ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 96 ไม่อาจตัดขาด
บทที่ 96 ไม่อาจตัดขาด
บทที่ 96 ไม่อาจตัดขาด
เหยียนอี้กล่าวว่า “เขาเป็นกษัตริย์ และข้าเป็นข้ารับใช้ จะหลีกเลี่ยงไม่พบเขาในวังนี้ได้อย่างไร เฉินฟู่เซิน ข้าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ อีกอย่าง ข้าไม่มีภาระผูกพันต้องขออนุญาตจากเจ้า”
เฉินฟู่เซินขมวดคิ้วแน่น เอ่ยออกมาว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังมีปัญหา เจ้าต้องรำคาญข้าแน่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้าบ่อยทุกวัน เจ้าจึงเย็นชาต่อข้าเช่นนี้ใช่หรือไม่? เหยียนอี้ ข้าขอโทษ ช่วงนี้ข้ายุ่งมาก รอข้าเถิด… หลังข้าทำสำเสร็จแล้ว ข้าจะมาหาเจ้าอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ในเวลานั้น… ข้าสัญญา ทุกสิ่งที่หลี่หรงอวี่ให้เจ้าในเวลานั้นไม่ได้ ข้าจะหาให้เจ้าเอง ดีหรือไม่?”
เขาโอบไหล่เหยียนอี้ด้วยสายตากระหาย
เหยียนอี้ไม่เข้าใจว่าประโยค ‘หลี่หรงอวี่ให้เจ้าไม่ได้’ คืออะไร แต่สิ่งที่เขาพูดทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ จึงพูดว่า “เฉินฟู่เซิน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำอะไร… แต่ข้าไม่ต้องการ ไม่ต้องมาหาข้าอีก”
เฉินฟู่เซินชะงักไปครู่หนึ่ง “เจ้า… เจ้ายังรำคาญข้าอยู่หรือ อ่า เจ้าคงไม่พอใจที่ข้าเก็บความลับหลายสิ่งไว้ ไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่… เจ้าสัญญาว่าจะรอข้า ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง ข้าไม่ควรปิดบังเจ้า ข้าจะบอกเจ้า…”
เหยียนอี้ปัดมือเขาทิ้งแล้วขัดขึ้นว่า “เฉินฟู่เซิน ข้ารู้ว่าเจ้ามีความลับมากมายที่เจ้าไม่สามารถบอกคนอื่นได้ ข้าไม่รบกวนเจ้า และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องทำ”
รอยยิ้มเฉินฟู่เซินบิดเบี้ยว คิ้วขมวดไขว้ “เหยียนอี้ ตอนนี้… ตั้งแต่หลี่หรงอวี่ปรากฏตัว เจ้าก็ไม่สนใจข้าเลย เป็นไปได้ไหม… เป็นไปได้ไหมว่า…”
ดวงตาของเขาสว่างวาบ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปาก “หากสิ่งที่ข้าจะทำคือการฆ่าหลี่หรงอวี่ เจ้าจะยังคงเฉยเมยเหมือนตอนนี้หรือไม่”
เส้นประสาทในหัวของเหยียนอี้กระตุก นางจับข้อมือของเขาโดยไม่รู้ตัว แล้วถามว่า “เจ้าพูดอะไร”
สีหน้าเยาะเย้ยตรงหน้าผ่อนลงอย่างช้า ๆ เขาดึงมือออกจากมือของเหยียนอี้ทีละน้อยและพูดว่า
“แน่สิ…เจ้าสนใจเขาจริง ๆ หรือ เหยียนอี้ หากเขาไม่ใช่องค์รัชทายาทแห่งตำหนักตะวันออก และหากข้าแทนที่เขาได้ เจ้าจะสนใจข้ามากเท่ากับตอนนี้หรือไม่?”
“เจ้าต้องการทำอะไรในวังแห่งนี้กันแน่” เหยียนอี้ถามเขา
รอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าเฉินฟู่เซิน “สิ่งที่ข้าทำและสิ่งที่ข้าไม่ทำ เจ้าจะไม่สนใจจริง ๆ ใช่ไหม สิ่งที่เจ้าสนใจคือความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งที่หลี่หรงอวี่สามารถนำมาให้เจ้าได้ เหยียนอี้ เขาไม่สามารถให้อะไรเจ้าได้เลย!”
ความโกรธของเหยียนอี้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง และถามออกไปว่า “เฉินฟู่เซิน ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นหญิงที่โลภในศักดิ์ศรีและความมั่งคั่งหรือ”
เฉินฟู่เซินคำราม “หากเจ้าไม่โลภ ตำแหน่งของเขาในฐานะองค์รัชทายาทแห่งตำหนักตะวันออก เหตุใดเจ้าถึงเลือกเขาแทนข้า! ข้ารู้จักเจ้าก่อน! เป็นข้า…”
เหยียนอี้ขัดจังหวะ “ข้าเลือกเขาแทนเจ้า เฉินฟู่เซิน เจ้าอารมณ์อ่อนไหวเกินไป”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” เฉินฟู่เซินกุมไหล่ของนางพลางถามขึ้น
“ข้าไม่เหมือนเจ้าหรอกนะ ข้าคิดว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ดีกว่าข้า” เหยียนอี้กล่าว
นางรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่เฉินฟู่เซินทำก่อนหน้านี้ นางจึงพูดโดยไม่คิดอะไร แต่สิ่งที่เฉินฟู่เซินพูดนั้นทำร้ายจิตใจมากกว่าที่นางพูดไม่ใช่หรือ
เฉินฟู่เซินรู้สึกสับสนมึนงงขึ้นเรื่อย ๆ เขาเข้าใจแล้วว่าตนเองและเหยียนอี้อยู่ในโลกที่ต่างกัน เขาทั้งดิ้นรนทั้งหลบหนี ล้วนเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเท่านั้น
เขาจึงต้องพยายามต่อสู้อยู่เสมอ อยากผูกนางไว้ข้างกาย หากแต่รอ รอ รอจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย จนกว่าเขาจะปกป้องนางได้อย่างแท้จริง แล้วมันจะดีต่อนางเอง ถึงเวลานั้น เขาจะสามารถสารภาพทุกอย่างได้
แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครรอเขาตลอดไป…
ความลับของเขา และความเกลียดชังนี้ ไม่ได้เติมช่องว่างระหว่างเราทั้งสอง ระยะห่างระหว่างเราเกิดขึ้นเพราะนางไม่เคยชอบเขาต่างหาก
“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าชอบข้า เจ้าต้องชอบข้า ไม่เช่นนั้น… ไม่เช่นนั้น หากฆาตกรจากสำนักเทียนจีมาถึง เจ้าจะช่วยข้าจากคมดาบได้อย่างไร?” เฉินฟู่เซินถามนาง
เหยียนอี้ไม่ได้ตอบไปในทันที
แต่ในสายตาของนาง บางที นางอาจเห็นคำตอบแล้ว
แต่เฉินฟู่เซินไม่เชื่อ
“ถ้าเจ้าไม่ชอบข้า เหตุใดเจ้าถึงเก็บข้าไปที่บ้าน… ทั้งหมดเป็นเพราะหลี่หรงอวี่ใช่ไหม! ใช่ไหม! หากไม่มีเขา หากไม่มีเขา…” เฉินฟู่เซินกล่าวซ้ำกับตัวเอง
“ตอนนั้นที่ข้าช่วยเจ้า.. ต่อให้เป็นลูกแมวและลูกสุนัขที่บาดเจ็บ ข้าก็จะช่วยมัน เฉินฟู่เซิน เจ้าจะมา…” เหยียนอี้พูดอย่างช่วยไม่ได้
เฉินฟู่เซินไม่อาจทนฟังต่อได้
เขาไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น
“เหยียนอี้ อีกไม่นานหลี่หรงอวี่จะไม่อยู่ในโลกนี้อีก มีเพียงข้าเท่านั้น เจ้ามีเพียงข้าเท่านั้น!”
เฉินฟู่เซินโกรธมาก เขากอดไหล่ของเหยียนอี้แน่น จูบนางที่ริมฝีปากอย่างจาบจ้วง
เหยียนอี้หนีริมฝีปากนั้นโดยไม่รู้ตัว กระนั้นเฉินฟู่เซินก็แข็งแกร่งกว่ามาก นางจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร
“เฉินฟู่เซิน ไอ้สารเลว! ปล่อย!” เหยียนอี้ก่นด่าแล้วรีบผินหน้าหนี
ริมฝีปากของเฉินฟู่เซินร้อนผ่าว มือข้างหนึ่งประคองท้ายทอยของนางแน่ นางจึงขยับหน้าหนีไปไหนไม่ได้ แต่เหยียนอี้พยายามเม้มริมฝีปากตนเองแล้วกัดฟันให้เขาทำอะไรไม่ได้
เฉินฟู่เซินหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาขบฟันกัดริมฝีปากล่างของเหยียนอี้ ไม่นานก็รู้สึกถึงรสหวานคลุ้งอยู่ในโพรงปาก
เหยียนอี้รู้สึกเจ็บจึงส่งเสียงครางออกมา
เฉินฟู่เซินไม่ได้ตระหนักว่าพละกำลังของเขานั้นมากจนได้ลิ้มรสกลิ่นเลือดที่ออกมาจากปากของนาง เขาจึงรีบผละออกมา จากนั้นก็ถูกฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้า
ด้วยเล็บบนนิ้วมือทั้งหลาย เมื่อฟาดมือด้วยกำลังทั้งหมด ใบหน้าซีกซ้ายของเฉินฟู่เซิ่นก็ถูกข่วนเป็นรอยตื้น ๆ
“ไอ้สารเลว!” เหยียนอี้สาปแช่ง ถอดปิ่นที่หัวของนางออก ยกขึ้นหมายจะแทงแผ่นอกคนตรงหน้า
เฉินฟู่เซินไม่ได้ผละออกไป เขาปิดตาแล้วรอรับสัมผัสจากนาง
ไม่ไกลกันนัก ฟางกูกูตะโกนเสียงดังขึ้นมาพอดี “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ”
เฉินฟู่เซินชะงัก ผละจากเหยียนอี้ออกไปครึ่งก้าว ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำพร่าออกมา “ข้าขอโทษ”
เสียงของเขาทุ้มและเปล่งออกมาอย่างรวดเร็ว เหยียนอี้ได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่นางได้ยินเสียงของฟางกูกู นางจึงรู้ว่าการพบปะส่วนตัวกับองครักษ์นอกตำหนักฉืออันในคืนที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นางไม่มีเวลาโต้เถียงอีกแล้ว นางค้อนเฉินฟู่เซิน มองคาดโทษแล้วจากไปทันที
เฉินฟู่เซินใช้วรยุทธ์หลบหนีจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากออกห่างไปไกล เขาก็หันไปมองด้านหลัง แต่ไม่มีวี่แววของเหยียนอี้แล้ว
เขาหยิบกล่องสีแดงออกมาจากแขนแล้วกำไว้แน่น เพราะแน่นมากนั่นเอง มันจึงแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พื้นดินใต้เท้ากลายเป็นสีแดง
เขาจำได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเหยียนอี้
แต่…มันก็แค่นั้น
ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินกลับไปช้า ๆ
มาถึงตอนนี้ เขาเต็มไปด้วยความสุขและแค่อยากจะอวยพรวันเกิดให้นาง ทั้งยังคิดว่าไม่ได้พบนางมานานแล้ว เขาจึงต้องคุยกับนางดี ๆ
แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเหยียนอี้และหลี่หรงอวี่พบกันส่วนตัวซะก่อน เพราะพวกเขาอยู่ไกลกันจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูด แต่ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก เห็นชัดเจนว่าคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
เขาอิจฉาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่พอใจกับภาพนั้นอย่างยิ่ง เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาไม่เคยมีตัวตนในหัวใจนาง?
ไม่ มันเป็นไปไม่ได้!
นางเองก็เอ่ยชัดเจน…
“หลี่หรงอวี่! หลี่หรงอวี่!” เฉินฟู่เซินเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งหมดเป็นเพราะหลี่หรงอวี่ เขาคิดขึ้นในใจ ‘ทำไมเจ้าถึงต้องการเอาทุกอย่างไปจากข้า!’
ด้วยพละกำลังในมือ ต้นไม้เล็ก ๆ ริมทางก็ถูกตัดจนเหี้ยน
“องครักษ์เฉินอารมณ์เป็นใหญ่ วรยุทธ์เก่งกล้า”
ภายในสวนหลวง มีคนเดินออกมาจากเงาของต้นไม้ตรงหน้าเฉินฟู่เซิน แล้วปรบมืออย่างช้า ๆ สามครั้ง
……
เมื่อเหยียนอี้ได้ยินเสียงของฟางกูกู นางไม่สามารถหลบซ่อนต่อไปได้ จึงต้องยอมเผชิญหน้าและเห็นว่าฟางกูกูช่วยไทเฮาอยู่ มีสาวใช้สองคนยืนอยู่ข้างหลังบนทางเดินหน้าลาน
ไทเฮาโปรดการเดินเล่นก่อนนอน เหยียนอี้เข้าใจว่านางคงกำลังเดินเล่นผ่านมาแถวนี้ แต่ต้องหยุดเดินหลังได้ยินเสียงของนางและเฉินฟู่เซิน
เหยียนอี้รีบตรงไปทำความเคารพ
ฟางกูกูถือตะเกียงในมือ สะท้อนใบหน้าของเหยียนอี้ให้เห็น หลังเห็นว่าผมของเหยียนอี้ยุ่งเหยิง ปิ่นปักหลุดรุ่ยติดผม ทั้งยังมีเลือดซึมที่มุมปาก ฟางกูกูก็รีบเข้าไปหาด้วยความประหลาดใจ แล้วถามว่า “นี่มันอะไรกัน? มีอะไรผิดปกติรึ?”
เหยียนอี้รีบก้มศีรษะ แลบเลียริมฝีปากล่าง รับเลือดขมระคนหวานเข้าปาก แอบเจ็บปลาบเล็กน้อย
“เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงของคนอื่นด้วย เกิดอะไรขึ้น” ไทเฮาถาม
เหยียนอี้ซ่อนความจริงเอาไว้ไม่ได้ นางจึงต้องตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “หม่อมฉันไม่รู้ว่าไทเฮาอยู่ที่นี่ มีคนจากวังชั้นนอกเข้ามาในตำหนักตอนดึก ละเมิดกฎราชวัง หลังจากได้ยินเสียงฟางกูกูเขาก็รีบจากไปเพคะ”
“แล้วเป็นใครรึ” ไทเฮาถามอย่างไม่ใส่ใจ
“เป็น… เป็นขันทีที่อยู่ข้างนอกเพคะ วันนี้เป็นวันเกิดของข้าน้อย เขาจึงมาพูดกับข้าสองสามคำ หากทำไทเฮาตกพระทัยได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย” เหยียนอี้โกหก
“โอ้ วันเกิดของเจ้าหรอกหรือ” ไทเฮากล่าว
“เวลานี้ยังไม่ดึกนัก ยังไม่ถึงเวลาปิดวัง ขันทีจากด้านนอกเข้าไปในลานด้านในของตำหนักฉืออันย่อมไม่เหมาะสม กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าเคยทำงานอยู่ในห้องเครื่องหลวง และมันก็สมเหตุสมผลที่เจ้าจะมีขันทีที่คุ้นเคยอยู่สองสามคน เอาเถอะ ในเมื่อเป็นวันเกิดของเจ้า ฟางกูกู เจ้าไม่จำเป็นต้องไล่ตามไปหรอก”
ฟางกูกูเห็นด้วย “แล้วเหตุใดแม่ครัวเหยียนถึงปากแตก?”
“คงเป็นเพราะไม่มีแสงไฟ ทางเดินขรุขระ เจ้าหกล้ม รีบไปทายาเถิด” ไทเฮาตรัส
เหยียนอี้รีบตกลงพลางก้าวถอยหลัง
ไทเฮาทอดมองแผ่นหลังของเหยียนอี้ คลี่ยิ้มบางเบา
ฟางกูกูประคองมือของไทเฮา เดินเข้าไปในห้องบรรทมอย่างเชื่องช้า
ตอนที่ไทเฮากำลังเดินอยู่นั้น นางเห็นหลี่หรงอวี่แอบเข้าไปในลานด้านในของตำหนักฉืออัน
หลี่หรงอวี่อยู่กับนางตั้งแต่อายุได้แปดหนาว นางรู้ดีจักนิสัยของหลานชายคนนี้มากที่สุด หลี่หรงอวี่เป็นคนขอร้องให้ส่งตัวเหยียนอี้ไปที่ตำหนักฉืออันในฐานะข้าหลวง และเป็นคนคอยขอความเมตตาให้นางอย่างลับ ๆ
ตอนเหยียนอี้กำลังคุยกับเฉินฟู่เซิน นางคิดว่าเหยียนอี้คุยอยู่กับหลี่หรงอวี่ และต้องการปกป้องหน้าของหลานชาย จึงแก้ต่างให้เหยียนอี้ต่อหน้าข้ารับใช้ในวัง
ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีที่จะบอกว่ารัชทายาทตำหนักตะวันออกผู้สง่างามลอบพบส่วนตัวกับนางรับใช้ในตอนกลางคืน