ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1341 การแต่งงานที่ดี
บทที่ 1341 การแต่งงานที่ดี
บทที่ 1341 การแต่งงานที่ดี
ลูกชายสองคนของตระกูลจ้าวต่างต้องการแต่งงานกับกู้เสี่ยวหวาน ทั้งคู่ต่างส่งแม่สื่อมาเพื่อสู่ขอกู้เสี่ยวหวาน และฮูหยินสวีเองก็รับรู้เรื่องนี้เช่นกัน
แต่ทว่าหลังจากบุตรชายคนโตของตระกูลจ้าวเผชิญกับความยากลำบาก เขาก็ไม่มีความคิดนี้อีกต่อไป แต่ลูกชายคนที่สองของตระกูลจ้าวซึ่งเป็นบุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยามีจิตใจที่ชั่วร้าย และยังคงทำสิ่งที่น่ารังเกียจอยู่ในขณะนี้
“นั่นเป็นเหตุผลที่หงซื่อต้องการให้ข้าเป็นลูกสะใภ้ของนาง” กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน ดวงตาเย็นชาราวกับธารน้ำแข็ง
“มาถึงรุ่นนี้แล้ว สถานะและการเงินของตระกูลจ้าวนั้นห่างไกลจากสิ่งที่พวกเขาเคยเป็น” สวีเซียนหลินเอ่ยขึ้น “ถ้าข้าเดาถูกต้อง หงซื่อเป็นอนุภรรยาของจ้าวสวิ่นมาโดยตลอด นางไม่พอใจที่ลูกของนางไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตระกูลจ้าว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หงซื่อต้องการให้ลูกชายของนางแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่ดีเพื่อให้ตระกูลจ้าวรุ่งเรืองขึ้น”
การเดาของสวีเซียนหลินไม่ผิดเลย
หงซื่อมีแผนการดังกล่าวจริง ๆ
แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี แต่นางก็ไม่เคยละทิ้งความฝันนี้
เนื่องจากฮูหยินจ้าวไม่ยอมให้นางเหยียบย่ำเข้าตระกูลจ้าว ตนเองจึงถือว่าไม่ใช่ฮูหยินรองของตระกูล ทำให้ลูกทั้งสองของนางไม่มีตำแหน่งในตระกูลเจ้า ดังนั้นนางจึงต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองเพื่อให้เขาประทับใจ
“แต่ว่าต่อมาจ้าวสวิ่นก็กลับไปที่ตระกูลจ้าวพร้อมลูกทั้งสองคนไม่ใช่หรือ” ฮูหยินสวียังพอรู้เรื่องของตระกูลจ้าวอยู่บ้าง
“ลูก ๆ ของนางได้ก้าวเข้าสู่ตระกูลจ้าวและกลายเป็นนายน้อยและคุณหนู แค่นี้ยังไม่พอใจอีกหรือ?”
ดวงตาที่สวยงามของฮูหยินสวีเต็มไปด้วยความกังวล ครั้นนางได้ยินว่ามีเหตุการณ์ที่น่าระทึกเกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานบนถนน นางก็ไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้ นางรีบลากสวีเซียนหลินมาที่สวนกู้เพื่อมาดูให้แน่ชัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานจริง ๆ ดังนั้นนางจึงรู้สึกโล่งใจ
ในประเด็นนี้ กู้เสี่ยวหวานคิดได้ชัดเจนกว่าฮูหยินสวี
ไม่ว่าจะอยู่ในรั้วบ้านเล็กหรือเข้าไปอยู่ในบ้านใหญ่ตระกูลจ้าว นางต้องลิ้มรสความขมขื่นเป็นอันแน่
หลังจากส่งสวีเซียนหลินและฮูหยินสวีกลับไปแล้ว ป้าจางและกู้ฟางสี่ก็ปฏิเสธที่จะทิ้งให้กู้เสี่ยวหวานอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง
“ท่านอา ท่านป้า ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ” เมื่อพวกนางเข้ามาในห้องนอนของกู้เสี่ยวหวาน ป้าจางและกู้ฟางสี่ก็ลงกลอนประตู และกำลังจะปลดเสื้อผ้าของกู้เสี่ยวหวานออกเพื่อดูว่ามีรอยฟกช้ำหรือได้รับบาดเจ็บบนร่างกายหรือไม่
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตะลึงกับการกระทำของสองคนนี้
“ไม่ได้ เราต้องเห็นให้ได้ ไอ้พวกคนชั่วจิตใจหยาบช้าเช่นนั้น ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าการที่เจ้าต้องอยู่ในรถม้าเพียงลำพังจะต้องรู้สึกหวาดกลัวแค่ไหน” กู้ฟางสี่พูดทั้งน้ำตา “ถ้าตอนนั้นพวกข้าอยู่ด้วย เรื่องร้าย ๆ เช่นนี้คงไม่…”
กู้ฟางสี่ไม่สามารถพูดต่อไปได้ ดังนั้นนางจึงปิดหน้าและเริ่มร้องไห้ กู้เสี่ยวหวานเห็นผู้เป็นอากำลังโศกเศร้า นางเองก็รู้สึกเศร้าไปด้วยเช่นกัน
นางกอดกู้ฟางสี่ไว้อ้อมแขนและปลอบโยน “ท่านอา ดูสิ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ ข้าสบายดี”
นางถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกด้วยตัวเอง เผยให้เห็นแขนยาวที่เรียบเนียน แผ่นหลังขาวนวลไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นดังนั้น กู้ฟางสี่และป้าจางก็รู้สึกโล่งใจ “เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดีแล้ว ค่อยยังชั่วที่เจ้าไม่เป็นอะไร แต่เรื่องสำคัญก็คือตระกูลจ้าวยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาทำให้ม้าของเจ้าตกใจอย่างในวันนี้ ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะทำอะไรอีก! สิ่งต่าง ๆ กำลังจะตามมา”
ใช่แล้ว ถึงหลายครั้งนางจะสามารถป้องกันตัวเองได้ หากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปได้ทุกครั้ง
ตอนนี้หงซื่อและลูกชายของนางเป็นเหมือนปีศาจร้าย วิธีการนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขาไม่ได้รับการจัดการจริง ๆ ทุกคนก็ไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้ฟางสี่ก็มองไปรอบ ๆ และถามด้วยความไม่พอใจ “อาจั่วไปไหน นางต้องอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไม่ใช่หรือ”
“ท่านอา ตอนนี้เราอยู่ที่บ้าน หงซื่อไม่สามารถทำอะไรเราได้หรอก” ท่านอาต้องการให้อาจั่วอยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนอยู่ที่บ้าน กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
“ข้ามอบหมายให้นางไปทำธุระให้บางอย่าง เดี๋ยวนางจะกลับมาในไม่ช้า”
แน่นอนว่าทันทีที่พูดจบก็มีเสียงเคาะประตูและเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “คุณหนู ข้ากลับมาแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดคุยกับอาจั่วต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสอง หลังจากส่งพวกนางออกไปแล้ว จากนั้นกู้เสี่ยวหวานพูดถึงเรื่องที่ตนเองสั่งให้อาจั่วทำทันที
อาจั่วพยักหน้า “ข้าส่งมันออกไปเรียบร้อย เมื่อคนผู้นั้นได้เห็นของที่ส่งไป ดวงตาของนางก็เป็นประกาย”
“แล้วได้พูดอะไรอีกหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานจิบชาอย่างเงียบ ๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม
“นางบอกว่าขอบคุณคุณหนูที่ทำให้นางได้มีการแต่งงานที่ดี”
การแต่งงานที่ดี
กู้เสี่ยวหวานยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้และค่อย ๆ วางถ้วยชาลง เงาของนางที่สะท้อนอยู่ในถ้วยคือดวงตาของที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง
จะดีหรือไม่ดีก็ยังไม่รู้
แต่สำหรับตระกูลจ้าว สิ่งที่แน่นอนก็คือ มันเป็นการแต่งงานที่เลวร้ายและไม่สามารถทำลายได้
หงซื่อถูกกักบริเวณและถูกขังไว้ในที่ที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ จ้าวสวิ่นลดค่าอาหารและเสื้อผ้าทั้งหมดลง ส่วนลูกทั้งสองคงไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายมากมาย
หงซื่อถูกจ้าวสวิ่นทุบตีอย่างหนักจนไม่สามารถลุกจากเตียงได้ นางนอนอยู่ในห้องอย่างโศกเศร้า และพักฟื้นเป็นเวลาหลายวันถึงจะมีอาการดีขึ้น
แต่ทว่าลูกทั้งสองของนางไม่ได้เป็นสายเลือดของตระกูลจ้าวอีกต่อไป ใบหน้าของหงซื่อก็อาบไปด้วยน้ำตาทุกวัน ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก
ตอนนี้ในบ้านเหลือคนที่คอยรับใช้เพียงสามคน คนหนึ่งคือพี่เลี้ยง อีกคนเป็นเด็กรับใช้ และอีกคนคือคนเฝ้าประตู
แต่ก่อนตระกูลนี้ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร แต่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นครอบครัวที่อ่อนแอ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เหมือนตระกูลดั้งเดิมนั้นสูงเสียดฟ้า อีกตระกูลนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน วันเวลาดี ๆ ของหงซื่อได้สิ้นสุดลงแล้ว
คนรับใช้ทั้งสามนี้ถูกเลือกโดยจ้าวสวิ่น เป็นคนที่ไม่เคยรับใช้หงซื่อมาก่อน ดังนั้นหงซื่อจึงไม่ค่อยวางใจในตัวพวกเขา และทั้งสามก็รู้ว่าตอนนี้นายท่านไม่ได้ชอบนางแล้ว และไม่ได้สนใจหงซื่อมากนัก ก็แค่ทำให้มันผ่านไปวัน ๆ เพราะคงต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไป
วันนี้หงซื่อเพิ่งตื่นขึ้น นางกระหายน้ำมาก อยากดื่มน้ำ แต่มองซ้ายทีขวาทีก็ไม่มีใครเอาชาและน้ำมาให้
นางเรียกอยู่หลายครั้ง หากแต่ก็ไม่มีใครเข้ามา นางได้ยินแต่เสียงหัวเราะเป็นครั้งคราวดังมาจากทางประตู ทำให้หงซื่อรู้ว่าบุคคลเหล่านี้อยู่ที่ประตู