ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1504 มีเลศนัย
บทที่ 1504 มีเลศนัย
บทที่ 1504 มีเลศนัย
เสียงครวญครางเบา ๆ เกิดขึ้นภายในลำคอ ทันใดนั้น ดวงตาของหงเหมยก็สว่างขึ้น ราวกับว่าเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางเป็นนายท่านที่ตนเองคิดถึง
รู้สึกเพียงร่างกายของนางชาวาบ ทำให้จิตใจเคลิบเคลิ้มหลงใหล
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดเสียงในห้องก็เงียบไป หงเหมยที่พิงกำแพงอยู่ก็ยืนขึ้นและรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรง อีกทั้งยังรู้สึกสบายตัวและอึดอัดในเวลาเดียวกัน
นางยืนขึ้นอย่างอ่อนแรงและขยับเข้าใกล้กำแพงมากขึ้น จากนั้นหันไปมองในห้องอีกครั้งหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความคับแค้นและเศร้าใจ จากนั้นก็กัดริมฝีปากแน่น จับผนังและเดินจากไปทีละก้าว
หลังจากนั้นไม่นาน ฟางเจิ้งสิงก็กอดหลิวซื่ออย่างอ่อนโยนอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ฟางเจิ้งสิงอารมณ์ดี หลิวซื่อก็หันมาชำเลืองมองและพูดเรื่องเมื่อครู่ต่อ “นายท่าน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เราถือโอกาสไปเยี่ยมท่านพี่ดีหรือไม่ ไปรับท่านพี่กลับมา นางก็กลับไปอยู่บ้านท่านแม่นานแล้ว ถ้าหากยังอยู่ต่อ ถึงเวลานั้นข้าเกรงว่าจะมีคนมานินทานายท่านได้”
“นินทาข้าเรื่องอะไร” ฟางเจิ้งสิงทำสีหน้าไม่พอใจ “เป็นนางเองที่อยากไป ข้าให้กินให้ดื่มของอร่อยและมีคนรับใช้ปรนนิบัตินางอย่างดี นางยังกลับไปอยู่บ้านแม่ ไม่แม้แต่จะมาบอกลาข้าสักนิด แล้วไปกับแม่ของนาง ทำให้ข้าขายหน้าแล้วข้าจะสนใจนางอีกเพื่ออะไร รับกลับมาให้ข้าเห็นใบหน้าที่เย็นชาของนางอีกหรือ”
ฟางเจิ้งสิงไม่พอใจมากและปล่อยมือที่กอดหลิวซื่อ
หลิวซื่อรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของฟางเจิ้งสิง แต่กลับไม่แปลกใจเลยสักนิดและยังคงซบอกอีกฝ่ายต่อไป ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างเชื่องช้า ไหลลงตรงหน้าอกของฟางเจิ้งสิงที่ร้อนแผดเผา
“นายท่าน ข้าไม่อยากเห็นคนอื่นพูดว่านายท่านไม่ดี ตอนนี้นายท่านมียศที่สูงขึ้น ใครไม่เคารพนายท่าน ไม่เกรงกลัวนายท่าน แต่ว่าคำพูดของคนมันน่ากลัว เมื่อถึงเวลานั้นแล้วมีคนมาขัดขวาง พูดว่าฮูหยินตระกูลฟางตายอยู่บ้านเก่าของมารดา เมื่อถึงเวลานั้นจะให้นายท่านปฏิเสธอย่างไร ข้ารู้ว่านายท่านไม่ชอบฮูหยิน แต่ไม่ว่าจะไม่ชอบอย่างไร นางก็ยังเป็นฮูหยินของตระกูลฟาง หลังจากที่นางตายก็ต้องฝังนางไว้ที่หลุมศพของบรรพบุรุษตระกูลฟาง” หลิวซื่อพูดโน้มน้าวอย่างปากเปียกปากแฉะพร้อมกับน้ำตาที่ร้อนรุ่มอย่างหยาดเยิ้ม มันยิ่งทำให้หัวใจของฟางเจิ้งสิงหลอมละลาย
“ที่รักของข้า” ฟางเจิ้งสิงกอดหลิวซื่อไว้อีกครั้งและมองไปที่คนงามหยาดเยิ้ม ฟางเจิ้งสิงรู้สึกเพียงวูบวาบในท้องน้อยส่วนล่าง “ที่รักของข้า เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าไม่รักเจ้าแล้วจะให้ข้ารักใคร ยังคงเป็นเจ้า พรุ่งนี้จวนหลูจะไปรับผู้หญิงคนนั้นกลับมา”
“อืม ขอบคุณนายท่าน” เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิวซื่อก็หลั่งน้ำตาแห่งความสุขออกมา
ฟางเจิ้งสิงยิ้มและโอบกอดหลิวซื่อไว้ “เจ้าอยู่ในใจข้าและจะเป็นคนที่ข้ารักมากที่สุดตลอดไป ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะเทียบเจ้าได้”
หลิวซื่อมองเห็นหน้าฟางเจิ้งสิงไม่ชัดจึงกอดฟางเจิ้งสิงอย่างแน่น แล้วพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “นายท่าน ขอบคุณนายท่าน”
ฟางเจิ้งสิงมองไม่เห็นความภูมิใจภายใต้สายตาของหลิวซื่อ
ในสายตาของฟางเจิ้งสิงนอกจากการเคลื่อนไหวของร่างกายแล้ว ดวงตายังเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง และไม่มีความรักในสายตาแบบเมื่อครู่ที่อยู่ต่อหน้าหลิวซื่อ
และการยิ้มเยาะเย้ยมุมปากนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนเย็นวูบ
วันที่สอง ฟางเพ่ยหยากำลังดูกระปุกยาของหลูเหวินซินด้วยตนเอง พี่เลี้ยงโจวคนต้มยาเป็นคนสนิทของฮูหยินหลู ทำให้ฟางเพ่ยหยาก็รู้สึกสบายใจมาก
ทันใดนั้น เนี่ยนหรู สาวรับใช้ข้างกายฮูหยินหลูก็เข้ามารายงานว่า “คุณหนู คนในจวนฟางมาเชิญฮูหยินกลับไปเจ้าค่ะ”
เนี่ยนหรูเป็นสาวรับใช้ข้างกายของฮูหยินหลู ล้วนเป็นคนเก่าแก่ที่อยู่ข้างกายฮูหยินหลู นางทั้งสงบ สุขุม และฉลาด
เมื่อฟางเพ่ยหยาได้ยินว่าคนของจวนฟางมาที่นี่ ใบหน้าที่อ่อนโยนในเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นความเกลียดชังขึ้นมาทันที
คนของตระกูลฟาง นางไม่อยากเห็นใครทั้งนั้น
ยิ่งกว่านั้น ก็เดาได้ว่าเป็นใครที่มาจากตระกูลฟาง นางมีเหตุผลอะไรที่จะออกไปดู
ดังนั้นจึงพูดอย่างเย็นชา “เจ้ากลับไปรายงานท่านยายว่าข้าดูแลท่านแม่อยู่ คนไร้สาระพวกนั้นข้าไม่อยากพบ”
เนี่ยนหรูรู้ดีว่าฟางเพ่ยหยาจะตอบเช่นนี้ จึงประคองตัวขึ้นแล้วพูดว่า “เจ้าค่ะคุณหนู ข้าน้อยจะกลับไปรายงานฮูหยิน”
เมื่อฟางเพ่ยหยาเห็นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วก็ตระหนักได้ว่าท่านยายได้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนอื่นได้เห็น
ท่านยายคงเดาได้ว่านางไม่ไปแน่นอน
ท่านยายให้เนี่ยนหรูมารายงาน คิด ๆ ดูแล้ว คนที่มาน่าจะเป็นฟางเจิ้งสิงพ่อของนาง
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นละก็ เกรงว่าท่านยายคงไม่ไว้หน้าเช่นนี้แน่
และแน่นอนว่ารอจนฟางเพ่ยหยาเอายาที่ต้มเข้ามา ก็ได้ยินเนี่ยนผิงแอบบอกนางว่านายท่านฟางมาแล้ว
ฟางเพ่ยหยาตอบอืมเสียงเดียว และไม่ได้นำไปบอกหลูเหวินซิน
ตอนนี้หลูเหวินซินไม่ได้อาเจียนเป็นเลือดแล้ว หลังจากทานยา นางก็รู้สึกมึนหัวจึงได้ผล็อยหลับไป
ฟางเพ่ยหยาเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ ตลอด นางได้ออกกำลังกายตามที่กู้เสี่ยวหวานสอน และไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา
และตอนนี้ นางก็กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นกัน
ร่างกายของท่านแม่ไม่สามารถรับสารพิษได้อีกแล้ว สิ่งที่นางต้องทำคือ ปิดโอกาสเพื่อไม่ให้ทุกคนที่สามารถเข้ามาทำร้ายท่านแม่ได้
ในลานบ้านที่หลูเหวินซินอาศัยอยู่ตอนนี้ ได้เปลี่ยนคนเฝ้าเวรยามทั้งหมดแล้ว เปลี่ยนเป็นคนสนิทของฮูหยินหลูทั้งหมด คนหนึ่งคือพี่เลี้ยงโจวและอีกคนคือเนี่ยนผิงสาวรับใช้ข้างกาย ล้วนเป็นคนเก่าแก่ที่อยู่ข้างกายฮูหยินหลูมาหลายสิบปี เชื่อถือได้แน่นอน
ตอนนี้พี่เลี้ยงโจวและเนี่ยนผิงอยู่ด้านนอก กำลังเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัว และฟังความเคลื่อนไหวในห้องอยู่ตลอด เพื่อที่จะได้รับคำสั่งของฟางเพ่ยหยาได้ทุกเมื่อ
ในขณะนี้ ประตูลานหน้าบ้านถูกกระแทกและมีเสียงมาจากข้างนอก “คุณหนู ฮูหยินมาแล้ว”
ท่านยายมาแล้ว
ฟางเพ่ยหยารีบวางของในมือและเช็ดเหงื่อบนหน้า จัดการใบหน้าให้เรียบร้อยจึงค่อยเปิดประตู
ในใจคิดว่าท่านยายส่งคนตระกูลฟางกลับไปหมดแล้ว จึงดีใจมาก
เนี่ยนหรูและพี่เลี้ยงโจวมาถึงหน้าประตูแล้ว และเมื่อประตูลานบ้านเปิดออกก็เห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอก สีหน้าฟางเพ่ยหยาก็เปลี่ยนทันที
คนข้าง ๆ ท่านยายคือชายหญิงคู่หนึ่งที่นางไม่อยากเห็นมากที่สุด
ฟางเจิ้งสิงและหลิวซื่อ
ฟางเพ่ยหยาหันหัวออกไป ในสายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและความเกลียดชัง นางยกเท้าและเดินไปที่ลานหน้าบ้านอย่างช้า ๆ หันไปทางฮูหยินหลูและจับมือฮูหยินหลูอย่างอบอุ่น น้ำตาแห่งความทุกข์ใจก็ไหลลงมาอีกครั้ง “ท่านยาย เมื่อครู่ท่านแม่อาเจียนเป็นเลือดอีกแล้ว ฮือ ฮือ ทำอย่างไรดี”