ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1297 หงซื่อและลูกสาวปรากฏตัว
บทที่ 1297 หงซื่อและลูกสาวปรากฏตัว
บทที่ 1297 หงซื่อและลูกสาวปรากฏตัว
กู้เสี่ยวหวานไม่คิดจะโต้เถียงกับคนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอและเอาแต่คิดว่าคนทั้งโลกติดหนี้นาง
เถียงไปก็ไร้ประโยชน์
นางไม่มองว่าสิ่งที่นางทำเป็นเรื่องที่ผิดและไร้เหตุผล แต่กับคนอื่น ไม่ว่าทำสิ่งใดก็ล้วนไร้เหตุผล
และผิดไปเสียหมด
คนเช่นนี้ ต่อให้อธิบายอีกกี่ครั้งก็ไร้ประโยชน์ เตือนอย่างไรก็ไม่สำนึก
กู้เสี่ยวหวานโบกมือพร้อมพูดว่า “ท่านอา หยุดเถียงกับนางเถอะ พวกเรารีบเข้าไปข้างในกันดีกว่า”
พูดจบ กู้เสี่ยวก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้าไปในร้านจิ่นฝู ส่วนฉินเย่จือก็เดินตามหลังนางไปไม่ห่าง
คนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้นก็พากันแยกย้ายกลับไปประจำที่ของตน
ในพริบตาเดียว คนที่ควรจะเดินจากไปก็ไปแล้ว คนที่ควรจะนั่งทานอาหารในร้านจิ่นฝูก็กลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตนแล้วเช่นกัน บัดนี้ถนนที่เคยแออัดกลับมาว่างเปล่า
มีเพียงซุนซื่อที่กำลังแสดงสีหน้าน่าเกลียดและยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผู้ที่พบเห็นต่างก็มองนางพร้อมทำท่าทางกระซิบกระซาบกัน
ตระกูลกู้สายหลักทำสิ่งใด กู้ฉวนลู่ทำสิ่งใด ซุนซื่อทำสิ่งใด แน่นอนว่าผู้คนในเมืองหลิวเจียต่างรู้กันดี
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักกู้เสี่ยวหวาน รู้จักแค่กู้ฉวนลู่กับซุนซื่อ
พวกเขารู้เรื่องที่กู้ฉวนลู่และภรรยาไปบุกรุกที่นาของกู้เสี่ยวหวานอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ซุนซื่อถึงได้ถูกขังคุก เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนทั้งเมืองเรียกกู้ฉวนลู่ว่าคนไร้ยางอาย
ต่อมากู้เสี่ยวหวานก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลิวเจีย จากนั้นผู้คนจึงค่อย ๆ รู้จักนางมากขึ้น สำหรับเรื่องบาดหมางระหว่างทั้งสองฝ่าย ผู้คนย่อมต้องรู้ดีว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด
ตระกูลกู้เป็นคนอย่างไร ในใจมีความคิดเช่นไร พวกเขาต่างก็รู้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง
วันนี้ซุนซื่อมาสร้างปัญหา แน่นอนว่าที่ทำไปเพราะไม่อยากเห็นกู้เสี่ยวหวานได้ดี
เมื่อเห็นว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาแล้ว ไม่มีอะไรให้ดู ดังนั้นพวกเขาจึงเยาะเย้ยซุนซื่ออย่างประชดประชัน และเรียกกู้ฉวนลู่ว่าคนไร้ค่า ดังนั้นพวกเขาจึงกระจัดกระจายไปเหมือนนกและสัตว์ร้าย และทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป
ซุนซื่อถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียวที่หน้าประตูร้านจิ่นฝู
เมื่อครู่ผู้คนร่วมกันประณามนาง ทั้งเยาะเย้ยและถากถางกู้ฉวนลู่ว่าอย่างไรบ้าง นางล้วนได้ยินชัด ๆ ทั้งสองรูหู
ฆ่าคนตาย ไอ้ฆาตกร ไปตายเสีย!
นางไม่อยากได้ยิน แต่ก็ไม่อาจหาคำพูดใดมาโต้แย้งผู้คนได้
แต่มันก็จริงที่ว่า สิ่งที่ตระกูลกู้สายหลักทำนั้นมันสุดแสนจะไร้ความเป็นคน
แม้แต่ซุนซื่อยังรู้สึกละอายใจเมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่นางทำลงไปในตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แล้วนางยังมีหน้ามายืนดุด่า ต่อว่ากู้เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่อีก
ที่นางและสามีต้องติดคุก มันก็เพราะพวกเราทำตัวเองไม่ใช่หรือ?
คิดจะให้ร้ายกู้เสี่ยวหวาน เมื่อไม่สำเร็จ มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
ทำร้ายตัวเองยังไม่พอ ยังทำร้ายลูกของตัวเองที่ไม่ได้รู้เห็นสิ่งใดด้วย ทำให้พวกเขาต้องเสียความรู้สึก
เมื่อนึกถึงการจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวของกู้ซินเถา ความเกลียดชังตัวเองก็ทำให้ซุนซื่อตัวสั่นราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
แม้แต่เหวินเอ๋อร์ยังเอ่ยปากว่าไม่อยากมีบุพการรีเช่นนี้ หาเงินใช้เองไม่ได้ นอกจากจะไม่สามารถให้ชีวิตดี ๆ แก่เขาได้แล้ว ยังทำให้เขาต้องอับอายขายหน้าอีก
ยิ่งกว่านั้น ซินเถาที่หวังว่าจะได้แต่งงานกับคนในตระกูลร่ำรวย หวังจะใช้ชีวิตแบบสตรีผู้สูงศักดิ์ ทว่ายามนี้ฝันต้องมาสลายไปในอากาศ
เป็นเช่นนี้แล้ว จะทำอย่างไรดี…
นางไม่ฉลาดอย่างกู้เสี่ยวหวาน จึงหาเงินไม่ได้
ถ้าฉลาดได้สักครึ่งหนึ่งของกู้เสี่ยวหวาน นางก็อยากจะหาเงินให้ลูก ๆ ใช้เช่นกัน
บ้านรองตระกูลกู้ฐานะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
มีร้านอาหารใหญ่โตโอ่อ่า สถานะสูงส่ง… ฮือ ๆ
สิ่งเหล่านั้นตัวนางเองยังไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
คงจะดีหากร้านอาหารนี้เป็นของนาง นางก็จะได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยนั่งนับเงินทุกวันจนมือเป็นตะคริว
เมื่อมีเงิน ลูก ๆ ของนางต้องการทำสิ่งใดก็ย่อมทำได้ตามใจอยาก ให้พวกเขามีชีวิตที่มั่งคั่งดั่งคุณหนูคุณชาย
หากซินเถาได้เป็นเสี้ยนจู่ก็คงดียิ่งขึ้นไปอีก นางอยากแต่งกับผู้ใดก็จะต้องสมหวังดังใจปรารถนา
ซุนซื่อสะอื้นไห้เงียบ ๆ มองดูร้านจิ่นฝูที่ผู้คนพลุกพล่านอยู่ข้างใน น้ำตาหลั่งไหลออกมาเงียบ ๆ คิดไปก็ได้แต่คิด
อย่างไรเสียสิ่งที่คิดก็ไม่มีวันเป็นจริง
ต่อให้ไม่อยากจะยอมรับ แต่สุดท้ายทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเพียงความว่างเปล่า ไม่สามารถเป็นจริงได้
แต่ว่า… นางไม่อาจตัดใจได้จริง ๆ นั่นแหละ
ซุนซื่อเบิกตากว้างทันใด นัยน์ตาสีแดงเลือดฉายแววความเกลียดชังที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
นางไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด
เหตุใดต้องยอม ทั้งหมดนี้ควรเป็นของนาง
นางเป็นสะใภ้ใหญ่ สามีเป็นลูกชายคนโต ลูกชายเป็นหลานชายคนโต และลูกสาวเป็นหลานสาวคนโต
สิ่งดี ๆ ของตระกูลกู้ควรเป็นของนาง
เป็นของสามี ลูกชาย และลูกสาวของนาง
แม้ว่าสิ่งดี ๆ เหล่านั้นจะเป็นกู้เสี่ยวหวานที่หามาแล้วอย่างไร?
นางอยากได้ นางก็ต้องได้!
นางอยากจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยมือตัวเอง และยิ่งกว่านั้นคือ นางจะปล่อยให้คนพวกนั้นกดหัวลูก ๆ ของนางไว้ไม่ได้
ไม่ได้!
ไม่ได้เด็ดขาด!
สายตาแห่งความเกลียดชังของซุนซื่อจ้องมองเข้าไปในร้านจิ่นฝูอย่างอาฆาตมาดร้ายหมายทำลายทุกสิ่ง
นางไม่มีวันยอมแพ้ง่าย ๆ แน่
ทุกอย่างเกิดจากกู้เสี่ยวหวาน เป็นกู้เสี่ยวหวานที่บังคับให้มันเกิดขึ้น
หากกู้เสี่ยวหวานยอมแบ่งปันนางบ้าง นางคงไม่ต้องทำเรื่องมากมายอย่างนี้หรอก
นางเพียงต้องการสิ่งที่นางสมควรได้รับ
หลังจากจดจ้องจนพอใจแล้ว ซุนซื่อค่อย ๆ ลุกขึ้น ก่อนจะก้าวไปตามทางที่กู้ซินเถาเดินไป
แต่นางไม่ทันสังเกตว่าข้างหลังนางมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองตลอดเวลาพร้อมยิ้มน้อย ๆ อย่างมีเลศนัย
ข้างกายมีหญิงสาวส่วมชุดหรูหราสง่างาม
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน
หญิงสาวผู้นั้นชะเง้อคอดู พร้อมพึมพำอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ซุนซื่อผู้นี้พูดจาได้น่าเกลียดมาก พูดอย่างกับว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เคยลำบาก แต่ซุนซื่อผู้นี้ก็น่าสมเพชพอตัว คิดจะด่าให้กู้เสี่ยวหวานเสียหน้า แต่ก็ทำได้แค่นี้ ข้าว่านอกจากหน้านางจะไม่บุบสลายแล้ว แม้แต่รอยยังไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่”
ฮูหยินรองที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถาม “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าได้ยินที่ซุนซื่อพูดเมื่อครู่นี้หรือไม่”
ปรากฏว่าคนที่กำลังพูดคุยกันทั้งสองคือหงซื่อ อนุของจ้าวสวิ่น ส่วนอีกคนคือจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ลูกสาวของนาง
ทั้งสองกำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก และบังเอิญได้ยินเสียงความชุลมุนจากที่นี่ จึงวิ่งมาดูสักหน่อย
ไม่คิดว่าจะได้เห็นซุนซื่อดุด่ากู้เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่
มันทำให้พวกนางมัวแต่สนใจใคร่รู้เรื่องที่กู้เสี่ยวหวานโดนต่อว่าจนลืมตัว