ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1331 จัดเตรียมสัมภาระ
บทที่ 1331 จัดเตรียมสัมภาระ
บทที่ 1331 จัดเตรียมสัมภาระ
“เจ้าเด็กโง่ ไปเมืองหลวงคราวนี้ แน่นอนว่าต้องเจอหญิงสาวมากมาย เตรียมถุงหอมและผ้าเช็ดหน้าไปเยอะ ๆ เมื่อถึงเวลาก็มอบให้กับคนที่อยากให้ หรือไม่ก็ให้รางวัลตอบแทนสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหญิงสาวเหล่านั้น เจ้าดูสิ งานปักของเสี่ยวอี้ยอดเยี่ยมมาก เมื่อถึงเวลาหยิบออกมามอบให้กับผู้หญิงเหล่านั้น ข้ากับเสี่ยวอี้เป็นคนปัก เมื่อถึงเวลาเจ้าอย่าลืมนะ” กู้ฟางสี่วางของลงในมือและบอกกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานกลับหัวเราะ “ท่านอา ท่านบอกอาจั่วเถอะ ข้าจำไม่ได้หรอก ในสายตาข้า งานปักของทุกอย่างล้วนหน้าตาเหมือนกันหมด”
พูดจบก็วางของในมือกลับที่เดิม กู้ฟางสี่กลับรีบหยิบขึ้นมา “เอ๊ะ เจ้าอย่าวางมันมั่วซั่ว มันไม่เหมือนกัน”
กู้เสียวหวานแปลกใจ “ตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน ข้ารู้สึกว่ามันเหมือนกันหมดเลย”
“เหมือนตรงไหน เจ้าดูสิ รอยเย็บของเสี่ยวอี้กับรอยเย็บของข้าไม่เหมือนกัน ในเมืองหลวง ผ้าเช็ดหน้ากับถุงหอมขายในราคาสิบสองตำลึง มีราคาแต่ไม่มีตลาด แต่ข้าก็บอกอาจั่วเรียบร้อยแล้วล่ะ ตอนนี้ข้าก็บอกเจ้าเช่นกัน เจ้าห้ามทำผิดเด็ดขาด” กู้ฟางสี่พูดย้ำเป็นพัน ๆ ครั้ง พูดแล้วพูดอีกจนอาจั่วจำได้ขึ้นใจแล้ว แต่กู้ฟางสี่ยังไม่วางใจจึงเอ่ยย้ำอีกครั้ง
เห็นนางเตือนสติและให้ระวัง กู้เสี่ยวหวานก็ได้แต่ยิ้มอย่างเห็นด้วย
กู้ฟางสี่และอาจั่วจัดเตรียมของ เมื่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตอนเอง กู้เสี่ยวหวานก็ทำได้เพียงนั่งข้าง ๆ และจิบชาไปพลาง ๆ ทันใดนั้นเหมือนนึกอะไรออกแล้วถามว่า “ช่วงนี้พี่เย่จือเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ค่อยเห็นเขาเลย”
ไม่เห็นจริง ๆ
ตอนกลางวันไม่เห็นฉินเย่จือที่ไหนเลย
อาจั่วรู้เรื่อง แต่นางไม่สามารถพูดออกไปได้ และทำเพียงนิ่งเงียบเหมือนคนใบ้
กู้ฟางสี่วางของในมือลง ยืดตัวขึ้นและถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ใช่ ๆ ช่วงนี้ไม่เห็นเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
อาจั่วยังคงจัดการสิ่งของในมือ ทันใดนั้นก็ได้ยินกู้เสี่ยวหวานถามตัวเอง “อาจั่ว เจ้ารู้หรือไม่?”
อาจั่วรีบส่ายหน้าเหมือนป๋องแป๋ง “ไม่รู้เจ้าค่ะ ช่วงนี้ข้าอยู่กับคุณหนูไม่ใช่หรือ พี่ใหญ่ฉินเป็นอย่างไร แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดแล้วจึงคิดว่าเขาน่าจะใกล้กลับมาแล้ว จึงตบมือแล้วพูดว่า “ข้าไปเดินเล่นที่ลานบ้านก่อนนะ”
ทว่าเมื่อถึงเวลากินมื้อเย็น ฉินเย่จือก็ยังไม่กลับมา
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโกรธเคือง และกินมื้อเย็นอย่างไม่มีความสุข แต่ฉินเย่จือก็ยังไม่กลับมา
นางมองอาหารบนโต๊ะหลายจานที่ขอให้ป้าจางทำ ทุกจานล้วนเป็นอาหารที่ฉินเย่จือชอบ กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกเศร้า
“เสี่ยวหวาน เกรงว่าเสี่ยวฉินจะไม่กลับมากินข้าว เช่นนั้นข้าเอาไปเก็บเลยก็แล้วกัน” กู้เสี่ยวหวานเดินย่อยอาหารอยู่ในลานบ้านกี่ครั้งแล้วก็จำไม่ได้ ป้าจางจึงเดินมาถามนางที่ลานบ้าน
อาหารที่ร้อน ๆ กลายเป็นเย็นชืด อาหารที่เย็นชืดก็นำไปอุ่นจนกลายเป็นร้อนอีกครั้ง ท้องฟ้ามืดมิด จนแล้วจนรอดฉินเย่จือก็ยังไม่กลับมา และคิดว่าคงจะไม่กลับมาแล้วเช่นกัน
กู้เสี่ยวหวานได้แต่พยักหน้า “ป้าจาง ท่านเก็บของเสร็จแล้วก็รีบไปพักเถอะ”
“แล้วเจ้าล่ะ?” ป้าจางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยสีหน้าลำบากใจ “บางทีเสี่ยวฉินอาจจะยุ่งอยู่ ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะยุ่งมาก”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “อืม ข้ารู้แล้ว ป้าจาง ข้าจะเดินย่อยอาหารรอบบ้านสักหน่อย ท่านกลับไปก่อนเถอะ”
ป้างจางเห็นนางยืนกรานแบบนั้นก็กลับไปที่ห้องครัว ตอนออกมาเห็นนางยังอยู่ที่ลานบ้าน นางอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร อาจั่วเฝ้าอยู่ตรงระเบียงตลอด ป้าจางที่ไม่รู้จะพูดอะไรก็กลับห้องไป
กู้เสี่ยวหวานรออยู่สักครู่ก็ไม่เห็นใคร นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปที่ห้อง ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำ หากใครเห็นก็คงจะมองออกว่าตอนนี้นางกำลังไม่มีความสุข
อาจั่วเห็นแบบนั้นก็ถามอย่างระมัดระวัง “คุณหนู บางทีพี่ใหญ่ฉินออกไปเพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ”
มีเรื่องที่ต้องทำจริง ๆ
ในวันธรรมดา แม้ว่าฉินเย่จือจะยุ่งอยู่ตลอด แต่เขาก็มักจะออกไปตอนเช้า และกลับมากินข้าวในตอนเย็น กู้เสี่ยวหวานยุ่งอยู่ข้างนอกตลอดเวลา จึงไม่ได้สังเกตอะไรเลย
ทว่าคราวนี้แม้แต่เงาของเขา นางก็ไม่ได้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
อาจั่วรีบแก้ต่างให้ฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานเองกลับนิ่งเงียบไม่พูดจา หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนพักผ่อนทันที
อาจั่วเห็นว่าพูดไปก็ไม่ช่วยอะไร จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดับไฟและออกจากห้องไป นางยืนอยู่ที่ประตูรอฉินเย่จือกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ
กลางดึก ฉินเย่จือรีบกลับมาอย่างเงียบเชียบและไม่อยากรบกวนใคร อาจั่วที่อยู่ตรงประตูถูกปลุกให้ตื่น ครั้นเห็นว่าฉินเย่จือกลับมาแล้ว จึงรีบลุกขึ้นแล้วพูดเสียงเบา “คุณหนูรอท่านมาทั้งคืน”
ฉินเย่จือเงยหน้าขึ้น ส่งเชือกบังเหียนในมือให้กับอาจั่ว แล้วเดินตรงเข้าไปข้างใน
ฉินเย่จือก้าวเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเบามากราวกับเหยียบลงบนเมฆ
ยังไม่ได้พักผ่อนมาครึ่งคืน แม้ฝีเท้าจะเดินอย่างรวดเร็ว แต่ยังเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้า
ฉินเย่จือเดินไปที่ห้องของกู้เสี่ยวหวาน ครั้นมาถึงหน้าประตูแต่กลับยืนนิ่ง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเคาะประตูปลุกนางให้ตื่นกลางดึก
กลางดึก เกรงว่าแมวน้อยจะหลับไปแล้ว
ฉินเย่จือยิ้มอย่างขมขื่น วันนี้ปล่อยให้นางจับได้อย่างไร
ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมารับผิดกับนางแล้วกัน
ฉินเย่จือหันหลังกลับเตรียมเดินจากไป แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากในห้อง และตามมาด้วยเสียงประตูที่ถูกเปิดออก
ฉินเย่จือที่หันหลังกำลังจะจากไปพลันหยุดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อหันหลับมามองก็เห็นแมวน้อยสวมเสื้อสีขาว ผมสีดำยาวประบ่ายืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง
เชิดหน้าขึ้นแสดงความไม่พอใจต่อตัวเอง
แต่ดวงตาอันสดใสที่แสดงออกถึงความประหลาดใจกำลังมองมาที่ตัวเอง
กู้เสี่ยวหวานมองคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อราวกับว่ายังคงฝันอยู่ นางยื่นมือออกมาขยี้ตาตนเองแล้วเบิกตากว้างเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป จากนั้นมุมปากของนางก็ยกขึ้น แสดงถึงความสุขที่เอ่อล้นออกมา
………………………………………………….