ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1517 ตกลงไปงานเลี้ยง
บทที่ 1517 ตกลงไปงานเลี้ยง
บทที่ 1517 ตกลงไปงานเลี้ยง
ตอนที่ได้ยินคำว่าเสี้ยนจู่อันผิง ซูจือเยว่ก็เชิดหน้าขึ้นสูง แม้แต่รอยยิ้มที่ดวงตาก็ยังสัมผัสได้ มันอ่อนโยนราวกับว่าส่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ แต่ในพริบตาเดียว ก่อนที่ซูเฉี่ยนเยว่จะเห็นแววตานั้นก็หายไปแล้ว
ซูจือเยว่คิดอยู่สักพักก็พูดออกมาราวกับไม่รู้เรื่องอะไร “ข้าไม่รู้ ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ข้าไม่รู้ว่าขุนนางจากเมืองอื่น ๆ จะมายังเมืองหลวงกี่คน แต่คิดว่าท่านพ่อน่าจะทราบเรื่องนี้ดี”
ซูเฉี่ยนเยว่ได้ยินซูจือเยว่ว่าดังนั้นก็พลันรู้สึกตัว “ใช่แล้ว ข้าลืมได้อย่างไร ท่านพ่อ”
ซูเฉี่ยนเยว่หันไปหาซูเผยอันด้วยรอยยิ้ม ซูจือเยว่ที่นั่งอยู่มองด้านหลังซูเฉี่ยนเยว่ด้วยรอยยิ้มและดวงตาอันเต็มไปด้วยความสุข ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นเต้นมาก
ฮูหยินซูไม่คุ้นเคยกับคำว่า ‘เสี้ยนจู่อันผิง’ สี่คำนี้มากมากนัก “เป็นสาวชาวนาที่มีส่วนสำคัญในการต่อสู้กับภัยแล้ง”
ซูจือเยว่ส่ายหัว “นั่นเป็นเรื่องของผู้หญิง ข้าไม่ค่อยเข้าใจมากนัก”
ครั้นเห็นซูจือเยว่บอกว่าไม่รู้ ฮูหยินซูจึงพูดต่อ “ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของคนอื่น และยังต้องได้เจอในงานเลี้ยงอยู่แล้ว จือเยว่ ปีที่แล้วเจ้าไม่ได้มางานเลี้ยง ปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ที่บ้านของเรา เจ้าจะต้องมาเข้าร่วมให้ได้”
“ใช่แล้วท่านพี่ ท่านต้องฟังท่านแม่นะเจ้าคะ ท่านต้องเข้าร่วมให้ได้” ซูจือเยว่ที่ถามจนได้คำตอบ และพบว่าไม่มีใครตกหล่นก็รู้สึกโล่งใจ หลังจากฟังมารดาเสร็จก็พูดขึ้นว่า “ท่านพี่ งานเลี้ยงของเราครานี้จะน่าตื่นเต้นกว่าปีก่อน ๆ อย่างแน่นอน ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบเข้าร่วมงานแบบนี้ แต่ปีนี้จัดขึ้นที่บ้านของเรา ท่านจำเป็นจะต้องเข้าร่วมงานนี้ให้ได้ มิเช่นนั้นคนคงมองเป็นเรื่องตลก”
ฮูหยินซูพยักหน้า “เฉี่ยนเยว่พูดถูก ปีนี้เจ้าต้องเข้าร่วม”
แม้แต่ซูเผยอันก็พูดว่า “ใช่ จือเยว่ ท่านแม่และน้องสาวของเจ้าพูดถูก งานนี้จัดขึ้นปีละครั้ง ปีนี้ถึงคราวของตระกูลซูในฐานะเจ้าภาพ เจ้าควรจะอยู่ที่นั่นเพื่อทักทายแขก”
ซูจือเยว่ขมวดคิ้ว ดูลำบากใจเหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่ “เอาล่ะ ท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะเข้าร่วม”
ซูเฉี่ยนเยว่ไม่ได้คาดหวังว่าพี่ชายจะเห็นด้วยในทันที จึงกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ พลางจับมือของซูจือเยว่และพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ ท่านต้องเข้าร่วมนะเจ้าคะ งานเลี้ยงของเราสนุกมาก”
ซูเฉี่ยนเยว่ยิ้มอย่างมีความสุข แววตาดูพึงพอใจและโล่งใจ
ดูเหมือนว่าเรื่องที่น้องสาวขอให้ช่วย ตัวเองทำสำเร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้ซูจือเยว่ไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงเลย เพราะงานเหล่านี้ล้วนจัดที่ตระกูลอื่น การไม่เข้าร่วมก็คงไม่เป็นไร แต่ปีนี้เป็นตระกูลซู ซูจือเยว่เป็นคุณชายของตระกูลซู และวันนั้นหมิงตูจวิ้นจู่มาด้วย ถึงตอนนั้นทั้งสองคนตกหลุมรักกันจนใครต่อใครต่างก็อิจฉา
“ท่านพี่ ข้ามีความสุขมากที่ท่านเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านพี่หมิงตูกังวลมากว่าท่านจะไม่เข้าร่วมจนนางกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนี้ท่านตกลงที่จะเข้าร่วมแล้ว ข้าต้องนำข่าวดีนี้ไปบอกกับนาง ปล่อยให้นางพักผ่อนให้เต็มที่สักสองสามวัน และให้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงของครอบครัวของเราในรูปลักษณ์ที่สวยงามที่สุด”
ซูจือเยว่ได้ยินคำว่าหมิงตูจวิ้นจู่ ร่างกายของเขาขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังจะลุกขึ้น อีกทั้งคิ้วยังขมวดแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและขยะแขยง
เขาประสานมือแล้ววางบนพนักเก้าอี้ ทั้งสองมือประสานกันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
เขาพยายามควบคุมตัวเอง
ฮูหยินซูเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นในใจ แต่หลังจากรออยู่พักหนึ่งก็ไม่เห็นซูจือเยว่ยืนขึ้นและไม่ได้เผชิญหน้ากับซูเฉี่ยนเยว่ นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มีอะไรผิดปกติกันหรือ
ฮูหยินซูไม่เข้าใจซูจือเยว่ และตอนนี้เขาก็ขอตัวออกไปแล้ว
เห็นแต่แผ่นหลังที่ผอมแห้ง ไหล่กว้าง และเอวคอด เสื้อคลุมสีขาวและสายรัดผมสีขาวบนศีรษะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเขาดูสมบูรณ์แบบ
มีอะไรผิดปกติกันหรือ
เห็นได้ชัดว่าจือเยว่กำลังจะกระโดดขึ้นและหักล้างเฉี่ยนเยว่ แต่ทำไมยังทนเก็บเอาไว้อีก
ซูจือเยว่ไม่รู้ว่าฮูหยินซูกำลังมองที่ด้านหลังของตัวเองในขณะนี้ เขาก้าวเดินอย่างรวดเร็วและเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา หัวใจก็เต้นแรง หวังเพียงว่าเวลานั้นจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่เขาจะได้พบผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
ในตอนกลางคืน หลังจากไล่ทุกคนออกไปแล้ว ฮูหยินซูกำลังช่วยซูเผยอันเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าพักผ่อน
แต่ท่าทางของนางดูเป็นกังวลและไม่สบายใจ หลังจากที่ซูเผยอันกลับมา พบว่าฮูหยินมีบางอย่างผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นมีเด็ก ๆ อยู่ด้วยจึงไม่ง่ายจะถามออกมา แต่ตอนนี้ไม่มีใคร ซูเผยอันจึงเอ่ยขึ้น “ฮูหยินมีเรื่องอะไรในใจหรือ”
ฮูหยินซูกำลังคิดว่าจะพูดกับซูเผยอันว่าอย่างไรดี แต่เมื่อเห็นว่าเขาถาม จึงบอกความจริงไปว่า “นายท่าน วันนี้ข้าได้ยินเรื่องที่จือเยว่พูด เรื่องนี้หนักใจข้ามาก ทำให้ข้าไม่สบายใจและคิดว่าจำเป็นต้องบอกท่าน”
ซูเผยอันนั่งลงที่โต๊ะ รินน้ำร้อนให้ตัวเองและฮูหยินซู เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไรไปหรือ”
ฮูหยินซูเล่าทุกสิ่งที่ซูเฉี่ยนเยว่บอกตัวเองในบ่ายวันนี้ให้สามีฟัง และเพิ่มความคิดเห็นของตัวเองเข้าไป “ข้าเคยคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับจือเยว่ที่ได้รับความชื่นชอบจากหมิงตูจวิ้นจู่ แต่ตอนนี้ข้าพบว่าเรื่องนี้หากทำไม่ดีจะเป็นหายนะได้”
ซูเผยอันเห็นนางตื่นเต้นก็รีบจับมือนางไว้และปลอบใจว่า “ฮูหยินเพิ่งกังวลไป ค่อย ๆ พูดเถอะ”
“นายท่าน ท่านรู้ว่าหมิงตูจวิ้นจู่แข็งแกร่งเพียงใด นางอยากได้อะไรก็ต้องเอามันมาให้ได้ แม้ว่านางจะไม่ได้มันมา นางก็จะทำลายมันเพื่อไม่ให้ใครได้มันไป” ฮูหยินซูพูดอย่างหวาดกลัว
ซูเผยอันพยักหน้า “นางคือหมิงตูจวิ้นจู่ แท้จริงแล้วหยิ่งผยองและกำเริบเสิบสานมากกว่าอ่อนโยนและใจดี”
“นายท่าน สิ่งที่ข้าพูดวันนี้ ท่านต้องให้ความสนใจ ถ้ามีโอกาสเราต้องออกจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด” ฮูหยินซูจับมือซูเผยอันและพูดอย่างตื่นเต้น “หมิงตูจวิ้นจู่โปรดปรานจือเยว่ คนหนึ่งสวย อีกคนหล่อ ถ้าพวกเขาตกหลุมรักกัน ข้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แต่วันนี้ข้าพบว่าจือเยว่ไม่ชอบหมิงตูจวิ้นจู่คนนี้ ตรงกันข้ามเขายังคงเกลียดหมิงตูจวิ้นจู่เป็นอย่างมาก”