ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 7 จับปลา(รีไรท์)
บทที่ 7 จับปลา(รีไรท์)
เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าที่ฟองอากาศบนผิวน้ำจะปรากฏอีกครั้ง เหยียนอี้คลี่ยิ้มออกมา ดวงตาและคิ้วของนางเต็มไปด้วยร่องรอยความสุข จากนั้นนางก็ใช้นิ้วหัวแม่มือกดเหงือกของปลาเฉาฮื้อ[1] อย่างแรง จากนั้นก็เหวี่ยงไปทางฝั่งแล้วตะโกน “ปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่!”
ปลาเฉาฮื้อสีดำและสีเขียวยังคงกระพือหางบนฝั่งจนหญ้ารอบตัวปลาเปียกไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนจื่อเห็นปลาเฉาฮื้อขนาดใหญ่เช่นนี้ นางจึงเดินไปจับมันขึ้นมาไว้ในมือแล้วเพ่งมองมัน
แต่ปลาเฉาฮื้อสะบัดหางจนน้ำกระเซ็นใส่หน้าเหยียนจื่อจนเปียกไปหมด
“ท่านพี่เก่งมาก เพียงแค่ปลาตัวนี้ก็ทำให้เรามีกินไปได้ทั้งวันแล้ว!” เหยียนจื่อมองไปที่เหยียนอี้ที่ยังอยู่ในแม่น้ำ อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
“ยังไม่พอหรอก ยังมีอีก!” เหยียนอี้เริ่มรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา นางก้มลงอีกครั้งเพื่อสำรวจความเคลื่อนไหวในน้ำ
ไม่นานก็มีปลาดุกอีกตัวหนึ่งก็โผล่มา แม้ว่าปลาชนิดนี้จะมีขนาดเล็ก แต่มันก็เหมาะสำหรับทำน้ำแกงแสนอร่อย
“ท่านพี่ เราไม่มีถังใส่ปลา แล้วจะทำอย่างไรกับปลาสองตัวนี้ดี?” เหยียนจื่อมองดูปลาตัวใหญ่สองตัวแล้วถอนหายใจ
“เจ้าจะโยนมันกลับลงไปในแม่น้ำหรืออย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอากลับบ้าน!”
นางพูดพลางก็ล้วงมือเข้าไปที่รอยแตกของหินเพื่อจับตัวกุ้ง แต่กุ้งหนีไปแล้ว ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเสียวที่นิ้วจึงรีบดึงมือออก สิ่งที่นางเห็นคือปลิงสีเข้มเกาะบนหลังมือของนาง
เหยียนจื่อที่อยู่บนบกก็เห็นมันเช่นกัน นางโบกมือให้เหยียนอี้ด้วยความตื่นตระหนก เสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล “กรี๊ด! ท่านพี่ บนหลังมือของท่าน ตบบนหลังมือของท่าน! เร็วเข้า!”
“ข้าลืมเสียสนิทว่ามีสิ่งนี้อยู่ในน้ำด้วย!” เหยียนอี้พึมพำออกมา
ปลิงที่หลังมือของนางเริ่มดูดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับร่างกายของมันที่พองขึ้นเรื่อย ๆ
นางตีหลายต่อหลายครั้งแต่ปลิงก็ไม่ยอมหลุดออกมาเลย
ฮือ… มันเจ็บมากจริง ๆ
หลังจากพยายามตีอยู่หลายครั้ง ปากปลิงที่ดูดอยู่ก็คลายออกเล็กน้อย ผ่านไปชั่วครู่ เหยียนอี้ก็ดึงปลิงออกแล้วโยนลงบนโขดหิน
นางรีบขึ้นจากแม่น้ำและสำรวจมองดูฝ่าเท้าของตัวเอง
ทางด้านเหยียนจื่อเองก็คว้าหินแล้วทุบเข้ากับปลิงจนมันกลายเป็นคราบโคลนสีดำและเกาะติดกับหินแน่น
“ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไหม?” เหยียนจื่อรีบไปที่ด้านข้างของเหยียนอี้ และมองไปยังเลือดสีแดงฉานที่ไหลออกจากหลังมือ นางรีบนำเสื้อผ้าของนางมากดปากแผลเอาไว้
“ไม่เป็นไร ๆ อย่ากด ข้าจะไปใส่รองเท้า แล้วเราจะกลับบ้านกัน ไม่อย่างนั้นท่านแม่จะเป็นห่วงเอาได้!” เหยียนอี้ดันมือของเหยียนจื่อออกแล้วเป่าแผลของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะสวมรองเท้าฟาง
ปลาตัวใหญ่สองตัวที่อยู่บนพื้นหญ้าไม่ได้เคลื่อนไหวอีกต่อไป เหยียนอี้นำเถาต้นไม้ที่มีหนามมาร้อยเหงือกของปลา จากนั้นทั้งสองคนก็หิ้วปลาแล้ววิ่งกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้านตอนเที่ยง เหอซื่อก็เห็นปลาตัวใหญ่สองตัว ดวงตาของนางจ้องมองอย่างประหลาดใจและตื่นเต้น นางชี้ไปที่ปลาแล้วพูดว่า “อี้เอ๋อร์ เจ้าจับปลาตัวนี้อย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้วท่านแม่ และแม้ข้าจะจับกุ้งมาไม่ได้ แต่ยังดีที่ข้าสามารถเคี่ยวแกงปลาได้ เรามาทำอาหารกันเถิดเจ้าค่ะ” เหยียนอี้นั่งลงบนโขดหินที่หน้าประตู มือหนึ่งจับหัวปลาเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งหยิบหินคมก้อนเล็ก ๆ มากรีดเปิดท้องปลา
เลือดปลาสีแดงสดไหลออกมาตามรอยกรีด กลิ่นคาวคละคลุ้งอยู่เต็มโพรงจมูก
เหอซื่อและเหยียนจื่อยืนมองดูเหยียนอี้ นางบีบกระเพาะปลาอย่างเชี่ยวชาญ จากนั้นถึงขุดเหงือกและนำสิ่งสีดำทั้งหมดที่อยู่ข้างในออกมา การเคลื่อนไหวของนางคล่องแคล่วเหมือนเมฆและสายน้ำที่ไหลไปอย่างราบรื่น
เหอซื่อมองดูปลาถูกล้างจนเกือบจะสะอาดโดยไม่เอ่ยคำใดออกมา เหยียนอี้ถือปลาไว้ในมือที่เปื้อนเลือด เช็ดเหงื่อบนใบหน้าด้วยแขนของนาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านแม่ หม้อของเราอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ?”
“โอ้ หม้อของเรา… ครอบครัวเรา… ยังไม่มีหม้อเลย” นางหันมองซ้ายขวาอย่างไม่รู้ว่าจะวางมืออันเหี่ยวย่นของนางไว้ที่ใด คิ้วขมวดแน่น คำพูดสั่นตะกุกตะกัก
เหยียนจื่อฉลาด นางแย้มขำสองครั้ง เผยให้เห็นฟันเขี้ยวคู่เล็ก ๆ และพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ข้าจะไปยืมที่บ้านท่านยาย ท่านตาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เหยียนอี้ถอนหายใจ ตอนนี้มันช่างยากเหลือเกินสำหรับพวกเขาสามคนที่จะกินข้าว ไม่มีทั้งหม้อ ไม่มีน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊วขาว และน้ำส้มสายชู นางรีบหยุดเหยียนจื่อที่กำลังจะจากไปและพูดว่า
“เหยียนจื่อ เจ้าสามารถยืมเกลือและน้ำส้มสายชูได้ อย่าขอมากเกินไป แค่บอกท่านยายและท่านตาว่าเราจะส่งแกงปลาให้ในภายหลัง!”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” เหยียนอี้พยักหน้าอย่างหนักแน่น เปียเล็ก ๆ บนศีรษะของนางแกว่งไปมา ในที่สุดร่างน้อยๆ ก็หายไปจากสายตาของพวกนาง
ตอนนี้เหยียนอี้ไม่มีสิ่งใดให้ทำ นางยกมือขึ้นมาวางไว้บนเอวพลางมองไปยังลานกว้างที่ว่างเปล่า นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันไปหามารดาอย่างมุ่งมั่นและพูดว่า “ท่านแม่ ท่านจุดไฟได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้สิจ๊ะ!” คนฟังที่ไม่ได้ทำอะไรมาเป็นเวลานาน มองไปที่เหยียนอี้ราวกับว่านางพบกระดูกสันหลังของนางแล้ว นางถกแขนเสื้อขึ้นพร้อมกับดวงตาสีดำที่ส่องประกาย นางแอบคิดในใจนางจะมัวเอื่อยเฉื่อยไม่ได้ทั้งที่ลูกสาวทั้งสองกำลังทำงานหนักเช่นนี้!
“เอาล่ะ เรามาจุดไฟกันที่ลานกว้างกันเถอะ วันนี้เราจะทำอาหารกันที่นี่! แม้ว่าจะไม่มีเขียงและมีดทำครัว เราก็ยังสามารถทำอาหารได้!”
บางทีเนื่องด้วยความประทับใจในบรรยากาศรอบตัวของเหยียนอี้ ทำให้นางที่รู้สึกผิดมาตลอดเผยรอยยิ้มออกมาได้บ้างและเดินตามลูกสาวไปทำอาหารมื้อแรก
[1] ปลาเฉาฮื้อหรือปลากินหญ้า คือปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาตะเพียน