ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1329 ข้าพูดได้แค่ว่านางเป็นคนดี
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ]
- บทที่ 1329 ข้าพูดได้แค่ว่านางเป็นคนดี
บทที่ 1329 ข้าพูดได้แค่ว่านางเป็นคนดี
บทที่ 1329 ข้าพูดได้แค่ว่านางเป็นคนดี
ครั้นพูดถึงเรื่องนี้ เสียงของฟ่านอวี้ก็เบาลงเหมือนกับเสียงของแมลงตัวเล็กที่บินผ่านไป ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ไม่เป็นไร ท่านพูดมาเถอะ” เมื่อเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ กู้เสี่ยวหวานก็รีบเอ่ยปากราวกับเข้าใจว่าเรื่องนี้มันยากที่จะเอ่ยออกมา
ฟ่านอวี้กวาดสายตาาสอดส่องไปรอย ๆ ฟ่านต้าฉวีเห็นดังนั้นก็เดินออกไปอย่างเข้าใจทุกอย่าง เมื่อเหลือเพียงฟ่านหลิงและกู้เสี่ยวหวานอยู่ในห้อง ฟ่านอวี้จึงพูดว่า “เสี้ยนจู่ หนึ่งในนั้นถามเรื่องเกี่ยวกันท่านเป็นระยะ ๆ นางถามข้าว่ารู้เรื่องของท่านกับพี่ใหญ่ฉินหรือไม่ ทุกอย่างนั้นชัดเจนมาก และนางยังบอกอีกว่าถ้าข้าพูดก็จะปล่อยตัวข้าออกไป แต่ถ้าข้าไม่พูดก็จะเฆี่ยนตีข้า”
“แต่ท้ายที่สุดแล้วท่านก็คงไม่ได้พูดอะไร” กู้เสี่ยวหวานยิ้มเล็กน้อย
“ท่านรู้ได้อย่างไร” ฟ่านอวี้ตกใจเล็กน้อย
“หากท่านพูดออกมา เช่นนั้นอาการบาดเจ็บพวกนี้จะมาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านทำตามคำพูดของนาง ตอนนี้ทั้งเมืองคงคลั่งไปแล้ว”
ถ้าฟ่านอวี้พูดกับหงซื่อจริง ๆ เกรงว่าถ้านางรู้เรื่องนี้คงถูกใส่สีตีไข่และโพนทะนาไปทั่วทั้งเมือง และในเมืองคงจะมีแต่ความวุ่นวาย
อาการบาดเจ็บบนร่างกายของฟ่านอวี้นั้นร้ายแรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฟ่านอวี้ไม่ได้ปริปากเอ่ยอะไรออกมา
เมื่อมองไปที่ร่างกายของฟ่านอวี้ที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจ ชายผู้นี้เป็นคนดีจริง ๆ
“ทำไมท่านไม่ทำตามที่นางพูด ท่านจะได้ไม่ต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างกะทันหัน
สีหน้าของฟ่านอวี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขารีบพูดอย่างจริงจัง “เสี้ยนจู่ ข้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ข้าไม่สามารถพูดเรื่องไร้สาระได้ แม้ว่าข้ารู้ ข้าก็ไม่สามารถพูดได้ตามอำเภอใจได้เช่นกัน”
ห้ามพูดจาไร้สาระ ห้ามพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องซื่อสัตย์ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ สองพี่น้องครอบครัวฟ่านนั้นน่าประทับใจมากและไม่ควรประมาท
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็คลี่ยิ้มกว้าง “พี่ใหญ่ฟ่าน ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน ตอนนี้พี่ฉือโถวเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝู และข้าเกรงว่าหลังจากนี้เรื่องที่นาก็อาจจะไม่สามารถดูแลได้ หากว่าท่านไม่รังเกียจ ได้โปรดช่วยลุงจางและป้าจางดูแลเรื่องที่นาได้หรือไม่ ท่านคิดว่าอย่างไร”
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานมีพื้นที่เกือบสี่ร้อยหมู่
ที่ดินสี่ร้อยหมู่ต้องปล่อยเช่าใหม่ทุกปี มีผู้เช่ารายใหม่มากมายที่ต้องการเช่าที่ของกู้เสี่ยวหวาน มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการมากมายในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีการเก็บค่าเช่าปีละสองครั้ง และการดูแลพืชผลในไร่นาในวันธรรมดา ทั้งหมดนี้ต้องได้รับการดูแลจากคนที่เข้าใจ
สิ่งเหล่านี้เคยถูกดูแลโดยกู้เสี่ยวหวานและฉือโถว ต่อมานางปลีกตัวไปดูแลร้านจิ่นฝู และทุกสิ่งในที่นานี้ถูกทิ้งไว้ที่ฉือโถว
ตอนนี้ฉือโถวกำลังจะรับช่วงต่อภาระงานของนางอีกครั้ง ในเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานบอกลุงจางและป้าจางว่าให้อยู่ที่นี่เพื่อช่วยฉือโถวในการดูแลเรื่องทั้งหมด แต่การเคลื่อนไหวของลุงจางไม่ค่อยดี ส่วนป้าจางนอกเหนือจากการดูแลลุงจางแล้ว ในอนาคตหากฟ่านหลิงมีลูก เวลาของป้าจางก็คงน้อยลงไปอีก
ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงต้องการหาใครสักคนมาช่วยดูแล ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ ที่นางก็พบคนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นท่าทางสับสนของฟ่านอวี้ กู้เสี่ยวหวานก็พูดต่อ “ลุงจางและป้าจางก็อายุมากแล้ว และในอนาคตถ้าพี่สาวของท่านให้กำเนิดลูกหลาน เวลาของป้าจางก็คงจะน้อยลง ดังนั้นเรื่องของการจัดการที่นาต้องรบกวนพี่ใหญ่ฟ่านแล้ว ท่านตกลงหรือไม่”
ตอนนั้นเองที่ฟ่านอวี้แน่ใจว่าเขาได้ยินถูกต้องแล้ว กู้เสี่ยวหวานมอบหมายให้เขาช่วยจัดการดูแลเรื่องที่นา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเสี้ยนจู่มองเห็นความสามารถของเขา
ฟ่านหลิงที่อยู่ด้านข้างเองก็ยิ้มกว้างออกมา ตอกย้ำฟ่านอวี้ที่ยืนโง่เขลาอยู่และพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “เสี่ยวอวี้ เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าโง่หรือโง่กันแน่ ทำไมเจ้าไม่รีบตอบรับกู้เสี่ยวหวาน”
จากนั้นฟ่านอวี้ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และผงกหัวเหมือนไก่จิกข้าว “ตกลง ตกลง ขอบคุณเสี้ยนจู่ที่นึกถึงข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เสี้ยนจู่ผิดหวัง”
เพื่อให้ฟ่านอวี้ได้พักผ่อนมากขึ้น กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ได้อยู่ที่นั้นนานไปมากกว่านี้ นางจึงขอตัวลา โดยมีฟ่านหลิงตามออกมาด้วยเพราะฟ่านต้าฉวีคอยกระตุ้นให้นางรีบกลับไปดูแลฉือโถว
“เสี่ยวหลิง รีบกลับไปดูแลฉือโถวเถอะ ที่นี่ยังมีพ่ออยู่นะ” ฟ่านต้าฉวีเร่งให้ฟ่านหลิงกลับไปโดยเร็ว แน่นอนว่าฟ่านหลิงก็ต้องการกลับไปเช่นกัน นางอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งวันแล้ว และยังไม่รู้ว่าอาการของฉือโถวดีขึ้นหรือยัง
คู่รักหนุ่มสาวไม่ได้เจอกันหนึ่งวัน มันช่างดูเหมือนว่าฤดูใบไม้ร่วงจะผ่านไปแล้วสามวัน มันช่างยาวนานเหลือเกิน “ท่านพ่อดูแลเสี่ยวอวี้ให้ดีล่ะ ดูแลสุขภาพของท่านด้วย อีกสองวันข้าจะกลับมาพบท่าน”
“เจ้าจะกลับมาที่นี่ทำไม ดูแลฉือโถวอยู่ที่บ้านให้ดี ตอนนี้พ่อสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว แค่ดูแลน้องชายของเจ้าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นไร” ใบหน้าของฟ่านต้าฉวีแดงก่ำ
กู้เสี่ยวหวานได้เชิญท่านหมอพานมาเป็นพิเศษเพื่อไปดูอาการของฟ่านต้าฉวีและจ่ายใบสั่งยาสำหรับอาการของฟ่านต้าฉวี ด้วยใบสั่งยาเฉพาะนี้ ยาจะถูกนำมาใช้รักษาตามอาการ ซึ่งดีกว่ายาแบบสุ่มอย่างเมื่อก่อน
ระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ฟ่านต้าฉวีกินยารักษาตามอาการที่หมอพานจัดให้ สุขภาพของเขาก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
ฟ่านหลิงพยักหน้าและตามกู้เสี่ยวหวานกลับไปยังสวนกู้
ฟ่านหลิงนั่งอยู่ในรถม้าถัดจากกู้เสี่ยวหวาน ตั้งแต่ขึ้นรถม้ามาฟ่านหลิงก็จับมือกู้เสี่ยวหวานไว้ไม่ปล่อย “เสี่ยวหวาน ขอบคุณเจ้ามาก”
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่านางกำลังขอบคุณด้วยเรื่องอะไร นางจึงปิดปากยิ้มและพูดว่า “เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้”
หัวใจของฟ่านหลิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย หญิงสาวตรงหน้าของนางมีคิ้วและดวงตาที่งดงามราวกับภาพวาด ดูเหมือนจะมีพลังวิเศษบางอย่างที่ทำให้ทุกคนรอบตัวนางต่างก็เคารพนับถือและเดินตามรอยเท้าของนางอย่างใกล้ชิดโดยไร้ซึ่งความลังเล
สำหรับฟ่านอวี้ ยังมีเรื่องบางอย่างที่เขายังพูดไม่หมด แต่เขาได้บอกมันกับฟ่านหลิงไปแล้ว
“ท่านพี่ คนพวกนั้นบอกว่าถ้าข้าพูดเรื่องไม่ดีของเสี้ยนจู่ พวกเขาจะให้เงินข้าเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าข้าไม่พูดอะไร พวกเขาจะเอาเรื่องไม่ดีของเสี้ยนจู่ไปเปิดเผยและทำร้ายข้า”
“แล้วตอนนั้นเจ้าเล่าอะไรให้พวกเขาฟัง”
“เปล่า ข้าไม่ได้พูดอะไร และข้าไม่มีวันพูด ตอนนี้เสี้ยนจู่คือครอบครัวของข้า ครอบครัวเดียวกันจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนในครอบครัวได้อย่างไร แม้ว่าทุกคนในโลกจะบอกว่านางไม่ดี แต่ข้าก็จะบอกว่านางนั้นดี นอกจากนี้เสี้ยนจู่ก็เก่งจริง ๆ ข้าไม่มีอะไรต้องพูดอีก”