ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1513 พี่น้องทะเลาะกัน
บทที่ 1513 พี่น้องทะเลาะกัน
บทที่ 1513 พี่น้องทะเลาะกัน
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าจะให้ข้าไปเข้าร่วมอีกหรือ ข้าไม่เอาด้วยหรอก”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นางไปร่วมงานวันเกิดของไทเฮาแล้ว นางก็จะออกจากเมืองหลวง ชื่อเสียง ความมั่งคั่ง และอนาคตในเมืองหลวงไม่มีความเกี่ยวข้องกับนาง และนางก็ไม่ต้องการที่จะร่วมงานขับร้องบทกวีหรืองานร้องเพลงใด ๆ นางไม่อยากอยู่ในสายตาของฮองเฮา
นางไม่ได้แสวงหาชื่อเสียงและความมั่งคั่ง นางเป็นผู้หญิงซึ่งไม่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ พวกเครื่องประดับเงินทอง นางมีมือมีเท้า นางสามารถหามันเองได้
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวและบอกว่าไม่ต้องการมีส่วนร่วม ถานอวี้ซูจึงรีบพูดว่า “ท่านพี่ ไปกันเถอะ งานเลี้ยงครั้งนี้ดีกว่างานเลี้ยงครั้งล่าสุดที่จวนของหมิงอ๋อง ฮองเฮาต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยพระองค์เอง มันคงน่าเสียดายหากท่านไม่ไป”
แม้ว่าถานอวี้ซูจะรู้สึกว่างานเลี้ยงดังกล่าวน่าเบื่อ แต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่เคยเข้าร่วมมาก่อน หากนางกลายเป็นที่โดดเด่นที่สุดในงานเลี้ยงและดึงดูดความสนใจของฮองเฮาได้ ซูหมิ่นก็จะไม่สามารถทำอะไรกับท่านพี่ได้
ครั้งล่าสุดที่จวนของท่านหมิงอ๋อง ท่านพี่ทำได้ดีมาก นางคิดว่าท่านพี่จะฉายแววในเมืองหลวง แต่กลับไม่มีข่าวเกี่ยวกับท่านพี่ของนางในเมืองหลวง คงไม่มีใครกล้าทำเรื่องเช่นนี้นอกจากซูหมิ่น
ท่านพี่ของนางเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมาก นางไม่สามารถทำให้ทุกคนคิดว่าท่านพี่ของนางเป็นหญิงในหมู่บ้านที่หยาบคายได้
หากซูหมิ่นต้องการจัดการกับท่านพี่ ต้องข้ามศพน้องสาวอย่างนางไปก่อน
เมื่อถานอวี้ซูคิดถึงเรื่องนี้ นางก็ขอให้กู้เสี่ยวหวานเข้าร่วมมันอีกครั้ง
ถึงคราวนั้น ตราบใดที่ท่านพี่ของนางอวดลีลาในงานเลี้ยง นางก็จะไปหาไทเฮาเพื่อขอคนคุ้มครองให้ท่านพี่ ด้วยวิธีนี้ท่านพี่จะได้ไม่ต้องปะทะกับหญิงไม่ดีอย่างซูหมิ่นผู้นั้นอีก
เมื่อเห็นดวงตาของถานอวี้ซูเป็นประกาย กู้เสี่ยวหวานก็ตัดสินใจไปร่วมงานโดยรู้อยู่ในใจว่าต้องทำให้ตัวเองโดนเด่นในงานเลี้ยง เพื่อที่ซูหมิ่นจะไม่กล้าทำอะไรกับนาง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกขอบคุณมากในใจของนาง แม้ว่านางจะไม่ชอบเข้าร่วมงานดังกล่าว แต่เมื่อเห็นความจริงใจของถานอวี้ซู กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ข้าจะไป”
“ตกลง ท่านพี่ เมื่อถึงวันนั้นให้ท่านรอข้าที่บ้าน แล้วข้าจะไปรับท่าน” ถานอวี้ซูพูดอย่างตื่นเต้น
ท่านพี่ของนางคนนี้เก่งมาก นางไม่ต้องการให้ใครดูถูกพี่สาวคนนี้ของนาง
จวนตระกูลซูมีชีวิตชีวามาก ซูเฉี่ยนเยว่ยืนอยู่ข้างหลังสตรีผู้สง่างามและใจกว้าง มองไปที่คนรับใช้ที่วุ่นวายด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “ท่านแม่ งานเลี้ยงขับร้องบทกวีในปีนี้ บ้านเราต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่และดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกงานเลี้ยงที่จวนอื่นเคยจัดมาก่อน”
ฮูหยินซูที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างมีชัยชนะ “เฉี่ยนเยว่ ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้เจ้าเฉิดฉายในเมืองหลวงอย่างแน่นอน”
ฮูหยินซูอายุสามสิบปี เนื่องจากผิวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ใบหน้าจึงไม่มีริ้วรอย ผิวพรรณนวลเนียน นางสวมชุดสีไม้จันทน์ซึ่งขับให้ผิวของนางดูขาวผ่อง
เมื่อเห็นท่านแม่พูดแบบนี้ ซูเฉี่ยนเยว่ก็มีความสุขมาก และปรึกษากับมารดาว่าจะจัดงานเลี้ยงนี้อย่างไร
ในขณะเดียวกัน ซู่จือเยว่ซึ่งจากไปไม่กี่วันก็กลับมา เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น เมื่อเขาเข้าไปในลานบ้าน เขาเห็นโคมไฟและพู่ห้อย อีกทั้งยังมีดอกไม้กว่าร้อยดอกบานสะพรั่งทุกหนทุกแห่ง
ในเวลานี้ฮูหยินซูและซูเฉี่ยนเยว่ก็โบกมือให้กับซูจือเยว่ด้วยความรัก “จือเยว่”
ซูจือเยว่หยุดชั่วคราวและเดินไปตามทิศทางของท่านแม่และน้องสาวของเขา เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้าของพวกนาง ซูจือเยว่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวทักทาย
ฮูหยินซูรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงซูจือเยว่และมองสำรวจอย่างเป็นทุกข์ “ไปอยู่ข้างนอกได้สองสามวัน ดูเหมือนว่าเจ้าจะผอมลงเล็กน้อย เดินทางมาคงเหนื่อยใช่หรือไม่”
“ท่านแม่ จือเยว่ไม่เหนื่อยหรอก แต่ที่บ้านจัดงานหรือ ทำไมท่านแต่งตัวดูดีถึงเพียงนี้” ซูจือเยว่ถามอย่างใคร่สงสัย
ซูเฉี่ยนเยว่ที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเบา ๆ และพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่ไม่รู้หรือ ในปีนี้จวนของเราเป็นผู้จัดงานเลี้ยงขับร้องบทกวีประจำปี ข้าส่งเทียบเชิญเชิญทุกคนมาแล้ว”
“เมื่อใดหรือ” ซูจือเยว่ไม่ค่อยสนใจที่จะเห็นงานเลี้ยงแบบนี้อีก อย่างไรก็ตาม มันเป็นการนัดดูตัวสำหรับชายและหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน ผ่านมาปีแล้วปีเล่าและเขาก็เริ่มเบื่อหน่าย
“งานเลี้ยงจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า” ซูเฉี่ยนเยว่พูดพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าไม่สนใจของซูจือเยว่ นางจึงพูดติดตลกว่า “ท่านแม่ ถ้าเช่นนั้นท่านควรเลือกหญิงสาวจากหญิงสาวเหล่านี้ให้ท่านพี่ของข้าสักหนึ่งคน”
ซูจือเยว่ใบหน้าแดงก่ำ และพูดอย่างเขินอาย “เจ้านี่นะ”
เมื่อเห็นลูกชายของนางหน้าแดงเพราะคำพูดของลูกสาว ฮูหยินซูก็อารมณ์ดีเช่นกัน นางตบมือของซูเฉี่ยนเยว่และพูดว่า “เอาล่ะ เจ้าอย่าแกล้งพี่ของเจ้าเลย ข้าเป็นห่วงเจ้ามากกว่าว่าจะไม่ได้ออกเรือนเหมือนหญิงสาวคนอื่น”
“ฮึ่ม! ท่านแม่ลำเอียง” ซูเฉี่ยนเยว่แสร้งทำเป็นจับผิดและพูดว่า “ท่านแม่รู้ว่าท่านพี่มีคนที่หมายตาแล้ว ท่านจึงมาลงที่ลูกสาวอย่างข้า ข้าไม่แต่งหรอก ลูกสาวต้องอยู่เคียงข้างแม่ไปตลอดชีวิต หากหมิงตูจวิ้นจู่แต่งงานกับครอบครัวของเรา ข้าจะเป็นน้องสาวที่ดีกับพี่ซูหมิ่นไปตลอดชีวิต และท่านพี่หมิ่นก็จะไม่ขับไล่ข้าไปไหน”
เมื่อซูเฉี่ยนเยว่บอกว่าซูจือเยว่มีคนรัก ซูจือเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและดูเหมือนจะมีความสุขเล็ก ๆ ในใจ แต่เมื่อซูเฉี่ยนเยว่บอกว่าเป็นซูหมิ่น ซูจือเยว่พลันขมวดคิ้วแน่นและเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “เฉี่ยนเยว่ หุบปาก หมิงตูจวิ้นจู่มีสถานะสูงส่ง ข้าจะปล่อยให้เจ้าพูดเรื่องไร้สาระและทำลายชื่อเสียงของหมิงตูจวิ้นจู่ได้อย่างไร”
ซูเฉี่ยนเยว่ยังคงหยอกล้อ แต่ตอนนี้นางถูกขัดขวางโดยซูจือเยว่ นางมองพี่ชายที่กำลังตวาดนางด้วยสายตาเหลือเชื่อ และนางก็งงงวยเล็กน้อย หากแต่ก็ยังไม่ยอมยอมแพ้และพูดว่า “ท่านพี่หมิ่นชอบท่านพี่ ทุกคนในที่นี้รู้ว่าท่านพี่ขี้อาย ท่านพี่หมิ่นไม่กลัวอะไร ฉะนั้นท่านพี่ก็อย่ากลัว ท่านพี่หมิ่นก็ยอมรับว่าชอบท่านพี่ ท่านพี่หมิ่นไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำลายชื่อเสียงของนางหรอก”