ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 9 เหยียนฟู่กุ้ยกลับมาอีกครั้ง(รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 9 เหยียนฟู่กุ้ยกลับมาอีกครั้ง(รีไรท์)
บทที่ 9 เหยียนฟู่กุ้ยกลับมาอีกครั้ง(รีไรท์)
เสียงสะอื้นไห้อันแผ่วเบาของมารดาทำเหยียนอี้ใจสลาย มองไปที่เหยียนฟู่กุ้ยที่อยู่ข้างนอกนั้น ความรังเกียจเดียดฉันท์ก็ประดังขึ้นมา
เหยียนฟู่กุ้ยซดสุรา ชี้ไปที่ประตูแล้วงึมงำออกมา “นังแพศยา อาหารที่บ้านของข้าแย่จะตายชัก เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะจัดการเจ้าอย่างดีเอง ดูซิว่าวันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าได้หรือไม่”
หลังจากนั้น เขาก็ซดสุราทั้งขวดภายในลมหายใจเดียว ก่อนจะเรอออกมา ขวดสุราถูกโยนกระแทกประตูจนเกิดเสียงดัง
เขายังคงไม่หยุด พาลเตะทุกสิ่งที่สามารถเตะในลานได้ หม้อและชามที่ยืมมาถูกเตะลงกับพื้นจนเกิดรูโบ๋ แผงรั้วในบ้านหักกระจัดกระจายร่วงลงบนพื้น
กลิ่นสุราราคาถูกผสมกับกลิ่นแกงปลาในอากาศ คละคลุ้งไปกับกลิ่นเหงื่อ เกิดเป็นความวุ่นวายไปทั่วลาน
ในห้องชั้นใน เหอซื่อปิดหูลูกสาวสองคนของนางไว้แน่น เสื้อผ้าชุดบางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาชุ่มหยาดน้ำตา กระนั้นนางก็พยายามอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้
“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น…” เหยียนจื่อย่อตัวลง ร่างสั่นไปทั้งตัวอยู่ที่มุมห้อง มือของนางกอดเสื้อผ้าของตัวเองไว้ นัยน์ตาสีดำขลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เหอซื่อกระชับกอดเหยียนจื่อ วางคางแนบหน้าผากของลูก ไม่อาจอดกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป นางร้องไห้ออกมาและพูดว่า “เหยียนจื่อไม่ต้องกลัว เหยียนอี้ก็ไม่ต้องกลัว มี… มีแม่อยู่ตรงนี้ แม่จะไม่… จะไม่ยอมให้เขา… ทำร้ายพวกเจ้า”
เสียงตะโกนด่าของเหยียนฟู่กุ้ยที่อยู่ข้างนอกนั้นดังมากจนได้ยินไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน ข้าวของต่าง ๆ กระแทกพื้นเกลื่อนไปทั่ว ชาวบ้านต่างพากันกระซิบกระซาบ แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าที่จะออกมาช่วย
“นังแพศยา ออกมา!” เสียงหยาบคายดังขึ้นที่ประตู ถึงเวลาต้องออกไปแล้ว
ปัง!
ชายคนนั้นทุบประตูจนสั่นสะเทือน ไม่นานประตูก็ล้มโครมลงพื้นในที่สุด คนที่อยู่ด้านในทั้งสามคนในห้องต่างตื่นตกใจ
พวกนางซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง เหอซื่อดึงลูกสาวไว้ข้างหลังและมองดูชายอ้วนที่ย่างเท้ามาทางพวกนาง
ทันทีที่เหยียนฟู่กุ้ยเข้ามา เขาก็กระชากผมของนางแล้วลากไปที่ลาน เหอซื่อพลันรู้สึกเจ็บหัว จนเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของนาง ตามมาด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาราวกับลูกปัดที่ขาดจากสายร้อย
เหยียนฟู่กุ้ยทั้งต่อยทั้งเตะ พ่นคำด่าและถ่มน้ำลายใส่นาง
“นังแพศยา เจ้าต้องวางแผนไว้ก่อนแล้วแน่ ๆ เจ้าไม่ไปทำอาหารที่บ้านเหยียน แต่กลับมาดื่มน้ำแกงปลาที่นี่ ช่างไร้ยางอายนัก! พรุ่งนี้เจ้าคงจะให้กำเนิดลูกชายของชายใดก็ไม่รู้เป็นแน่!” คำด่าของเหยียนฟู่กุ้ยหยาบคายยิ่ง น้ำหนักที่มือก็ลงแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ได้โปรด… ได้โปรด อย่าตี… อย่าตีข้าเลย ข้า… เรา… หย่ากันแล้ว!” ร่างผอมบางของหญิงสาวขดตัวอยู่บนพื้น ใบหน้าของนางย่นยู่ไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายบอบช้ำทั่ว ผมเผ้ากระจายยุ่งเหยิง รอยเลือดเปรอะเปื้อนมุมปาก
มือบางของนางจิกพื้นแน่นจนเล็บเต็มไปด้วยโคลน
“ท่านพี่ ทำ… ทำอย่างไรดี!” เหยียนจื่อกล่าวขณะขดตัวอยู่หลังประตูและดึงแขนของเหยียนอี้ด้วยอาการสั่นเทา ใบหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
เมื่อมองออกไปข้างนอก เหยียนอี้สูดหายใจลึก หัวใจของนางเหมือนจะกระโจนออกมาจากอก หลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แต่นางยังคงจับมือเหยียนจื่อและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “อย่าออกมานะ ท่านแม่จะไม่เป็นไร จำคำพี่สาวได้หรือไม่”
“ท่านพี่” มือที่สั่นเทาของเหยียนจือดึงเสื้อผ้าของเหยียนอี้ไว้ ตอนนี้ทุกคนต่างดูเหมือนกวางที่หวาดกลัว
เมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอกว่ามารดากำลังร้องขอความเมตตา เหยียนอี้ก็รู้สึกราวกับโดนมีดกรีดหัวใจ นางปล่อยมือเหยียนจื่อแล้วรีบวิ่งไปที่ลานบ้าน ผลักเหยียนฟู่กุ้ยออกจากเหอซื่อด้วยกำลังทั้งหมดที่มี จากนั้นก็ยืนบังแม่ของนางไว้
“ท่านแม่ของข้าแยกทางกับท่านแล้ว ถ้าท่านตีเราอีก ข้าจะไปหาลุงหลี่เจิ้ง!”
เหยียนอี้ค่อย ๆ พยุงเหอซื่อที่ล้มลงอยู่บนพื้นขึ้นมา และลูบผมของนาง หางตาและริมฝีปากมีรอยช้ำไม่น้อย อีกทั้งมีจุดสีดำและสีม่วงช้ำตามร่างกายและแขนของนาง เหยียนอี้รู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน “ท่านแม่…”
“อี้เอ๋อร์ เจ้าออกมาทำไม รีบกลับเข้าบ้านไป ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกทุบตี!” เหอซื่อคร่ำครวญ สองมือผลักเหยียนอี้ให้หนีไป
เหยียนฟู่กุ้ยที่ยืนนิ่ง ผ่อนลมหายใจอย่างเย็นชาและเรอออกมา กลิ่นสุราและกลิ่นปากผสมปนเปกันชวนให้คลื่นเหียน
“นังบ้า! เจ้ามาสอนบทเรียนให้ข้ารึ เจ้าจะไม่ได้ไปหาลุงหลี่เจิ้งหรอก! ตาสว่างซะ! ข้าจะบอกเจ้าให้นะ แม้ว่าเราจะแยกทางกัน แต่เจ้ากับเหยียนจื่อยังคงเป็นลูกสาวของข้า เจ้าปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้!” เมื่อเหยียนฟู่กุ้ยพูดจบ เขาก็ตบเข้าที่ใบหน้าเหยียนอี้เต็มแรง
ทว่าแรงตบนั้นหาได้โดนเหยียนอี้ไม่ กลับโดนใบหน้าของเหอซื่อแทน นางกำลังปกป้องเหยียนอี้เอาไว้ในอ้อมแขน มุมปากสีคล้ำของนางก็มีเลือดไหลออกมาอีกครา
“ท่านแม่!”
“ไร้ยางอาย!”
ทั้งลานอยู่ในความวุ่นวาย อากาศที่ร้อนและแห้งยิ่งทำให้หงุดหงิดใจ จักจั่นบนต้นไม้ส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง เพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงพากันออกมาทีละคน แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่มีใครกล้าที่จะต่อสู้กับชายขี้เมาสักคนเดียว