ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 69 ภายในวัดหอกเหล็ก
บทที่ 69 ภายในวัดหอกเหล็ก
หลี่หรงอวี่และเหยียนอี้รอทั้งวัน แต่พวกเขาไม่เจอใคร!
ใบหน้าของหลี่หรงอวี่เปลี่ยนไปทันที เขาฉีกเสื้อผ้าของหวังหลินจื้อออก เผยให้เห็นบาดแผลที่หน้าอกยาวตั้งแต่ลำคอไปจนถึงหน้าท้อง แม้บาดแผลนี้จะไม่ได้ทำให้ถึงขั้นท้องเปิด แต่ก็สามารถทำให้ตายได้เพราะเสียเลือด
เหยียนอี้รีบมองหาบาดแผลบนร่างของช่างหลิงเฟิง เขามีแผลถูกยิงด้วยลูกศรทะลุหัวใจและปอด
ใครกันที่บังอาจฆ่าทหารรักษาพระองค์?
หลี่หรงอวี่มีสีหน้าเคร่งเครียด เขายกศพขึ้นมาแล้ววางลงบนหลังม้าทีละศพ เขาใช้เชือกบนร่างของช่างหลิงเฟิงมัดศพทั้งสองไว้
เหยียนอี้เห็นถึงความผูกพันที่องค์รัชทายาทมีต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เขาต้องการนำศพของคนทั้งสองกลับไปฝัง นางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพ
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยหรอกเหยียนอี้ เราต้องรีบออกไป” หลี่หรงอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เหยียนอี้ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “เป็นฝีมือใครกันแน่!? เขากล้าก่อเหตุฆ่าคนที่นี่ได้อย่างไร”
หลี่หรงอวี่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและหลับตาลง ปล่อยให้หยาดฝนรินไหลลงมาตามแนวกราม
“ในโลกนี้มีคนมากกว่าหนึ่งหรือสองคนที่ต้องการฆ่าองค์รัชทายาท” หลี่หรงอวี่กล่าวเย้ยชีวิตตนเอง
เหยียนอี้กำหมัดแน่นด้วยความกดดัน
นางเคยอ่านบทกวีและบทละครมานับไม่ถ้วน นางรู้ว่าราชวงศ์เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดและการทรยศ แต่สิ่งเหล่านั้นอยู่ไกลตัวนาง และนางไม่เคยต้องการที่จะสัมผัสกับมัน
หลี่หรงอวี่สัมผัสร่างของช่างหลิงเฟิง หยิบดาบจากเอวของเขาและกริชที่ทำจากเหล็กชั้นดีจากแขนเสื้อของเขา จากนั้นยื่นมันให้กับเหยียนอี้ “เจ้าชอบอาวุธชิ้นใดในสองอย่างนี้”
เหยียนอี้เลือกกริชและวางไว้ในแขนเสื้อของนาง
หลี่หรงอวี่หยิบดาบเล่มนั้นมาวางไว้ที่เอวของเขาและพูดกับเหยียนอี้ว่า “หากเจ้าพบคนร้าย เจ้าจงวิ่งหนีไปให้ไว เป้าหมายของพวกเขาคือข้า ดังนั้นแล้วพวกเขาจะไม่ยุ่งกับเจ้า”
เหยียนอี้ส่ายหัว “แล้วพระองค์ล่ะเพคะ”
หลี่หรงอวี่ดีดหน้าผากนางและพูดว่า “เจ้าไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ หากเจ้าไม่หนีไป เช่นนั้นเจ้าต้องการให้องค์รัชทายาทเช่นข้าปกป้องเจ้าหรือ”
แน่นอนว่าเหยียนอี้ไม่บังอาจปล่อยให้หลี่หรงอวี่ละทิ้งความปลอดภัยของตัวเองเพื่อปกป้องนาง นางพยักหน้ายอมทำตามที่หลี่หรงอวี่สั่ง แต่ในใจนางกลับคิดว่า ‘องค์รัชทายาทติดอยู่ที่นี่ก็เพราะตน แล้วนางจะเนรคุณและสนใจแต่ชีวิตตัวเองได้อย่างไร’
หลี่หรงอวี่จูงม้าพลางเดินช้า ๆ ไปพร้อมกับเหยียนอี้ท่ามกลางสายฝน
ขณะนี้ท้องฟ้ามืดสนิท ไร้ซึ่งดวงจันทร์ในคืนฝนตก ส่งผลให้แทบจะมองไม่เห็นเห็นถนนข้างหน้า ทั้งสองคนจึงต้องคลำทางไปอย่างช้า ๆ
หลังจากเดินไปได้สักระยะ นางก็เห็นไฟอยู่ตรงหน้า เหยียนอี้มีความสุขมากจึงรีบจูงม้าไป
แต่ม้านั้นฉลาดและไม่ยอมฟังผู้ใดยกเว้นหลี่หรงอวี่ผู้เป็นเจ้านายของมัน
หลี่หรงอวี่ตบก้นม้า ม้าจึงเดินเร็วขึ้น
แสงไฟนั้นมาจากวัดหอกเหล็กที่พวกเขาเพิ่งผ่านไป ทั้งสองคนยังไม่สามารถออกจากเส้นทางที่แปลกประหลาดนี้ได้
เหยียนอี้เปียกโชกไปด้วยสายฝนมานานแล้ว ตอนนี้นางจึงเหน็บหนาวและเหนื่อยล้า เมื่อนางเห็นวัดเล็ก ๆ นางไม่สนใจว่ามีขอทานชั่วร้ายอยู่ที่นั่นหรือไม่
“กรี๊ดดดด!”
เหยียนอี้กรีดร้องทันทีที่นางเข้าไปในประตู
หลี่หรงอวี่ได้ยินเสียงร้อง เขารีบวิ่งเข้ามาพร้อมดาบ ภาพที่เห็นคือมีดเหล็กกำลังจ่อที่คอของเหยียนอี้ มีคนอยู่ประมาณเจ็ดแปดคนภายในวัด ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีดำและสวมหน้ากาก ส่วนขอทานก่อนหน้านี้กลายเป็นศพและนอนอยู่ที่ประตู!
“ปล่อยนาง!” หลี่หรงอวี่ตะโกนอย่างโกรธจัด
“องค์รัชทายาท จงเข้ามารับความตายของเจ้าซะ!” ชายชุดดำที่มีพัดเหล็กกระโดดนำออกมา พัดเหล็กพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว และทุกการเคลื่อนไหวก็มาถึงหลี่หรงอวี่ทันที
หลี่หรงอวี่กระโดดเข้าไปในวัดหอกเหล็ก ดึงดาบยาวออกมาและต่อสู้กับเหล่าศัตรู
พัดที่ชายคนนี้ใช้คือพัดเหล็ก บริเวณส่วนปลายของโครงพัดมีแฉกเหล็กอันแหลมคมยื่นออกมา มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก
ส่วนดาบในมือของหลี่หรงอวี่เป็นของช่างหลิงเฟิง มันจึงไม่คมเท่าดาบวารีสีชาดที่เขาใช้มาตลอด ทำให้ยากที่จะจัดการกับพัดเหล็ก ดาบวารีสีชาดเป็นดาบที่ไม่เหมือนดาบใดในโลก มันโดดเด่นเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอามันติดตัวมาด้วยในวันนี้
อย่างไรก็ตาม ศิลปะการต่อสู้ของเขานั้นสูงกว่าพัดเหล็กมาก เขาจึงมีความได้เปรียบ
ผู้คนที่เหลือต่างพุ่งเข้าหาหลี่หรงอวี่ เว้นแต่ชายที่ยังคงจับเหยียนอี้ไว้
หลี่หรงอวี่ได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้จากผู้เชี่ยวชาญมาตั้งแต่เด็ก หากคนเหล่านี้ต่อสู้ตัวต่อตัว เกรงว่าจะไม่มีพวกเขาคนใดสามารถเอาชนะได้ แต่ในสงครามกลุ่มเช่นนี้ หลี่หรงอวี่ไม่อาจรับมือกับคนทั้งหมดนี้ได้โดยพร้อมกัน และยังยากที่จะเลี่ยงการบาดเจ็บ
เหยียนอี้มองเหตุการณ์ตรงหน้าก็รู้สึกกังวล นางเห็นว่าหลี่หรงอวี่ถูกดาบและมีดเฉือนไปหลายจุด ตอนนี้เสื้อผ้าของเขาเปื้อนด้วยเลือด การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ช้าลง แต่นางไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บนั้นร้ายแรงหรือไม่
นางกำลังถูกมีดจ่อคอและไม่กล้าขยับ นางจึงตัดสินใจคุยกับชายชุดดำที่จับนางไว้ “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังพยายามจะฆ่าใคร”
เห็นได้ชัดว่าชายชุดดำเป็นผู้นำของกลุ่ม ชายคนนี้เห็นว่าคนของตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาจึงตอบอย่างเฉยชา “จะใครเสียอีกนอกจากองค์รัชทายาท เราทุกคนต้องฆ่าเขา”
เหยียนอี้กล่าวว่า “นี่! เขาเป็นองค์รัชทายาทและได้รับการยกย่องจากทั้งราชวงศ์ เป็นที่รู้กันทั่วว่าหากเจ้าทำร้ายเขา พวกเจ้าทุกคนต้องถูกลงโทษแน่”
ชายชุดดำพ่นลมอย่างเย็นชาและไม่ตอบคำถามของเหยียนอี้
เหยียนอี้จึงถามออกไปอีกว่า “ใครส่งเจ้ามาที่นี่? ข้าไม่รู้เรื่องราวใด ๆ เลย และตอนนี้ข้าก็กำลังจะตาย ข้าจึงอยากที่จะรู้ก่อนตาย”
“อย่ามาโกหก เราตามพวกเจ้ามาทั้งวัน เห็นเจ้าและองค์ชายขี่ม้าด้วยกันดูสนิทสนม เจ้าไม่ได้ไร้เดียงสา”
“ทั้งวัน? นั่นเป็นเรื่องตลก เจ้ากำลังบอกว่าตัวเองถูกส่งมาจากวังและเจ้าติดตามองค์ชายมาตั้งแต่ที่พระองค์ออกจากวังงั้นรึ” เหยียนอี้ถาม
ชายชุดดำยิ้มและพูดว่า “หึ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงข้าเลย แค่ในวังก็มีคนมากมายแล้วที่ต้องการฆ่าองค์รัชทายาท”
“อ๋อ? เจ้าไม่ได้มาจากวังหรอกหรือ…” เหยียนอี้ถามอีกครั้ง
ชายชุดดำเริ่มรู้สึกตัวทันที จึงกระชับมีดเหล็กในมือเข้าไปใกล้คอของเหยียนอี้มากขึ้น แล้วพูดว่า “สาวน้อย เจ้าฉลาดมาก และข้าหวังว่าเจ้าจะฉลาดพอที่จะหยุดชวนข้าคุย”
เหยียนอี้รู้สึกว่าคอของนางเริ่มเย็น ดูเหมือนว่าผิวของนางจะถูกใบมีดบาด นางกัดฟันข่มความเจ็บปวด ไม่กล้าขยับกาย นางเอ่ยเสียงเบาว่า “ได้โปรดเอามีดออกไป มันเจ็บ”
“เมื่อความตายใกล้เข้ามา เจ้ายังต้องการขอความเมตตาจากข้าอยู่หรือ” ชายชุดดำกล่าว แต่เมื่อเขาพูดเช่นนั้น มีดก็ขยับออกโดยไม่รู้ตัว
เหยียนอี้แสร้งทำเป็นอ่อนโยนและกลัวความเจ็บปวด นางบีบน้ำตาและขอร้อง “ท่านโปรดช่วยข้าดูว่าที่คอของข้ามีเลือดออกหรือไม่”
ชายชุดดำไม่สนใจ และดวงตาของเขายังคงไม่ละจากการต่อสู้เบื้องหน้า
เหยียนอี้เห็นว่าวิธีหลอกล่อนี้ไม่ได้ผลจึงพูดขึ้นว่า “เป้าหมายของพวกท่านมีแค่องค์รัชทายาท แล้วสาวน้อยอย่างข้าเกี่ยวอะไรด้วย? เหตุใดเจ้าไม่ปล่อยข้าไป แล้วไปช่วยเพื่อน ๆ ของเจ้าต่อสู้ล่ะ”
ชายชุดดำถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด
ขณะนี้หลี่หรงอวี่ได้บาดแผลใหม่นับไม่ถ้วน เขามีมีดบินปักที่แขนขวา
ทว่าก่อนที่เขาจะมีเวลาดึงมีดบินออกมา ชายอีกคนก็พุ่งเข้าหาเขา
เหยียนอี้จึงอุทานขึ้นว่า “ระวัง!”
ก่อนที่จะร้องเตือนจนจบเสียง หลี่หรงอวี่ก็ได้หยิบดาบและแทงเข้าที่ท้องของชายคนนั้น
เมื่อดาบถูกแทรกเข้าไปในอวัยวะภายใน ชายคนนั้นก็ล้มลงทันที หลี่หรงอวี่ดึงดาบออกมา และชายคนนั้นก็ตายตกเพราะเสียเลือด
ขณะนี้ในสนามยังมีคู่ต่อสู้เหลืออยู่อีกประมาณหกคน
หลี่หรงอวี่ใช้ดาบที่ชุ่มโชกด้วยเลือดต่อสู้อย่างดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาแทงและฆ่าคนอย่างต่อเนื่อง
เหยียนอี้พูดกับชายชุดดำว่า “หากเจ้าไม่ลงไปช่วย เพื่อนทุกคนของเจ้าจะตายในอีกไม่ช้านะ”
ชายชุดดำกำมีดเหล็กแน่นขึ้น
“ข้าไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ เจ้าปล่อยข้าไว้ไม่ต้องสนใจ ข้าจะไม่หนีไป และข้าไม่สามารถเข้าไปช่วยองค์รัชทายาทได้ เอ… หรือว่าเจ้ากลัวดาบยาวในมือขององค์รัชทายาท?” เหยียนอี้จงใจยั่วยุ
ชายคนนั้นมองไปที่เหยียนอี้ แววตาของเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิด
“ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้นำของพวกเขาเป็นคนขี้ขลาดที่กลัวความตายและจับผู้หญิงไว้เพื่อปกป้องชีวิตตัวเองเท่านั้น” เหยียนอี้จงใจกล่าวเสียงดัง
ชายคนนั้นโกรธจัด เขาเตะเหยียนอี้ออกไปและพยายามคว้าดาบ
เหยียนอี้สะดุดล้มลงไปด้านหน้า นางค่อย ๆ หยิบกริชออกจากแขนเสื้อตัวเอง แล้วพุ่งเข้าด้านหลังของชายชุดดำ
ชายชุดดำรู้เพียงว่าเหยียนอี้เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ ใครจะคาดคิดว่านางจะโจมตี? เขาจึงถูกแทงที่ด้านหลังและล้มลงกับพื้น
อย่างไรก็ตามเขายังคงเป็นมืออาชีพ แม้ว่ามีดของเหยียนอี้จะแทงเข้าที่หลังของเขา แต่มันไม่ใช่จุดตาย
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็วิ่งตรงไปหาเหยียนอี้
เหยียนอี้ตะโกนร้องสุดเสียงและทำได้เพียงยกมือขึ้นมาป้องกันศีรษะตัวเอง แต่แทนที่นางจะรู้สึกเจ็บ นางกลับได้ยินเสียงครวญคราง และเห็นว่ามีดในมือของชายชุดดำหล่นลงพื้น
หลี่หรงอวี่ที่เห็นเหยียนอี้ตกอยู่ในอันตราย จึงโยนดาบยาวในมือของเขาแทงทะลุหัวใจชายชุดดำอย่างแม่นยำ!
หลี่หรงอวี่ขว้างดาบด้วยพละกำลังมหาศาล ดาบยาวพุ่งเข้ามาจากด้านหลังแทงเข้าที่หัวใจจนปลายดาบทะลุออกจากหน้าอกถึงสามชุ่น
แล้วจะอยู่รอดได้อย่างไรกับบาดแผลฉกรรจ์เช่นนี้?
แน่นอนว่าชายคนนั้นล้มลงทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างและสิ้นใจลง
คนชุดดำที่เหลือตกตะลึงเมื่อเห็นว่าผู้นำเสียชีวิต
เหยียนอี้รีบหยิบมีดเหล็กของชายผู้นำขึ้นมาจากพื้นและโยนมันให้หลี่หรงอวี่
หลี่หรงอวี่รับมีดทันทีและใช้มันสู้ต่อไป
ชายที่ถือพัดเหล็กถูกดาบของหลี่หรงอวี่ทำให้พัดมีรูปทรงบิดเบี้ยว แต่มันก็ยังคงความคม เมื่อเขาเห็นว่าผู้นำสิ้นใจไปแล้ว เขาก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด ก่อนจะพุ่งโจมตีอีกครั้ง ส่วนอีกสามคนต่างก็พุ่งอาวุธไปที่ใบหน้าของหลี่หรงอวี่
หลี่หรงอวี่คุ้นเคยกับดาบยาวบาง ๆ แต่ดาบเหล็กเล่มนี้มีน้ำหนักยี่สิบถึงสามสิบจิน ซึ่งทำให้น้ำหนักของมันไม่เบานัก แต่ตอนนี้ดาบยาวของเขายังคงปักอยู่บนร่างของผู้นำ เขาจึงไม่มีทางเลือก
หากเหยียนอี้ไม่โยนมีดเล่มนี้มาให้ เขาอาจต้องเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยมือเปล่า
หลังจากต่อสู้มาหลายสิบรอบ หลี่หรงอวี่แทงชายอีกคน แต่ก่อนที่ชายคนนั้นจะสิ้นลม เขาได้จับด้ามมีดไว้แน่น คมมีดกรีดเนื้อลึกเข้าไปจนเห็นกระดูกสีขาว และทำให้หลี่หรงอวี่ไม่สามารถดึงมีดกลับออกมาได้
สุดท้ายหลี่หรงอวี่จึงตัดสินใจยอมแพ้ที่จะดึงมีดออกจากร่างนั้น
ทางทิศเหนือของวัดหอกเหล็กเป็นรูปปั้นดินเหนียว รูปปั้นนั้นคือหวังเยี่ยนจาง ผู้เป็นแม่ทัพหอกเหล็กแห่งห้าราชวงศ์ นางจึงรีบวิ่งไปด้านหลังรูปปั้นดังกล่าวและซ่อนตัว
นางเห็นว่าหลี่หรงอวี่ไม่มีอาวุธอยู่ในมือแล้ว นางจึงเริ่มกังวลและมองไปรอบ ๆ แต่นางไม่สามารถช่วยอะไรได้
หลี่หรงอวี่ต่อสู้และล่าถอยเข้าใกล้รูปปั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ