี้ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ พูดตามเหตุผล ถ้ามีการจัดห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าควรอยู่ห่างจากสถานที่จัดงานเลี้ยงไม่ไกล แต่หลังจากเดินมานานก็ยังไม่ถึงเสียที หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก หากแต่ยังเดินตามอีกฝ่ายไปไม่หยุด
ในที่สุด เมื่อพวกนางมาถึงห้องหนึ่ง สาวรับใช้ก็พากู้เสี่ยวหวานขึ้นบันได จากนั้นพาไปที่ห้องรับรองและพูดว่า “เสี้ยนจู่ เหตุใดถึงไม่ถอดเสื้อผ้าออกก่อนล่ะ ข้าจะออกไปรอหน้าห้องและรอรับเสื้อผ้าจากสาวใช้ของท่านเอง ”
หลังจากสาวรับใช้พูดจบ นางก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยกู้เสี่ยวหวานถอดเสื้อผ้าออก กู้เสี่ยวหวานมองท่าทีรีบเร่งของสาวใช้ด้วยความเย้ยหยัน
ตามความต้องการของอีกฝ่าย นางจึงถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออกและเหลือเพียงเสื้อตัวในและกางเกงตัวในเท่านั้น
สาวใช้คนนั้นก้าวไปข้างหน้าหมายจะถอดมันออก แต่กู้เสี่ยวหวานจับคอเสื้อไว้แน่นและพูดอย่างเย็นชา “สาวรับใช้ของข้ายังไม่มา เจ้าไม่ต้องแตะต้องตรงส่วนนี้”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สาวรับใช้ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของกู้เสี่ยวหวาน ดูเหมือนว่านางจะตัดสินใจได้ และทำได้เพียงก้มหน้าลงและพูดว่า “ข้าน้อยจะออกไปรอข้างนอก เสี้ยนจู่โปรดพักผ่อนให้สบาย”
หลังจากพูดจบ สาวรับใช้ก็หันกลับไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามีวิญญาณอยู่ข้างหลัง นางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวว่าจะล่าช้า
กู้เสี่ยวหวานมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา จากนั้นมองไปที่เสื้อและกางเกงสีขาวของตนเอง ข้างหลังคือกำแพงที่ไม่มีหน้าต่าง และเบื้องหน้าของนางคือฉากกั้นขนาดใหญ่
เมื่อครู่เพิ่งถอดเสื้อผ้า เลยไม่ได้สังเกตว่าฉากกั้นเป็นสีขาวทั้งหมด บนนั้นมีรูปวาดของเด็กผู้หญิงถือร่มยืนอยู่ตรงมุมของฉาก กลีบดอกท้อร่วงลงมาราวกับสายฝนโปรยปราย ในอีกด้านหนึ่งมีทะเลทรายรกร้าง และดาบที่เปื้อนเลือดแทงลึกลงไปในทรายที่เปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีดำ ช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างสีชมพูและสีดำทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขและขมขื่น
…………….