ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1333 มีความลับอะไร
บทที่ 1333 มีความลับอะไร
บทที่ 1333 มีความลับอะไร
“ทำไมจะไม่ใช่เด็ก” ป้าจางกล่าวอย่างจริงจัง “แม้ว่าต่อไปเจ้าจะแต่งงานกลายเป็นแม่คน แต่ในใจของป้าคนนี้ เจ้ายังคงเป็นเด็กตลอดเสมอ”
ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานทำได้เพียงยอมแพ้ และรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ
ไม่มีความรักจากพ่อแม่ แต่ก็มีความรักจากท่านอาและป้าจาง กู้เสี่ยวหวานก็พอใจแล้ว
ตอนนี้ตาของนางไม่ได้บวมขนาดนั้นแล้ว กู้เสี่ยวหวานหยิบยาแล้วเดินไปที่ห้องของฉินเย่จือ
เมื่อคืนฉินเย่จือนอนโอบกอดกู้เสี่ยวหวานทั้งคืนจนถึงรุ่งสางจึงจะกลับไปที่ห้องของตนเอง ก่อนจะออกไป ฉินเย่จือก็ขยับข้อมือ เมื่อคืนนางนอนหนุนแขนฉินเย่จือทั้งคืน และเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่นจึงไม่กล้าขยับตัว
เมื่อมาถึงห้องของฉินเย่จือแล้ว แต่คนกลับไม่อยู่ในห้อง
อาจั่วที่อยู่ข้างหลังรีบพูดว่า “คุณหนู พี่ใหญ่ฉินออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ก่อนออกไปเขาต้องการจะบอกลาคุณหนู แต่เขาเห็นว่าคุณหนูไม่ได้นอนทั้งคืน จึงเกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของคุณหนู เขาจึงบอกข้าแล้วออกไปทันที”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ฟังดังนี้ เดิมทีใบหน้าตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นเหงาหงอย “เมื่อคืนเขาก็กลับมาตอนเที่ยงคืน ทำไมไม่พักผ่อนสักหน่อยก็จากไปแล้ว”
“บางทีพี่ใหญ่ฉินอาจจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ” อาจั่วตอบ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “เมื่อคืนเขาบอกว่ากำลังหาของบางอย่าง และบอกว่าหาเจอแล้ว ในเมื่อหาเจอแล้ว ทำไมยังไม่อยู่บ้านให้นานกว่านี้อีกหน่อย”
กู้เสี่ยวหวานบ่นพึมพำ ทั้งน้อยใจและกลัดกลุ้ม นางขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วดูการตกแต่งที่คุ้นเคยในห้องของฉินเย่จือ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่ฉินเย่จือเปลี่ยน นางหยิบเสื้อผ้าของเขาขึ้นมาด้วยสายตาที่เหงาหงอยเหมือนกับหญิงสาวที่หาคนรักในใจไม่เจอ
เมื่ออาจั่วเห็นท่าทางที่ดูหงอยเหงาเศร้าสร้อยของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไม่สบายใจมาก
“คุณหนูอย่าเศร้าไปเลย พี่ใหญ่ฉินเอาใจใส่คุณหนูขนาดนั้น ปกติก็ไม่เคยห่างจากคุณหนูแม้แต่ครึ่งก้าว คิดว่าครั้งนี้คงมีเรื่องที่รีบร้อนจริง ๆ จึงบอกคุณหนูไม่ทัน คุณหนูอย่าเสียใจไปเลย เมื่อเขาทำงานเสร็จ ต้องกลับมาอยู่กับคุณหนูทุก ๆ วันแน่นอน” อาจั่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและถอนหายใจ “ข้าแค่กังวลเรื่องสุขภาพของเขา เขาไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ฟ้าเพิ่งจะสว่างก็ออกไปอีกแล้ว ไม่รู้จักรักตัวเองเลย”
อาจั่วปิดปากและยิ้ม “ถ้าพี่ใหญ่ฉินรู้ว่าคุณหนูห่วงใยเขาขนาดนี้ ไม่ว่าจะเหนื่อยลำบากขนาดไหนมันก็คุ่มค่าแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานเพิ่งตระหนักได้ว่าอาจั่วกำลังหยอกล้อตน จึงพูดด้วยความโมโห “โตแล้วสินะ รู้จักล้อเลียนข้าแล้ว”
เพียงแต่ตอนที่พูดออกมา ถึงแม้หน้าตาจะบูดบึ้ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีรอยยิ้ม
ในเมื่อฉินเย่จือไม่อยู่ กู้เสี่ยวหวานก็อยากไปที่ร้านจิ่นฝู ฉือโถวยังคงรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ จึงไม่ได้ไปร้านจิ่นฝูหลายวันแล้ว ในตอนนี้หากกู้เสี่ยวหวานยังพอมีเวลาก็ไปเยี่ยมเขาได้
หลังจากตัดสินใจไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็มองดูเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ แล้วพูดว่า “อาจั่ว เอาชุดสีขาวนวลที่ข้าใส่ในร้านหรูอี้ไม่กี่วันก่อนออกมาหน่อย แล้วพวกเราออกเดินทางกัน”
พออาจั่วได้ฟังก็อุทานออกมาหนึ่งเสียง “อะไรนะ?!”
เหมือนฟังไม่ชัด
กู้เสี่ยวหวานจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “เสื้อสีขาวตัวนั้น ตัวที่ทำใหม่”
“หา?” อาจั่วรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า พลิกหาซ้ายทีขวาที “คุณหนู เสื้อสีขาวตัวนั้นบางทีท่านอาอาจเอาไปแล้ว ตอนนี้ในตู้เสื้อผ้าไม่มีแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานตอบ “งั้นก็ไม่เป็นไร เปลี่ยนตัวเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าอาจั่วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย ในใจกู้เสี่ยวหวานกังวลเรื่องสุขภาพของฉินเย่จือ จึงไม่สังเกตเห็นอาจั่วที่พูดออกมาอย่างโล่งใจ
ครั้นมาถึงร้านจิ่นฝู กู้เสี่ยวหวานก็ตรวจสอบบัญชีของร้านเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาอย่างละเอียด เหลียงอวี้เฉิงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว รายการบัญชีดูสะอาดเรียบร้อยและชัดเจน ดูครั้งเดียวก็เข้าใจได้ทั้งหมด
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “บัญชีนี้ทำได้ดีมาก”
“เถ้าแก่ เป็นท่านที่สอนวิธีทำบัญชีให้ข้า นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนทำบัญชีแบบนี้ เงินเข้า ๆ ออก ๆ เงินออกเอาไปใช้จ่ายส่วนไหน เงินที่เข้ามีเท่าไร มองครั้งเดียวก็รู้ ไม่ง่ายเลยที่จะทำผิดพลาด สวรรค์! เถ้าแก่ ท่านเรียนรู้มาจากที่ไหนกัน” เหลียงอวี้เฉิงมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความเลื่อมใส และในสายตาเต็มไปด้วยดวงดาวแห่งความศรัทธา
“เรียนรู้ด้วยตนเอง” กู้เสี่ยวหวานตอบอย่างหยอกล้อ นั่นยิ่งทำให้เหลียงอวี้เฉิงประทับใจมากขึ้น
ความชื่นชมที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานเป็นเหมือนแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวและต่อเนื่องมากขึ้น
“เถ้าแก่เก่งจริง ๆ” เหลียงอวี้เฉิงยังคงชื่อชมไม่หยุด
เรื่องภายในร้านอาหารจัดการเกือบเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็เตรียมที่จะกลับสวนกู้ เหลียงอวี้เฉิงรีบส่งกู้เสี่ยวหวานขึ้นรถม้า และยังบอกคนขับรถม้าว่า “ลุงหนิว ระวังตัวด้วย”
ลุงหนิวผู้นี้อายุราว ๆ สี่สิบปี ปากกว้าง จมูกยาว หน้าเหลี่ยม ตากลม ดูเป็นคนซื่อสัตย์
ปกติแล้วคนผู้นี้เป็นคนที่ส่งอาหารของร้านจิ่นฝู วันนี้อาโม่ไม่อยู่และไม่ได้เอารถม้ามา ดีที่ลุงหนิวเพิ่งส่งอาหารที่ร้านอาหารเสร็จ เหลียงอวี้เฉิงจึงขอให้เขาเอารถม้าที่ร้านอาหารส่งกู้เสี่ยวหวานกลับไป
“ลุงหนิว ลำบากท่านแล้ว” กู้เสี่ยวหวานก็รู้จักคนผู้นี้ และหันไปขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้ง
เมื่อลุงหนิวได้ยินที่กู้เสี่ยวหวานพูดดังนั้น ก็เบิกตากว้างและมีสีหน้าไม่น่าเชื่อ จากนั้นก็ลูบศีรษะด้วยท่าทางซื่อ ๆ “เถ้าแก่พูดเล่นแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยควรทำ”
ไม่นานนัก รถม้าก็เคลื่อนตัวออกไป
วันนี้บังเอิญผ่านตลาดนัดพอดี ถนนเส้นหน้าร้านจิ่นฝูเต็มไปด้วยผู้คนที่แออัด รถม้าเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า
“ลุงหนิว คุณหนูบอกแล้วว่าไม่รีบ ท่านช้าลงหน่อยเถิด ให้คนผ่านไปก่อน อย่าทำร้ายใคร” อาจั่วเปิดม่านในรถม้าและมองออกไปนอกหน้าต่าง
กู้เสี่ยวหวานมองดูคนนอกหน้าต่างที่กำลังซื้อขายสิ่งของอย่างสนุกสาน พลางดื่มชาหอมกรุ่นที่ทำให้รู้สึกไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ทั้งสองคนพูดคุยกันบนรถ ดื่มชาและฟังเสียงจากข้างนอกเป็นครั้งคราว จึงรู้สึกไม่เบื่อหน่าย
ทันใดนั้น ก็ไม่รู้ว่ามีเสียงดัง “ตู้ม!” ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
ประทัดเสียงดังหนวกหูพลันดังขึ้นรอบสี่ทิศ ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงก็เงียบลง
กู้เสี่ยวหวานนึกในใจว่าสถานการณ์มันไม่ดีแล้ว เมื่อเปิดม่านและชะโชกหน้าออกไป จู่ ๆ ม้าก็ยกขาขึ้นแล้วกรีดร้อง ทำให้กู้เสี่ยวหวานเสียการทรงตัวและถูกเหวี่ยงออกจากประตูรถไปด้านหลัง อาจั่วจึงรีบวิ่งไปรับกู้เสี่ยวหวานไว้ทันที
โชคดีที่อาจั่วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นถ้ากู้เสี่ยวหวานตกลงมาจากรถม้า นางจะต้องแย่แน่
………………………………………………….