cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 60 เหยียนอี้ป่วย

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
  4. บทที่ 60 เหยียนอี้ป่วย
Prev
Next

บทที่ 60 เหยียนอี้ป่วย

อาการป่วยของเหยียนอี้กินเวลาหลายวัน

แม้ในที่สุดไข้สูงจะหายไปในวันที่สาม แต่อาการไอยังคงไม่หายดี

ภายในห้องเครื่องหลวงจำเป็นต้องสะอาด ดังนั้นเหยียนอี้จึงไม่สามารถทำงานได้ ทำให้นางต้องหยุดหลายวัน

แน่นอนว่าหากนางไม่ทำงาน นางก็จะไม่ได้รับเงินเดือนสำหรับเดือนนี้

ครั้งที่เหยียนอี้อยู่ในเมืองอวิ๋นเจี้ยน ธุรกิจในภัตตาคารกุ้ยซานดีมาก ส่งผลให้ครอบครัวเหยียนกลายเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เมื่อเหยียนอี้มาถึงเมืองหลวง นางไม่มีเงินมากพอ ทั้งยังจำเป็นต้องใช้จ่าย

ส่วนทางด้านเหยียนจื่อ เมื่อนางมาถึงเมืองหลวงครั้งแรก นางไม่สามารถอยู่ในวังได้เพราะไม่มีตำแหน่ง ดังนั้นเหยียนอี้จึงแนะนำให้นางกลับไปที่เมืองอวิ๋นเจี้ยน

อย่างไรก็ตาม เหยียนจื่อต้องการอยู่กับพี่สาวของนางในพระราชวัง ดังนั้นนางจึงแอบสอบเต้นเพื่อเข้าไปเป็นนักเต้นรำในสำนักเยว่ฝู่

นักเต้นรำที่เพิ่งได้รับคัดเลือกไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ นางจะต้องได้รับการฝึกอบรมร่วมกับนักเต้นรำคนอื่น ๆ ของสำนักเยว่ฝู่เป็นระยะเวลาหนึ่งเสียก่อน

สำนักเยว่ฝู่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกใกล้กับอวี๋ฮวาไถ[1] ในขณะที่ห้องเครื่องหลวงอยู่ทางทิศตะวันออกใกล้กับตำหนักตะวันออก แม้ทั้งสองจะอยู่ในวังเดียวกัน แต่ระยะทางระหว่างตะวันตกกับตะวันออก อีกทั้งกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด จะไปไหนมาไหนก็ไม่ง่าย ทำให้พวกนางไม่ค่อยได้เจอกัน

เฉินฟู่เซินเป็นหนึ่งในองครักษ์จินอู๋ในวัง เขาเป็นองครักษ์ประจำตัวที่ฮ่องเต้มอบให้องค์ชายแปด แต่ไม่นานหลังจากที่เขาเข้าไปในวัง เขาค้นพบวิธีทำให้ตนเองถูกย้ายไปที่ตำหนักจาวหยางเพื่อเป็นองครักษ์สำหรับตำหนักขององค์หญิงผิงหยาง

ตำหนักจาวหยางเป็นที่พำนักของฮองเฮาและองค์หญิงผิงหยาง ซึ่งพวกนางล้วนแล้วแต่เป็นสตรี องครักษ์จินอู๋จึงไม่สามารถอยู่ในตำหนักได้ตามต้องการ บ่อยครั้งเขาจึงชอบไปเฝ้าประตูและตรวจสอบกำแพงวังซึ่งทำให้เขาไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ

บางครั้งเหยียนอี้จะส่งข้อความถึงเหยียนจื่อและพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขอให้เฉินฟู่เซินส่งจดหมายให้

ตอนนี้เหยียนจื่อกำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก นางจึงไม่สามารถออกจากสำนักเยว่ฝู่ได้เลย ส่วนเหยียนอี้ก็ไม่อยากให้น้องสาวกังวล จึงไม่บอกให้นางรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของตน

ดังนั้นทุกวันนี้ที่เฉินฟู่เซินมาเยี่ยม นางมักจะเตือนเขาว่า “ข้าจะหายดีในเร็ววัน ฉะนั้นอย่าบอกเหยียนจื่อ”

ตอนแรกเขาแค่พยักหน้าเห็นด้วย แต่หลังจากฟังมาสามสี่รอบแล้ว เขาก็เริ่มเบื่อหน่ายและพูดว่า “หากเจ้ากลัวว่าข้าจะบอกเหยียนจื่อ ข้าจะไม่ไปหานางอีก ข้าจะมาหาเจ้าเท่านั้น”

“ไม่ได้! เจ้าต้องคอยไปเยี่ยมนาง หากเกิดอะไรขึ้นกับเหยียนจื่อ เจ้าต้องบอกข้าทันที! หากนางป่วยหรือถูกรังแก เจ้าก็ห้ามซ่อนมันจากข้าด้วย!”

“ไม่ยุติธรรมเลย เจ้าปิดบังเรื่องอาการป่วยกับน้องสาว แต่เจ้ากลับอยากรู้เกี่ยวกับนาง… เหยียนจื่อเองก็เป็นห่วงเจ้าเช่นกันนะ”

“ข้าเป็นพี่สาว! ข้าทำสิ่งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของนาง” เหยียนอี้กล่าว

เฉินฟู่เซินทำเพียงยิ้มโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

เหยียนอี้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องอื่น “จริงสิ ข้าได้ยินว่าเจ้ากำลังปฏิบัติหน้าที่กับองค์หญิงผิงหยาง เจ้าคุ้นชินหรือยัง ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหรือไม่”

“อืม ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

“ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงผิงหยางเป็นสาวงามที่หายากในโลกจริงหรือไม่ นางสวยมากไหม?” เหยียนอี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ไม่ถึงครึ่งของเจ้าเลย” เฉินฟู่เซินตอบกลับด้วยมาดนิ่ง

“เจ้าเรียนรู้ที่จะปากหวานเหมือนหลางกวนเอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อใด หรือเป็นเพราะเช้านี้เจ้ากินน้ำผึ้งมา?”

เฉินฟู่เซินยื่นน้ำให้นางและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าใกล้องค์หญิงผิงหยาง อย่าเข้าใจข้าผิด ข้า… ข้ามีความสัมพันธ์พิเศษกับนางแต่นั่นไม่ใช่ความรักระหว่างหญิงชาย”

เหยียนอี้ที่กำลังดื่มน้ำก็เกือบจะพ่นน้ำออกมาทันใด “ข้าถามถึงความสัมพันธ์ของเจ้ากับองค์หญิงผิงหยางตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงพูดเช่นนี้กับข้าเล่า?”

เฉินฟู่เซินปิดปากเงียบและไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

เหยียนอี้รู้สึกขบขันกับคำพูดของเขา นางไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่นางรู้ว่าเขาต้องเข้าหาองค์หญิงผิงหยางเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แล้วจึงใช้โอกาสนี้ย้ายไปที่ตำหนักจาวหยางเป็นแน่

เขาเป็นคนที่มีเรื่องราวซับซ้อน แต่เดิมจุดประสงค์ของเขาไม่ใช่องค์หญิงผิงหยาง เช่นนั้นแล้วใครคือเป้าหมายของเขากัน? ฮองเฮา?

“เจ้าคิดจะทำการใด เฉินฟู่เซิน” เหยียนอี้ถามด้วยสุ้มเสียงจริงจัง

“…เจ้าเชื่อที่ข้าพูดหรือไม่” เฉินฟู่เซินกล่าว

เหยียนอี้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าไม่จำเป็นต้องโกหกข้าหรอก แต่ในเมื่อเจ้าไม่อยากบอกความจริงกับข้า ดังนั้นข้าจะไม่เชื่อคำที่เจ้าพูดอีกในอนาคต”

มีความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดในดวงตาของเฉินฟู่เซิน เหยียนอี้ยอมมองผ่านเรื่องราวที่เขากุขึ้นมา ส่วนตัวเขาเองก็โกหกไม่เก่งและทำอะไรไม่ได้

แต่มันเจ็บปวดเหลือเกินที่นางพูดออกมาได้อย่างง่ายดายว่าจะไม่เชื่อคำพูดของเขาอีก

“ข้าจะไม่บอกเจ้าเพราะข้าต้องทำบางอย่างที่อันตรายมาก ข้าไม่อยากให้เจ้าเดือดร้อน …ข้าขอโทษ แต่ข้าสัญญาว่าไม่ว่าจะเจออะไรในภายภาคหน้าหรือไม่ว่าข้าจะได้รับสิ่งใด ทั้งหมดจะเป็นของเจ้า” เฉินฟู่เซินกล่าวอย่างเสน่หา

“หึ เจ้าจะให้อะไรข้า? เจ้ารู้หรือว่าข้าต้องการสิ่งใด… สิ่งที่ข้าอยากได้คือการที่เจ้าบอกความจริงกับข้า!” นางพูดอย่างหมดความอดทน

“ข้าขอโทษ…”

เหยียนอี้ถอนหายใจยาว “เฉินฟู่เซิน วันนี้ข้าป่วย ดังนั้นข้าจะยกเว้นให้เจ้าวันหนึ่ง อีกทั้งวันนี้ข้าไม่เห็นใครเลยทั้งหลางกวนเอ๋อร์และโจวเจีย บางครั้งข้าก็คิดถึงวันที่เราตัดฟืนและหาปลาในหมู่บ้านอู่ซานเมื่อสองสามปีก่อน มันสนุกมากที่ได้ทำธุรกิจเล็ก ๆ และฟังเสียงของธรรมชาติ”

เหยียนอี้พิงหมอน ดวงตาของนางล่องลอยไปไกล

“ในตอนนั้น ข้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความลับของเจ้าเลย จะวิเศษเพียงใดกันหากเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นนั้น แต่ต่อมาข้าทำเงินได้มากมาย และตอนนี้ข้ากลายเป็นข้ารับใช้หญิงในวังหลวง เป็นความจริงที่ข้าภูมิใจ แต่ข้าก็มีชีวิตที่น่าสังเวชและอึดอัดมากขึ้น แม้แต่ห้องของข้าก็ไม่ใหญ่เหมือนเมื่อก่อน”

“หากข้าหาโอกาสได้ ข้าจะพาเจ้าออกจากวัง เจ้ากับเหยียนจื่อจะได้กลับไปที่เมืองอู่ซานอย่างลับ ๆ ดีหรือไม่” เฉินฟู่เซินกล่าวจริงจัง

เหยียนอี้ส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “โอกาส? จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าและเหยียนจื่อถูกนำตัวมายังพระราชวังแห่งนี้ เราคงจะไม่มีโอกาสได้กลับไปสู่อดีตอีก…”

“ข้าขอโทษ” เฉินฟู่เซินนึกเสียใจ ที่นางต้องมาในวังก็เป็นเพราะเขา

เหยียนอี้โบกมือต่อหน้าเขาและพูดว่า “นี่เป็นครั้งที่สามที่เจ้าพูดขอโทษข้าในวันนี้ ลืมมันไปซะ ทุกครั้งที่ข้าคุยกับเจ้าและพยายามจะขอสิ่งใดจากเจ้า มันก็มักจะไร้ประโยชน์ ข้าควรนอนดีกว่า!”

จากนั้นเฉินฟู่เซินยืนขึ้นและพูดว่า “เอาล่ะ พักผ่อนเถิด ข้าจะไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว อย่าลืมกินยาด้วยนะ”

หลังจากที่เขาจากไป นางนอนหงายบนเตียงและอ่านหนังสือสักครู่ ผ่านไปสักพักนางก็รู้สึกเบื่อจึงอยากออกไปเดินเล่น

แม้ว่าคราวนี้นางจะป่วยหนัก แต่นางได้พักผ่อนเป็นเวลานานและเกือบจะหายดีแล้ว

เหยียนอี้คิดว่านางควรจะไปที่ห้องเครื่องหลวงเพื่อตรวจสอบงานในวันพรุ่งนี้

ตอนนี้นางไม่มีเงินอยู่ในมือมากนัก และนางต้องการหาเงินเพื่อซื้ออาหารให้เหยียนจื่อ หากไม่มีเงินเดือนในเดือนนี้ นางก็ต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด

ทันทีที่นางเดินออกจากห้อง นางเห็นหลางกวนเอ๋อร์ปรี่เข้ามาหา นางหยุดเขาและถามว่า “เจ้ากำลังรีบไปที่ใดรึ”

เมื่อหลางกวนเอ๋อร์เห็นเหยียนอี้ เขาก็วิ่งไปหานางราวกับว่าเขาได้เห็นผู้ช่วยชีวิต “โชคดีที่เจ้าอยู่ที่นี่ ช่วยข้าด้วย”

“ไม่ต้องห่วง เกิดอะไรขึ้น” เหยียนอี้ถามอย่างเร่งรีบ

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าขันทีฉวนซ่าน คนในห้องเครื่องหลวงประมาทจนทำน้ำแกงกระเด็นบนโต๊ะขององค์หญิงผิงหยาง องค์หญิงทรงโกรธมาก นางเฆี่ยนตีเขาจนผิวหนังและเนื้อของเขาแตก เมื่อเขาถูกส่งกลับมาโชคดีที่เขายังมีชีวิตอยู่” หลางกวนเอ๋อร์อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“ช่างเป็นผู้ชายที่ประมาทอะไรเช่นนี้!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยียนอี้ก็ขมวดคิ้ว

“โชคดีที่เขาเป็นญาติของไห่เทียนอี้ ไห่เทียนอี้รู้สึกสงสารหลานชายของเขาและเรียกหมอหลวงมารักษา หมอหลวงได้สั่งจ่ายยาแล้ว ข้ากำลังจะไปเอายาช่วยชีวิตเขา!” หลางกวนเอ๋อร์กล่าว

“งั้นข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้ ไปเอามันมาเถิด” เหยียนอี้รีบหลีกทางให้เขา

หลางกวนเอ๋อร์กล่าวอย่างกังวลใจ “เหยียนอี้ ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า องค์หญิงผิงหยางบอกว่าคนในห้องอาหารของเราประมาทและไม่เป็นระเบียบ นางขอให้พวกเราทุกคนไปที่ตำหนักจาวหยางเพื่อฟังนาง ส่วนเจ้าไม่ต้องไปเพราะป่วยอยู่ แต่ข้ากำลังจะไปเอายา เมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่ถูกดุก็จะมีจำนวนไม่ครบ ข้าต้องไปตำหนักจาวหยางโดยเร็วที่สุด ฉะนั้นเจ้าช่วยไปเอายามาให้ข้าได้หรือไม่ ! หากองค์หญิงทรงทราบว่ามีคนหาย นางต้องคว่ำห้องเครื่องหลวงเป็นแน่!”

เหยียนอี้ไม่เคยไปที่แผนกยา ดังนั้นนางจึงไม่คุ้นเคยกับเส้นทางและไม่รู้ว่าจะต้องเอายาชนิดใด นางกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จักทาง และไม่รู้จักยาเท่าเจ้า ทั้งยังไม่เร็วเท่าเจ้า เจ้าควรไปเอง ข้าจะไปที่ตำหนักจาวหยางแทน เพราะอย่างไรแล้วพวกเขารู้แค่จำนวนคน ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายและผู้หญิงกี่คน”

หลางกวนเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอาตามนั้นแล้วกัน หมอหลวงบอกว่าบาดแผลของฉวนซ่านร้ายแรงนัก เราควรจะหยุดเลือดให้เร็วที่สุด เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ!”

หลางกวนเอ๋อร์รีบวิ่งไปทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ

เหยียนอี้จัดเสื้อผ้าของนางและรีบไปที่ห้องเครื่องหลวง นางมาเวลาทันพอดี

เมื่อคนในห้องเครื่องมาถึงตำหนักจาวหยาง หมัวหมั่วนับจำนวนคนตามที่คาดไว้ จากนั้นนางก็หันไปมองสมุดการเข้างานและเขียนคนที่ขอลาและลาออกไป ปรากฏว่ามีขันทีและสาวใช้ทั้งหมดสามร้อยสี่สิบห้าคนในห้องเครื่องหลวง ซึ่งเป็นจำนวนที่แน่นอน

เหยียนอี้แอบดีใจที่นางมาที่นี่ในนามของหลางกวนเอ๋อร์ มิฉะนั้น คงจะเกิดการทุบตีอย่างโหดเหี้ยมหากมีคนขาดไป

องค์หญิงผิงหยางมักจะเจ้าอารมณ์และเกเรอยู่เสมอ เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ขันทีทำน้ำแกงหก แต่นางกลับอารมณ์เสียใหญ่โต

องค์รัชทายาทเคยขอให้นางมีความเมตตา แต่ยิ่งองค์หญิงนึกถึง นางก็โกรธยิ่งกว่าเดิม นางต้องการจะต่อว่าคนในห้องเครื่องหลวงทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องทำงาน เหยียนอี้เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นและฟังการตักเตือนของหมัวหมั่ว

หมัวหมั่วพูดเพียงไม่กี่คำ แต่คำพูดของนางช้าและยาวนานทำให้ทุกคนยืนท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาเป็นเวลานาน

ทางด้านองค์หญิงผิงหยาง นางกำลังรับประทานผลไม้อยู่ใต้ร่มเงาของทางเดิน ระหว่างนั้นก็ฟังขันทีน้อยอ่านหนังสือให้ฟัง มองไม่ออกเลยว่าในใจนางโกรธมากเพียงใด

ทุกคนทนทุกข์ทรมานและปากแห้งแตกเพราะขาดน้ำจากการยืนตากแดด แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร

ในเวลานี้ องค์รัชทายาทได้มาถึงตำหนักจาวหยางเพื่อทักทายฮองเฮา ทันทีที่เขาออกมา เขาต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคนจำนวนมากยืนอยู่ในลาน

องค์หญิงผิงหยางเชื่อฟังพี่ชายอย่างองค์รัชทายาทมาโดยตลอด นางรู้ว่าองค์รัชทายาทไม่ชอบให้นางปฏิบัติต่อคนรับใช้รุนแรงเกินไป นางจึงโบกมือและขอให้คนใช้ออกไป

เมื่อหลี่หรงอวี่ถามว่านางกำลังทำอะไร นางเพียงมองเขาและกุเรื่องโกหกไปอย่างไม่ใส่ใจ

[1] ปัจจุบันเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงนักปฏิวัติคอมมิวนิสต์กว่าแสนคนที่ถูกสังหารโดยพรรคก๊กมินตั๋งในช่วงสงครามกลางเมือง

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 60 เหยียนอี้ป่วย"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved